บทที่ 487 อารมณ์รุนแรง
“เปลี่ยนเรื่องเหรอ?”
“เฮอะๆ! เกรงว่าคนที่เปลี่ยนเรื่องเป็นนายมากกว่า?” ฉิน หลั่งแสยะยิ้ม
“ก็ต้องเปลี่ยนเรื่องอยู่แล้ว! พอถูกฉันเปิดเผยก็เลยหันมา พูดใส่ร้ายคนอื่น! ฉันไม่เข้าใจหรอกนะว่านายพูดอะไรอยู่!!” จางหลีเย่วทำหน้าจริงจัง และตะโกนเสียงดัง
เหลิ่งเชียนชีวไม่ได้โง่ เขารู้สึกได้ว่าจางหลีเย่วผิดปกติไป
“ไม่เข้าใจอะไรงั้นเหรอ?! เฮอะๆ!” ในตอนนี้จงยู่ก็พูด แทรกขึ้นมา
“สำนักหมอผีขนาดนักศึกษาธรรมดาอย่างฉันยังรู้จัก นาย บอกว่านายไม่รู้จักงั้นเหรอ?”
“หนูคนนี้ ฉันจะรู้จักสำนักหมอผีได้ยังไง?! นี่เป็นวิธีที่เจ้า หมอนั่นจะหลอกเอาเงินจากทุกคนนะ?!” จางหลีเย่พูดแก้ตัว
จงยู่หัวเราะ”บนกำแพงโรงพยาบาลติดประวัตินายไว้ว่า นายจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ระดับ ดอกเตอร์ของญี่ปุ่นใช่ไหม?”
จางหลีเข่วสีหน้าเปลี่ยนไปทันที อีกอัก พูดไม่ออก
“นักศึกษาที่จบมาจากมหาลัยการแพทย์ของญี่ปุ่นกลับ ไม่รู้จักสำนักหมอผีงั้นเหรอ? นายหลอกเด็กสามขวบอยู่หรือ ไง? ต้องรู้ว่าสำนักหมอผีเป็นที่กันไปทั่วในญี่ปุ่น โดยเฉพาะ วงการแพทย์ คนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง!”
“นายพยายามบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนของสำนักหมอผี ไม่รู้ว่าเสี่ยวหลั่งกำลังพูดอะไร คิดอยากจะปกปิด!” จงยู่พูด แทงใจดำ ดึงหน้ากากของจางหลีเย่วออกทันที
ทุกอย่างก็พลิกผันกลายเป็นประโยชน์ต่อฉินหลั่ง จางหลี เย่วนี้มีปัญหาจริง ตั้งแต่ฉินหลั่งเข้ามาก็เหมือนบ้าคลั่งขึ้นมา ตะโกนในห้องไปทั่ว ไม่มีจรรยาบรรณความเป็นหมอเลย ทำให้เหลิ่งซุนอวี่ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง และสลบไปไม่ตื่น
ภายในห้องมีนักศึกษามหาลัยเย็นจีนอยู่หลายคน ทุกคน ต่างฉลาดกันหมด พอได้ยินจงยู่อธิบายแบบนี้ ทุกคนก็รู้ทันที เลยว่าจางหลีเย่วกำลังโกหกอยู่
และสีหน้าของเหลิ่งเชียนชีวก็กลายเป็นเย็นชาทันที
ฉินหลั่งรีบห้ามไว้”สำนักหมอผีทำอะไรแปลกๆ ไม่ใช่ ระบบที่เปิดเผยอะไร และพวกเขายังบ่มเพาะนักฆ่าระดับสูง อยู่หลายคน ปฏิบัติภารกิจลับๆ ในประเทศจีน เพื่อสะดวกต่อ การรู้จักสมาชิกในกลุ่ม พวกเขาเหมือนจะสักรูปไว้บนตัว”
หรือไม่งั้นนายก็เลิกเสื้อนายออกให้ทุกคนดูสิ กล้าไหม?”
“บ้าไปแล้ว! น่าขำสิ้นดี!” จางหลีเย่วโกรธจัด ด่าออกไป ทันที ต่อมาก็พูดกับเหลิ่งเชียนชีวว่า”คุณเหลิง คนที่คุณพา มากำลังดูถูกผมอยู่ บอกว่าผมเป็นคนสำนักหมอผีของญี่ปุ่น คุณก็ไม่ได้พูดอะไรแทนผมเลยได้ ขอโทษผมไม่รักษาแล้ว ไปเชิญคนที่เก่งกว่ามารักษาแล้วกัน!”
พูดแล้ว จางหลีเย่วก็ออกจากห้องไป และยังปิดประตูอีก
ปัง!
เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นจางหลีเย่วก็ได้ยินเสียง ดังขึ้น เขาหันกลับไป ก็เห็นกำแพงโรงพยาบาลมีรูใหญ่ ฝุ่น ควันกระจัดกระจายเต็มไปทั่ว ในรูนั้นมีมือหนึ่งยื่นมา และจับ คอเสื้อเขาเอาไว้
“ให้นายไปแล้วเหรอ?” เสียงของเหลิ่งเชียนชีวเย็นชา มากกว่าปกติ
จางหลีเย่วใจหายใจคว่ำ ทุกคนก็ต่างอึ้งตกตะลึงกันไป หมด ขนาดฉินหลั่งยังต้องตกใจไม่คิดว่าเหลิงเชียนชีวจะมี อารมณ์รุนแรงแบบนี้ คนเก่าคนแก่ของวงการต่อสู้ประเทศ จีน หมัดแรงไม่เบาเลย
แต่ว่าเมื่อกี้เหลิ่งเชียนชีวยังดูมีความอ่อนโยนและ มารยาทกับทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าเขาเป็นคนอบอุ่น แต่ ที่ไหนได้ ผิดไปหมดแล้ว
เหลิ่งชุนอวี่มีพ่อที่ดุขนาดนี้เลยเหรอ ทั้งที่เดินตามออกไป ก็จับจางหลีเย่วได้แล้ว ใครจะรู้ว่าเหลิ่งเขียนซีวไม่เดินอ้อม เขาชกใส่กำแพงอย่างแรงและคว้าตัวจางหลีเย่วเอาไว้ เด็ด ขาด รุนแรง ดุดัน เกรงว่าเสือตัวหนึ่ง ก็คงถูกเขาชกกระเด็น เหมือนกัน
ฉินหลั่งชอบ เขาก็เคยทำบ้านพังมาแล้วหลายหลัง
ในตอนนี้จางหลีเย่วถูกลากเข้ามา โดนที่ใบหน้าเต็มไป ด้วยฝุ่นควัน คุกเข่าลงตัวสั่นเทาพูดว่า”คุณเหลิ่ง ทำอะไร กัน? ผมไม่ได้ไม่อยากช่วยคุณหนู แค่หมดหนทางแล้ว จริงๆ .”
เหลิ่งเชียนชีวไม่พูดอ้อมค้อม แต่แค่หันไปพูดกับชายหนุ่ม สองคนที่ยืนข้างๆว่า”ถอดเสื้อเขาออก”
ชายหนุ่มสองคนรีบมาตรงหน้า ดูแล้วน่าจะเป็นลูกน้อง ของเหลิ่งเชียนชีว ไม่ใช่นักเรียนหรือญาติ
“คุณเหลิง ผมไม่ใช่คนของสำนักหมอผีจริงๆนะ ผม.” จางหลีเย่วตะโกนเสียงดัง”ฉันถอดให้ดูเอง ฉันถอดเอง”
เขาคุกเข่าถอดเสื้อเองคนเดียว ทำท่าเหมือนผู้บริสุทธิ์ใจ เหมือนสำนักหมอผีไม่เกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ
แต่ว่าในตอนที่แกะกระดุม สายตาทุกคนก็ต่างมองดูท่า ปลดกระดุมของจางหลีเย่ว ทันใดนั้นจางหลีเย่วกระโดดขึ้นทันที มือข้างหนึ่งปาดไปที่คอของเหลิ่งเชียนชีว
และในตอนที่มือเขาหงายขึ้น ฝ่ามือก็มีแสงสะท้อนออกมา ในมือมีมีดผ่าตัดช่อนอยู่ในนั้นด้วย
การเคลื่อนไหวเร็วและมั่นคง ก็เพื่อเอาชีวิตของเหลิ่งเชียน ชีวมาให้ได้
ในสถานการณ์แบบนี้ คนทั่วไปไม่มีทางรอดชีวิตได้
แต่น่าเสียดายเขาเจอกับเหลิ่งเชียนชีวผู้ที่คุ้นชินกับการ ระหว่างแสงสะท้อนนั้น เหลิ่งเชียนชีวจับมือของจางหลีเย่ว
ต่อสู้ดี
ไว้แน่น ได้ยินเสียงกึก หน้าของจางหลีเย่วก็บิดเบี้ยวจนไม่ได้ รูป แต่เขากลับไม่เหมือนตอนแรกที่ตะโกนโหวกเหวกไปมา เขากลับไม่ร้องออกมาเลยสักแอะ
ไม่ใช่เพราะจางหลีเย่วอดทนไม่ร้อง แต่เป็นเพราะเหลิ่ง เชียนชีวใช่หมัดอีกข้างปิดปากจางหลีเย่วเอาไว้ หมัดใหญ่ เท่ากระสอบทราย จางหลีเย่วไม่มีโอกาสได้ร้องเลย ฟันใน ปากเขาแหละสลาย ปากและจมูกเต็มไปด้วยเลือด
พยาบาลสองคนที่คอยดูแลเหลิ่งซุนอวี่ก็ตกใจจนหน้า เปลี่ยน ไม่รู้จะทำตัวยังไง
หมัดที่รุนแรงแบบนี้ และนี่ก็คือนิสัยที่แท้จริงของเหลิ่งเชีย นว เทียบกับสำนักช้างจันทราก็ดูไม่ต้อยไปกว่าเลย
ง่าย ดิบเถื่อน ก็คือคำที่อธิบายเหลิ่งเชียนชีวได้ดีที่สุด
หน้าของจางหลีเย่วยับเยิน ถูกจัดการจนไม่กล้าขยับ ต่อ มาก็ถูกเหลิ่งเซียนชีวจับคอเสื้อไว้เหมือนกับจับเป็ดและโยน ลงพื้นอย่างแรง
แควก!
เหลิ่งเชียนชีวฉีกเสื้อของจางหลีเย่วออก บนอกของจางหลี เย่วมีรอยสักรูปดอกซากุระเด่นหราตระหง่านอยู่
“นายยังอยากพูดอะไรอีก?” เหลิ่งเชียนชีวจ้องมองจางหลี เย่วอยู่อย่างนั้น ใบหน้าไร้อารมณ์ใดๆ
“สำนักหมอผีฉันรู้จัก นายเป็นคนประเทศจีน กลับยอม ทำงานให้กับสำนักหมอผี เป็นหมาของอีกฝ่ายงั้นเหรอ”
“พวกนาย เอาตัวจางหลีเย่วไป ถามมันดีๆ พร้อมกับซ้อม มันให้หลาบจำด้วย”
ลูกน้องสองคนของเหลิ่งเชียนชีวเดินมา ลากจางหลีเย่วอ อกไปทันที
ในตอนนี้จางหลีเย่วปากพีมพำไปมา อยากจะฆ่าคนมาก แต่ฟันกลับถูกต่อยจนหักทั้งหมด ยาที่ซ่อนอยู่ด้านในไม่รู้ว่า ปลิวตกไปไหนแล้ว เขาทำได้แค่มองค้อนฉินหลั่งอย่างนั้น โดยที่ทำอะไรไม่ได้
ฉินหลั่งยิ้ม”ลาก่อน” พูดแล้วก็ยังโบกมือลาอีก
“คุณอาเหลิ่ง สำนักหมอผีเป็นองค์กรอะไรเหรอคะ หนูเคย ได้ยิน แต่ไม่ละเอียดขนาดนั้น” จงยู่เดินเข้าไปใกล้ เก็บ กวาดห้องไปด้วย และถามไปด้วย
“สำนักหมอผีเป็นองค์กรหนึ่งของญี่ปุ่น ภายนอกเป็น องค์กรช่วยเหลือคน แท้จริงแล้วกลับเป็นองค์กรที่ฆ่าคนลัก ขโมยข้อมูลนำไปขายมากมาย เรื่องพวกนี้พวกมันทำมา เยอะ ในประเทศจีนพวกเขาทำโดยลับๆมาตลอด” เหลิ่งเชีย นชีวิต พูด
“สำนักหมอผีให้จางหลีเย่วมา ดูแล้วคงเป็นหนอนบ่อนไส้ ที่เอามาไว้ข้างฉัน”
“องค์กรนี้ญี่ปุ่นบ่มเพาะมาอย่างดี มีความโลภมาก เป้า หมายสุดท้ายของพวกเขาก็คือการทำลายแพทย์แผนจีน ยึด ตำแหน่งการแพทย์ประเทศจีนไปให้ได้ และยังเปลี่ยน สมรรถภาพทางกายของชาวญี่ปุ่นด้วยการขโมยแก่นแท้ของ อารยธรรมจีน นี่เป็นแผนการที่ยิ่งใหญ่พอสมควร”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ