รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 524 คุณจะสู้ก็สู้เถอะ



บทที่ 524 คุณจะสู้ก็สู้เถอะ

“ทำไม?” ฉินหลั่งนั่งตัวตรง

“คิดว่าผมสู้เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งไม่ได้หรือ?”

“ประธาน ไม่ได้หมายความเช่นนั้น ปัญหาคือท่านเป็นถึง ประธาน ไม่จำเป็นต้องไปรับการท้าประลองกับคนพวกนี้”

ลู้เป้ายิ้มพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ท่านเป็นคนที่มีสถานะ คน อะไรมาท้าประลองกับท่าน ท่านก็ล้วนต้องรับไม่ได้”

ฉางจื่อชงก็รีบหันมาพูดขึ้นว่า “ใช่ เขาถือว่าเป็นใครกัน เขาพูดอะไรก็ต้องเป็นเช่นนั้นไม่ได้ จะเอาอำนาจยกให้อยู่ใน มือเขานั้นไม่ได้?”

“เสี่ยวฉวนหมาป่าชั่วร้ายตัวนี้ท้าประลองพี่หลั่ง พี่หลั่งก็ไป ท้าประลองลูกศิษย์เขาทุกวัน อย่างเช่นพวกเหย่หยวนเม้ยจื่อ ตอนนั้นเมื่อจำนวนน้อยกลายเป็นจำนวนมาก ดูซิว่าเขาจะลง มายังไง?”

“ตอนนี้ผมจะไปตั้งสำนักหมอผีขึ้นมา พันธมิตรศิลปะการ ต่อสู้เราไปท้าประลองกับพวกเขา ผมไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ล้ม”

“อย่างน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาโกรธไม่ใช่หรือ?” เวลานี้ซ่งเสี้ยวหยู่ก็พูดขึ้นว่า “ประธาน ท่านเพิ่งรับ ตำแหน่ง ดูแลจัดการพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ให้ดีก่อน แล้ว เราค่อยไปต่อสู้กับคนอื่นจะดีกว่า ยังไงพวกเราก็ยังหนุ่มยัง แน่น ยังไงก็ได้อยู่จนได้เห็นสุนัขเสี่ยวฉวนตัวนั้นตายไม่ใช่ หรือ?”

“ใช่ อดทนจนกว่าคลื่นนี้จะสงบ” ทุกคนต่างก็พูดขึ้น

เห็นทีความเห็นของทุกคนค่อยๆเป็นไปในทางเดียวกัน

แล้ว

“ประธาน ตอนนี้ท่านไปต่อสู้กับเสี่ยวฉวน โอกาสที่จะ สามารถเอาชนะพวกเรายังมีน้อย แต่พวกเราก็ได้เปรียบตรง ที่ยังหนุ่มยังแน่น ถึงตอนนั้นค่อยไปจัดการสำนักหมอผีให้ สิ้นซากก็ไม่ใช่เรื่องยาก” ลู้เป้ามองการณ์ค่อนข้างไกล อย่าง ซ่อนเร้นความสามารถ

จงเล่นซานก็พูดขึ้นมาว่า “ประธาน เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งมีชื่อ เสียงมาแล้วหลายสิบปี ความตื้นลึกของทักษะการต่อสู้ไม่มี ใครสามารถคาดเดาได้ คุณระมัดระวังไว้ก่อนจะดีกว่า ตอน นี้ก็เพราะเขารู้ว่าท่านได้ขึ้นมามีอำนาจอย่างรวดเร็ว คิดที่จะ ฆ่าคุณก่อนที่คุณจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุด เราอย่าไปหลงกลนี้จะดี ที่สุด”

“ใช่ ใช่ ใช่ เราจะปล่อยให้อารมณ์โกรธชั่ววูบทำลาย ความรุ่งเรืองอันยืนยงไม่ได้”

“พวกเราฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ก็เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ จำเป็นต้องไปต่อสู้ฆ่าฟัน เสี่ยวฉวนไม่ได้อยู่ในเขตอิทธิพล ของเรา จะไปถือสาเขาทำไมกันล่ะ”

หลังจากที่ทุกคนวิเคราะห์ฝีมือการต่อสู้ของเสี่ยวฉวนแล้ว ต่างก็คิดว่าคนหนึ่งที่มีอำนาจในวงการศิลปะการต่อสู้กับ ขวัญใจคนหนุ่มคนหนึ่งต่อสู้กัน ดูเหมือนทางด้านพันธมิตร ศิลปะการต่อสู้เย็นจีนค่อนข้างเสียเปรียบ

จะว่าไปแล้วก็คือ รู้สึกว่าความสามารถทางด้านพันธมิตร ศิลปะการต่อสู้เย็นจีนสู้กับสำนักหมอผีไม่ได้ ยังคงไม่มั่นใจ ในตัวฉินหลั่ง

“ขอประธานไตร่ตรองให้รอบคอบ”

ทุกคนพร้อมใจกันพูดขึ้น

ฉินหลั่งครุ่นคิดอยู่เพียงสองวินาที แล้วก็ลุกขึ้นมาพูดกับ

ทุกคนว่า

“ทุกคนคิดมากไปแล้ว”

“คุณอยากสู้ งั้นก็สู้”

“ฉินหลั่ง คุณเขียนหกคำนี้มาให้ดี ถือเป็นหนังสือท้า ประลอง ส่งไปให้กับสำนักหมอผีญี่ปุ่น”

สายตาทุกคนนึ่งจันไปทันที ต่างก็หันมามองสีหน้ามุ่งมั่น ของฉินหลั่ง ความร้อนรุ่มในใจค่อยๆมอดไหม้ มีความรู้สึก เหมือนเลือดลมพลุ่งพล่าน

“คุณฉิน ผมชื่นชมในความกล้าหาญของคุณอย่างมาก ผม เหลิ่งเชียนชีวเห็นด้วยเป็นคนแรก” เหลิ่งเชียนชีวตบโต๊ะ อย่างตื่นเต้นที่สุด

เมื่อกี้เหลิ่งเชียนชีวไม่พูดอะไรมาตลอด ในใจคิดว่าอยู่ว่า ทำไมคนหนุ่มสมัยนี้ถึงได้ขี้ขลาดยิ่งนัก ในใจไม่พอใจอย่าง ยิ่ง ตอนนี้ได้ยินฉินหลั่งพูดแบบนี้ สีหน้าก็ยิ้มแย้มขึ้นมาทันที รู้สึกว่าฉินหลั่งช่างรู้ใจตนเองเป็นยิ่งนัก

“ผมไม่เห็นด้วยกับความเห็นของเสี้ยวอยู่ ผมขอยืนเคียง ข้างประธานฉิน สนับสนุนสิ่งที่ประธานฉินตัดสินใจอย่างไม่มี ข้อแม้”

พ่อของซ่งเสี้ยวหยู่ซ่งชื่อหยูนนั่งตัวตรง แสดงถึงท่าที สนับสนุนอย่างมุ่งมั่น

ซึ่งชื่อหยุนเคยเห็นภาพที่ฉินหลั่งฆ่าลุงจื้อที่เป็นถึง ปรมาจารย์แดนสุขาวดีด้วยตาตัวเอง ตัวเขาก็เลื่อมใส ศรัทธาฉินหลั่งอย่างที่สุด เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงมี ความเห็นแตกต่างไปจากซ่งเสี้ยวหยู่

“คุณอยากสู้ งั้นก็สู้”

“ใช่ คุณอยากสู้ งั้นก็สู้” “คุณอยากสู้ งั้นก็สู้” ทุกคนต่างก็ถูกฉินหลั่งซักนำ ส่งเสียง คำรามออกมาจากใจเพื่อวงการศิลปะการต่อสู้ของประเทศ จีนอย่างกล้าหาญ

“ขอให้ทุกคนวางใจ” น้ำเสียงของฉินหลั่งเต็มไปด้วย ความมั่นใจ “ไม่มีใครที่ผมสู้ไม่ได้ มีเพียงศัตรูที่ไม่อยู่ใน สายตาของผม”

“โอ้โห..”

พวกคนรุ่นหลัง ต่างก็อึ้ง

จะมีอะไรดีไปกว่านี้อีกไหม?

มีอะไรที่ดีไปกว่าสำนวนนี้อีกไหม?

คนหนุ่มก็ควรที่จะเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ?

สายตาทุกคนที่หันมามองฉินหลั่ง ต่างก็เต็มไปด้วยความ เลื่อมใสศรัทธา สนับสนุน และเชื่อมั่นในตัวเขา

“เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งไปเหยียบถึงหัวพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ เย็นจีนของเราแล้ว หากเราไม่คิดที่จะทำอะไร จะดีหรือ?”

“หากพันธมิตรศิลปะการต่อสู้เย็นจีนของเราไม่ลงมือ งั้น ต่อไปพวกเราในที่นี้ก็จะกลายเป็นเต่าหัวหด ไม่มีทางได้เงย หัวขึ้นมาเป็นคนอีก”

“พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ในมือของผม จะต้องไม่เป็นแบบ นี้ จะไม่ปล่อยให้ธงแห่งชัยชนะของญี่ปุ่นลอยอยู่เหนือหัวของ ผมอย่างไร้ยางอาย”

“ประกาศคำสั่งของผมออกไป รีบส่งหนังสือท้าประลองไป ให้เสี่ยวฉวน” ฉินหลั่งลุกขึ้นยืน ดวงตาสว่างไสว

ส่งหนังสือท้าประลองนี้ออกไปแล้ว ก็กลายเป็นที่สนใจใน ศิลปะการต่อสู้ของทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก

พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าประธานฉินก็คือปรมาจารย์ฉินที่ ร่ำลือกัน ต่างก็คิดว่าฉินหลั่ง ที่อาศัยการสนับสนุนจากตระ กูลซ่ง ตระกูลจงนั้นเป็นบ้าไปแล้วหรือ?

แค่คนหนุ่มหัวร้อนที่ไม่รู้เรื่องอะไรคนหนึ่ง เหมือนเอาไข่ไป กระทบหิน

แม้กระทั่งปรมาจารย์ฉินที่มีชื่อเสียงในประเทศจีนคนนั้น ก็ไม่กล้าอวดดีขนาดนี้

เพราะเสี่ยวฉวนอู่เจิ้งไม่ใช่นักสู้ธรรมดา แต่เป็น ปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล

ตอนนั้น ตอนที่เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งอายุสามสิบแปด ก็เคยต่อสู้ กับแก๊งหัวชิงจ้านอู๋ หยา สุดท้ายได้ใช้วิชาดาบฟันจนข้อมือ จ้านอู๋หยาขาด จ้านอู่หยายอมแพ้แต่โดยดี จากนั้นก็จากไป ใกลถึงทวีปอเมริกาเหนือที่หนาวเย็นสุดขั้ว เพื่อฝึกฝนพลัง แห่งความเป็นอมตะ แต่ว่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พบกันอีกนับแต่นั้นมา และก็ไม่ได้ยินว่าจ้านอู่หยาท้าประลองกับเสี่ยวฉวนอู่เจิ้งอีก บางทีอาจจะยังไม่ทันได้ต่อสู้กับเสี่ยวฉวน ตนเองก็เสียชีวิต อยู่ในแม่น้ำเหลืองแล้ว

ดังนั้นต่อให้ปรมาจารย์ฉินมา ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเอา ชนะเสี่ยวฉวนที่พัฒนาฝีมือตนเองมาตลอด

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฉินหลั่งที่อายุยี่สิบกว่าคนนี้?

ถึงแม้จะมีคนมากมายต่างก็พูดว่าฉินหลั่งก็คือปรมาจารย์ ฉิน แต่กลับมีเพียงไม่กี่คนที่เชื่อ เพราะปรมาจารย์ฉินน่า อัศจรรย์เกินไป หลังจากผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง คนส่วนมาก ต่างก็คิดว่านั่นคือเทคนิคพิเศษ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ล้วนเป็น เพียงความฝันที่คนประเทศจีนสร้างขึ้นมา

ดังนั้น ทุกคนต่างก็คิดว่าฉินหลั่งหาที่ตาย ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้จักหนักเบา

ไม่รู้จักประมาณตน ไม่นึกถึงผลที่จะตามมา หยิ่งผยอง อย่าโง่เขลา ล้วนพูดถึงคิดไปในทางที่ไม่ดีอย่างท่วมท้น

ส่วนฉินหลั่งที่ถูกพูดถึงนั้น ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นกังวลเลย ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ยังคงค่อนข้างหนักอึ้งอยู่ไม่น้อย

การต่อสู้ในครั้งนี้ ต้องได้ชัยชนะเท่านั้น พ่ายแพ้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ต่อสู้เพื่อตนเอง แต่เป็นตัวแทนของคนกลุ่ม หนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ยอมถูกเหยียดหยาม ไม่ยอมก้มหัว คุกเข่า

ดังนั้น ในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉินหลั่งกำลังฝึกฝน ฝึกฝนแก่นแท้ศิลปะการต่อสู้ของคุณยายพันปียาวเย่วกงจู่ ชื่อ(ผู้ก่อตั้งหรือเจ้าสำนัก)

เขาเชื่อว่า ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะน่ากลัวขนาดไหน ศิลปะการต่อสู้ ที่มีมากกว่าพันปีของประเทศจีน จะต้องสามารถแก้ปัญหา การแก่งแย่งทุกอย่างได้

ในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง บนพื้นดินมีเรกิที่มาจาก พระจันทร์ส่องแสง เขามักจะนั่งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่งใน เมืองเย็นจีน รับคลายพลังลมปราณ ดูดเอาเรกิที่มีให้ใช้ไม่ หมดสิ้น

แผนที่ศิลปะการต่อสู้ในสถานที่ต้องห้ามของยาวเย่วกง ฉินหลั่งได้คัดลอกมาหนึ่งเล่มแล้วเก็บไว้กับตัวตลอด แต่ยังมี คาถาปรุงยาที่สลักเขียนไว้บนหิน เขาก็ท่องจำได้ขึ้นใจ

การปรุงยาสามารถเอามาใช้ได้ในการเพิ่มพลัง สามารถ เพิ่มการดูดเอาเรกิ กระทั่งสามารถผลิตเรกิ มีประสิทธิภาพ มากกว่าการฝึกฝนภายไปใต้ค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ