รวยชั่วข้ามคืน?

บทที่ 523 ด้านบนสุดของกำแพงเมืองจีนในค่ำคืน พระจันทร์เต็มดวง



บทที่ 523 ด้านบนสุดของกำแพงเมืองจีนในค่ำคืน พระจันทร์เต็มดวง

ฉินหลั่งเอาดาบปักบนพื้น หยิบกระดาษขึ้นมาเช็ดมือทั้งคู่ พร้อมพูดขึ้นว่า “เส้นเอ็นทั้งสี่ของคุณถูกผมตัดขาดแล้ว ไม่ สามารถยืนขึ้นมาได้อีกไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝึก วิชาการต่อสู้”

“คุณวางใจ ผมไม่ฆ่าคุณ”

“ไม่ใช่ว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณ แต่เพราะวันนี้เป็นวันดี มีคน ตายจะทำให้ไม่เป็นมงคล”

ฉินหลั่งโบกมือเบาๆ พร้อมพูดว่า “จัดการคนอื่นๆ ให้ พิการด้วย”

ซึ่งจงผิงโบกมือ ลูกศิษย์คนหนึ่งยื่นมือไปจับตัวคนแก่แล้ว เดินไปหาเย่หยวนเฟ่ยจื่อ

“หยุดนะ หยุด…” เย่หยวนเม้ยจื่อไม่กล้านิ่งเฉยแล้ว รีบ ล้วงเอาม้วนข้อความหนึ่งออกมาพูดขึ้นว่า “ที่พวกเรามาใน คืนวันนี้ ที่จริงเป็นการเอาหนังสือท้าประลองมาแทน อาจารย์…

“ในระหว่างการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายจะต้องมี ตัวแทนที่เจรจาซึ่งกันและกันเพื่อถ่ายทอดข้อมูล” ความเย่อหยิ่งของเธอหายไป บนใบหน้าสวยของเธอ เหลือเพียงความหวาดกลัว

ฉินหลั่งหัวเราะพูดขึ้นว่า “หนังสือทำสงคราม?”

“หลังจากหนึ่งอาทิตย์ ในคืนพระจันทร์เต็มดวง บนที่

สูงสุดของกำแพงเมืองจีน อาจารย์ขอท้าประลองกับคุณ”

เสียงสั่นเทาของเหย่หยวนเฟ่ยจื่อตะโกนพูดขึ้นว่า “ผล ตัดสินแพ้ชนะ ก็คือการตาย”

“หนังสือท้าประลอง ผมรับไว้แล้ว”

ฉินหลั่งรับเอามา พร้อมพูดว่า “ตัดมือเหมือนเดิม”

เสียงเชือดดังขึ้น….

“วันที่เจ็ดเดือนธันวาคม บนที่สูงสุดของกำแพงเมืองจีน ตัดสินกันด้วยความตาย”

ค่าคืนค่อยๆดีก สำนักงานใหญ่พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ เย็นจีน ทุกตระกูลใหญ่นักสู้วีรบุรุษทุกคนนั่งอยู่รวมกัน ชมวดคิ้วมองดูหนังสือท้าประลอง

เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งมาด้วยตัวเอง

จงเล่นซานมองดูฉินหลั่งบนโซฟา แล้วพูดว่า “เห็นที่อู่หย่ง ให้ความสำคัญเขาไม่น้อยเป็นหมากสำคัญในการก้าวเข้าสู่ การต่อสู้กับประเทศจีน ไม่งั้นจะยอมมาลงมือด้วยตัวเอง หรือ?”

ไม่ว่ายังไงเสี่ยวฉวนอู่เจิ้งก็เป็นถึงประธานสำนักหมอผี มี ลูกศิษย์อยู่ทั่วโลก สถานะสูงส่ง หากไม่เกลียดจนเข้ากระดูก จะลงมามีเรื่องกับคนรุ่นหลังหรือ?

ฉินหลั่งหัวเราะพูดขึ้นว่า “ผมยังคิดว่าคนแก่นั้นแค่พูดวาง อำนาจ ไม่คิดว่าจะท้าประลองกับผมจริง”

เขารู้สึกว่าตนเองประเมินอู๋หย่งต่ำเกินไปแล้ว

เจ้าบ้านตระกูลลู้ลู้เหมิงเถียนพูดขึ้นอย่างลังเลว่า “ประธานฉิน หนังสือท้าประลองนี้ไม่ควรรับมาเลย”

ฉินหลั่งหัวเราะพูดขึ้นว่า “เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งมีอะไรน่ากลัว ขนาดนั้น?”

“ถึงแม้เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งจะไม่ได้ต่อสู้มาหลายปี ยิ่งไปกว่า นั้นก็ได้ถ่ายทอดวิชาเพลงดาบให้กับศิษย์…ลู้เหมิงเถียน ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที่ “แต่หลายปีผ่านไปนานขนาดนี้ ไม่มี ใครรู้ว่าเขามีพลังถึงแดนไหนแล้ว”

“กลฉีขุยบอกว่าอู่เจิ้งฝึกถึงแดนฟ้าระดับสาม แต่แดนฟ้า ระดับสามเป็นยังไง ไม่มีใครเคยเห็น ”

“หากเป็นแดนฟ้าระดับสาม บนโลกนี้ คงยากที่จะหาคู่ ต่อสู้แล้ว อู่เจิ้งชอบใช้ดาบ ไม่รู้ว่าดาบนี้ฝึกฝนไปถึงระดับ ไหนแล้ว” สู้เหมิงเถียนพูดไปพร้อมกับเป็นกังวล ทั่วทั้งประเทศจีน คนหนึ่งพันห้าร้อยล้าน นอกจากคนเฒ่า แปลกประหลาดที่ละทางโลกแล้ว คนที่มีพลังถึงแดนฟ้า จะ พูดไปก็มีเพียงประธานฉิน

พันธมิตรศิลปะการต่อสู้เย็นจีนก็นับว่าเป็นวีรบุรุษ แต่ก็มี เพียงคนสองคนที่มีพลังไม่ถึงขั้นปรมาจารย์ ไม่มีที่ถึงแดน สุขาวดีเลย เห็นได้ชัดว่าการไปถึงขั้นปรมาจารย์นั้นไม่ใช่ เรื่องง่ายเลย

ไม่ได้หมายความว่าพันธมิตรศิลปะการต่อสู้เย็นจีนไม่เอา ไหน แต่ทั่วทั้งประเทศจีนล้วนเป็นเช่นนี้ และก็ไม่ได้ หมายความว่าวงการศิลปะการต่อสู้จะไม่มีคนไม่มีความ สามารถ แต่เส้นทางไปถึงปรมาจารย์นั้นยากเย็นแสนเข็ญ เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่โบราณ

ดังนั้นวันนั้นลุงจื้อถึงได้พูดว่า ทั่วทั้งโลก ก็มีเพียงฉินหลั่ง กับเขาที่เป็นวีรบุรุษระดับโลก คนอื่นล้วนไม่คู่ควรที่จะพูดถึง

จงจิ๋วเงินค่อนข้างรู้จักเสี่ยวฉวนอู่เจิ้ง จึงพูดกับฉินหลั่ง อย่างเป็นกังวลเช่นกันว่า “ได้ยินมาว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน วงการใต้ดินของญี่ปุ่นสั่นสะเทือน มีหอการค้าเข่นฆ่าแย่ง พื้นที่กันทุกวัน สามารถพูดได้ว่าเป็นยุคสงครามของญี่ปุ่น”

“เพื่อระงับเหตุการณ์นี้ เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งฆ่าหัวหน้าไปสิบเจ็ด คนด้วยตัวคนเดียว และได้กำจัดยอดฝีมือของวงการไต้ดิน ทั้งสามสิบหกคน” “เขาเอาหอการค้ากว่าร้อยแห่งมารวมกันเป็นกลุ่มหนึ่ง ยัง ตั้งชื่อว่ากลุ่มซากุระ และให้ศิษย์เอกชงหย่งจิ๋วซ่วดูแลแทน เขา จนถือเป็นการยุติความวุ่นวายของวงการใต้ดิน”

เขาพูดเสริมขึ้นอีกประโยคหนึ่งว่า “ดังนั้นไม่ควรไปมีเรื่อง กับเสี่ยวฉวนอู่เจิ้งจริงๆ กลุ่มซากุระก็คือสำนักหมอผีในเวลา ต่อมา”

“อะไรควรยุ่งเกี่ยว อะไรไม่ควรยุ่งเกี่ยว กำแพงเมืองจีน เป็นพื้นที่ของประเทศจีนเรา”

เจ้าบ้านตระกูลฉางฉางจื่อชง ลุกขึ้นมาตบโต๊ะแล้วก็ ตะโกนพูดขึ้นว่า “รับหนังสือท้าประลองมาเลย ปล่อยให้ เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งขึ้นไปก่อน หลังจากนั้นก็ปิดกั้นเส้นทาง ทั้งหมด”

“จัดคนหลายร้อยคนดักซุ่มอยู่บนยอดเขา ปืนลูกซองนับ ร้อย ดูสิว่าเขาจะไม่ตายหรือ”

การเลี้ยงเชื่อมสัมพันธ์เย็นจีนในคืนนี้ เพราะฉางจื่อซงมี ความดีความชอบในการช่วยสนับสนุนประธานคนใหม่ ขวัญ กำลังใจอยู่ในระดับสูง จึงทนฟังคำพูดผิดหวังเช่นนี้ไม่ได้

ตระกูลฉางตระกูลก็คือสินค้าหัว ติดต่อมาเพื่อร่วมกัน รับมือกับพวกตระกูลฉินที่ละในทางโลกไปแล้วพวกนั้น ตอน นี้พวกเขาหันกลับมาเร็วมาก เชื่อฟังปรมาจารย์ฉินมานานแต่ แรกแล้ว เป็นการให้ความเคารพจากใจจริง เหลิงเขียนชีวก็พูดเสริมขึ้นว่า “ใข่ พวกเราคนเยอะปืน เยอะดาบเยอะ จะไปสนใจอะไรเสี่ยวฉวนด้าฉวน รุมฟันยิง ให้เขาตายไปก็จบ”

“หนักกว่านี้หน่อย ก็ฝังระเบิดไว้บนยอดเขา คุณฉินไม่ต้อง ปรากฏตัวแม้แต่เงา ก็สามารถระเบิดให้เสี่ยวฉวนนั่นแล้ว”

ศิลปะการต่อสู้ของเหลิ่งเชียนชีวในตอนนี้ ห่างจากแดน ปรมาจารย์อีกเพียงนิดเดียว และเป็นถึงผู้อาวุโส อารมณ์ ร้อนอย่างไฟ ชอบใช้อาวุธร้อนแรง เครื่องยิงจรวดยังเล่น บวกกับวันนี้เห็นดีเห็นงามกับการกระทำของฉินหลั่งอย่าง มาก ดังนั้นจึงไม่ยอมให้เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งกดฉินหลั่งแม้เพียง

นิด

“พวกคุณไม่มีสมองคิดกันแล้วหรือ?”

เจ้าบ้านตระกูลโจวโจวเฉียนหยวนพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “การต่อสู้ในครั้งนี้ มีหนังสือท้าประลอง จะต้องมีการต่อสู้ อย่างเปิดเผย ไม่ใช่อาศัยเล่ห์กลชั่วร้ายเพื่อชัยชนะ”

“อย่าว่าแต่เสี่ยวฉวนอู่เจิ้ง คนที่ยากต่อการแทงข้างหลัง แบบนี้ ต่อให้มีโอกาสเราก็จะใช้วิธีสกปรกไม่ได้ จะเป็นการ ทำให้ทั่วทั้งวงการศิลปะการต่อสู้ระดับโลกประณาม”

“เมื่อเรื่องถูกพูดออกไป พันธมิตรศิลปะการต่อสู้เย็นจีนไม่ เพียงจะถูกคนประณาม ชื่อเสียงของประธานฉินก็ลดลงอย่าง ชวบชาบ” “แต่ถ้าหากคุณไม่ได้ทำให้เสี่ยวฉวนอู่เจิ้งตายด้วยเล่ห์ เขาหลบซ่อนเข้าไปในที่ลับ แล้วลอบทำร้ายพวกเราอย่าง ต่ำช้า จะมีกี่คนที่สามารถต้านทานไม่ถูกเขาฆ่าตาย?”

“ซึ่งตอนนั้นกลัวว่าคนนับหมื่นคนจะถูกเขาฆ่าตายจน เลือดนองกลายเป็นสายน้ำ”

โจวเฉียนหยวนพูดขึ้นอย่างคนมองการณ์ใกลว่า “ดังนั้น การสู้รบในครั้งนี้ ต้องสู้รบกันอย่างแท้จริง หรือไม่ก็ปฏิเสธ ไม่รับหนังสือท้าประลองนี้”

ทุกคนต่างก็เงียบ ดูเหมือนโจวเฉียนหยวนจะพูดมีเหตุผล ชื่อเสียงไม่เป็นไร แต่กลัวไม่สามารถฆ่าเสี่ยวฉวนได้ด้วยเล่ห์ ฉันผลที่จะตามมาก็จะไม่คาดคิด

ฉินหลั่งมองดูโจวเฉียนหยวน ดวงตาประกายแววเห็นด้วย

“ประธานฉิน ผมคิดว่าหนังสือท้าประลองนี้ไม่ควรรับ”

ซ่งเสี่ยวหยู่ก็พูดขึ้นด้วยท่าทีคิดหนักว่า “ประธานท่านไม่ ต้องกลัวว่าจะเป็นการเสียหน้า เสี่ยวฉวนเป็นคนที่มีชื่อเสียง มาแล้วหลายสิบปี รังแกท่านที่เป็นคนใหม่ เดิมก็ไม่เป็นการ สมควรอยู่แล้ว”

“ท่านปฏิเสธการท้าประลองในครั้งนี้ ก็จะไม่มีคนพูดว่า คุณอ่อนแอ เพราะยังไงนี่ก็เป็น สถานการณ์ที่ผู้ใหญ่รังแก เด็ก” “กลับกัน หากท่านรับการท้าประลอง จะมีคนพูดว่าท่าน

ไม่รู้จักประมาณตน”

ซึ่งชื่อหยูนพ่อของเขา จงรักภักดีต่อฉินหลั่ง แต่เรื่องที่ฉิน หลั่งฆ่าลุงจื้อยังไงก็ไม่แย้มพรายความลับออกมาแม้แต่คำ เดียว ไม่เคยพูดกับใคร ดังนั้นต่อให้เป็นลูกชายของช่งชื่อห ยูน ยังไงเค้าก็ดูไม่ออกถึงแดนของฉินหลั่ง แต่เมื่อครุ่นคิดดู แล้วสิ่งที่คนอายุขนาดนี้กระทำให้เห็นนั้น สูงสุดก็เป็นแค่ ปรมาจารย์สามัญ ยังไงก็เป็นถึงปรมาจารย์แดนสุขาวดีไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแดนฟ้า

แดนฟ้าระดับสาม ขั้นสุดของเสี่ยวฉวนอู่เจิ้ง ฉินหลั่งเทียบ ไม่ได้ การต่อสู้ในครั้งนี้ ไม่สามารถที่จะสู้กันได้เลย

ลูกชายของลู้เหมิงเถียนลู้เป้าพูดขึ้นว่า “ประธานฉิน ให้ ผมร่างหนังสือขึ้นมา ปฏิเสธการสู้รบในครั้งนี้เถอะ”

ทุกคนนั่งปรึกษาอยู่ด้วยกัน แทบต่างก็พาลูกชายลูกสาว มาร่วมด้วย สไตล์ของฉินหลั่งเป็นแบบเปรียบเทียบ ประชาธิปไตย พวกกับลูกสาวส่วนใหญ่พวกนี้ต่างก็คนใน ความดูแลของฉินหลั่ง เป็นเยาวชนของวงการศิลปะการต่อสู้ เย็นจีน ฉินหลั่งที่อายุยังน้อยก็สามารถสั่งการคนระดับฮีโร่ ยอดฝีมือได้แล้ว ยังไงก็ต้องพามาเปิดหูเปิดตาศึกษาเรียน

รู้.


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ