บทที่ 412 เอาเงินเดือนของเขาเอามาใช้ให้หมด
นานสักพัก ทุกคนถึงดึงสติกลับมาได้
“อาจารย์ คุณมั่นใจใช่ไหมว่าคุณเป็นคน จริงๆ ใช่ ไหม?” นักเรียนหญิงเป็นคนถาม
“อืม นักเรียนคิดเอาเอง!” ฉินหลั่งล้อเล่นกลับ จากนั้นก็ ตีสีหน้าเข้มงวดเช่นเดิม
“แพ้ก็ยอมรับสิ! ตอนนี้เข้าแถวให้เรียบร้อย!” บรรดานักเรียนยังคงสงสัยกันอยู่
“หรือว่าพวกนายไม่ยอมแพ้?” ฉินหลั่งพ่นลมออกมา ด้วยความเย็นชา พร้อมทั้งกวาดตามองคนพวกนั้นด้วย การดูถูก
“ใครยังไม่ยอมแพ้?! ทุกคนยืนขึ้น” ฉินหลั่งกระตุก ต่อมจนจ้าวซิงรู้สึกโกรธกระฟัดกระเฟียด!
นักเรียนห้องหกทุกคนต่างเริ่มรวมตัวกัน พร้อมทั้งเข้า แถวยืนอย่างเรียบร้อย แถมยังเข้าแถดีกว่าชั่วโมงที่แล้ว เสียอีก
“โอเค ทุกคนกระโดดตบหนึ่งพันครั้ง เริ่ม!” ฉินหลั่ง ตะโกนออกคำสั่ง!
เสียงบ่นระงงไปทั่วทั้งสนาม เมื่อวานพวกเขาบีบบังคับ ให้พวกคุณครูวิ่งจนหัวเราะท้องแข็ง ตอนนี้ถึงเวลาพวก เขาได้อับอายขายหน้ากันแล้ว
“จูจี้เหวิน ถ้าคุณตั้งสติได้แล้ว ก็กระโดดตบกับพวก เราซะ คุณต้องออกกำลังให้หนัก เมื่อวานนี้วิ่งจะเป็นลม คุณดูสภาพตัวเองเอานะ สีหน้าซีดเผือดอย่างกับคนตาย แล้ว” ฉินหลั่งพูดกับจูจี้เหวิน
“ฉินหลั่ง! แกอย่ามาโอ้อวดให้มาก!” จูจี้เหวินโมโห โกรธแค้น เขาไม่คิดว่าเรื่องนี้มันจะมีผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้
“ไม่ยอมกระโดดแล้วมามุงดูทำไม? ไม่ได้เรื่องได้ราว อะไรสักอย่าง ไสหัวไปซะ!” ฉินหลั่งถลึงตามอง จากนั้นก็ เริ่มสบถด่า
“แก? สักวันแกจะโดนแบบนี้บ้าง!” จูจี้เหวินพูดอย่างไม่ พอใจ เขาสาบานเลยว่าจะไล่ฉินหลั่งออก ไม่งั้นฉินหลั่งจะ เริ่มลงมือ เอาขี้มาโยนใส่หัวเขาแทน
บรรดานักเรียนห้องหกกระโดดตบเสียงสนั่น แต่ไม่มี ใครยอมหยุดลง
หลังจากที่ฉินหลั่งมาที่โรงเรียนมัธยมหัวเจี๋ย ห้องหก ถือว่าเป็นห้องที่บรรดาคุณครูต่างให้ความสนใจเป็นอย่าง มาก
“โอ้โห ทำไมวันนี้เด็กห้องหกถึงได้เชื่อฟังจัง? กระโดด ตบเล่นกันแล้ว?!”
“เฮ้ย จริงด้วย ใครเป็นคนจัดการนะ?!”
“ตั้งใจขนาดนี้ เชื่อฟังคำสั่งแล้วสิ?”
บรรดาคุณครูต่างประหลาดใจตามๆ กัน พร้อมทั้งยืน มองมาที่สนามกีฬาออกด้านบนตึกอาคาร
นี่เป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ห้องหกไม่ว่าจะ วิชาไหนก็ตาม ก็ไม่เคยให้ความร่วมมือมาก่อนเลย
หลังจากกระโดดตบหนึ่งพันครั้งแล้ว นักเรียนหลาย คนต่างยืนไม่ไหว จนเพื่อนคนอื่นต้องคอยประคองตัวหาม กลับห้องเรียนแทน
จินหูกระโดดอย่างตั้งใจมาก ราวกับไม่เหน็ดเหนื่อย ใดๆ หลังจากที่กระโดดตบแล้วก็รีบไปหาฉินหลั่งอย่างอด ไม่ได้ พร้อมทั้งเคารพนบนอบเฉกเช่นคารวะอาจารย์เพื่อ ร่ำเรียนวิชาเช่นนั้น
ทั้งสองคนพูดไปก็ยิ้มไป จนทำให้เพื่อนร่วมห้องต่าง มองตาค้าง เหมือนว่าตอนนี้จินหู่ได้ย้ายข้างไปแล้ว เพราะ ท่าทางเริ่มเคารพยำเกรงและทำตัวดีกับครูรูประจำชั้นคน ใหม่ที่เพิ่งมาประจำที่ห้อง
“พอแล้ว แค่นี้พอก่อน วิธีนี้นายก็ไปฝึกดีๆ ต้องมี ประโยชน์ในการกระโดดไกลของนายในภายภาคหน้าได้ แน่นอน ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจตรงไหน มาถามฉันได้ตลอด เวลา ตอนนี้กลับไปเรียนก่อน ถ้าต่อไปไม่เชื่อฟัง ก่อเรื่อง วุ่นวายในห้องเรียน วิธีนั้นฉันจะไม่สอนให้นายอีกแล้ว” ฉิน หลั่งพูดกับจินหู่
“ขอบคุณครับอาจารย์! ขอบพระคุณท่านมากครับ!” จิ นคู่แสดงอาการดีใจจนผิดปกติไป จากนั้นก็เดินจ้ำอ้าว กลับไปที่ห้องเรียน6/6 จินหูในชั่วโมงเรียน ราวกับถูก เปลี่ยนตัวมาเป็นคนละคน ในมือเอาแต่จดบันทึกไม่หยุด หย่อน ทุกตัวอักษร ไม่มีการตกหล่นในสิ่งที่อาจารย์พูด ออกมาทุกกระเบียดนิ้ว
ไม่ใช่ว่าไม่มีคนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงไป ท่าทางของจินหู่เช่นนี้มันทำให้คนอื่นเหลือเชื่อจริงๆ
วันนี้จินหูตื่นเต้นมีชีวิตชีวา หลังจากที่ขอคำแนะนำ จากฉินหลั่งแล้ว เขารู้สึกว่าความคิดของตนเองมีชีวิตชีวา มากจนไม่อาจขวางกั้น เมื่อก่อนมักมีปัญหาเรื่องการกีฬา ต่างๆ มากมายที่ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ไอ้โห ยัง ครุ่นคิดเรื่องพรรค์นี้ได้อีก? จนเมื่อจินหู่ได้รับคำชี้แนะจน เห็นทางสว่าง จนไม่เคยรู้สึกถึงการมีความรู้แบบก้าว กระโดดเช่นนี้มาก่อนเลย เขาก็มีเหตุผลในการเชื่อ ภาย ภาคหน้าทางด้านกีฬาของตนเองต้องพัฒนาไปได้ไกล จน สามารถโด่งดังไร้ขีดจำกัด!
หลังจากที่เรียนไปสองชั่วโมงแล้ว เพื่อนในห้องที่ สังเกตได้ว่าจินหูไม่ปกติจนพวกเขาต้องใช้สายตามองเอ เลี่ยนมองมาทางจินหู่ มีทั้งเดินมามองว่าเขาไข้ขึ้นอยู่หรือ เปล่า?
จินหูใช่มือปัดมือที่เข้ามาใกล้บริเวณหน้าผากของเขา จากนั้นก็ลุกพรวดพราดขึ้นไปพูดหน้าเคาน์เตอร์หน้าห้อง ทันที
“ขอโทษด้วยนะทุกคน ตอนนี้ฉันเปลี่ยนเป็นหมาที่ ซื่อสัตย์กับอาจารย์ฉินแล้ว ต่อไปใครก็ตามที่ทำอะไรไม่ดี กับอาจารย์ฉินไม่ต้องมาหาฉัน ไม่งั้นฉันจะไม่เกรงใจ!” พูดจบ ก็เดินลงจากโต๊ะหน้าห้องออกไป
ทั้งห้องเงียบกริบ
ผ่านไปสักเดี่ยวถึงมีคนเอ่ยปากถาม “เฮ้อ ฉันว่า จินหู่ไม่ได้เป็นไปแบบนั้นใช่ไหม? พูดกันแล้วนี่ว่าจะร่วมด้วย ช่วยกันแล้วทำไมเปลี่ยนฝ่ายไปได้ล่ะ?” “เฮ้อ จอนหู หรือว่าไม่สนุกแล้ว? เขามอมยาแกเหรอ?”
จินหูได้แต่ส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งยิ้มให้อย่างเย็นชา พลันเปิดหนังสือแล้วตั้งใจอ่านหนังสือ ท่าทางแทบไม่ได้ สนใจสายตาของคนอื่นๆ ที่จ้องมองเขาอย่างแปลก ประหลาด
“อืม ที่แท้ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” เฉินเหมิงเลี่ยงที่นั่งอยู่ ข้างๆ ถึงกับยิ้มให้อย่างเย็นชา
“เหมิงเลี่ยง จินหู่หักหลังไปแล้ว ขึนเป็นแบบนี้ต่อไป สถานการณ์คงไม่ดีแล้ว ฉันคิดว่าอย่าใช้วิธีเดิมๆ เลย พวก เราไปให้พี่ใหญ่คอยช่วยดีกว่า” จ้าวซิงพูดเสริม พร้อมทั้ง กระซิบพูด
“รอไปก่อน ยังไม่ถึงขั้นนั้น” เฉินเหมิงเลี่ยงยิ้มให้อย่าง เย็นชา
จ้าวซิงกอดเท้าที่ปวดหนึบของตัวเอง พร้อมทั้งพูดว่า “ความรู้สึกของทุกคนเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แกดูวันนี้สิ กระโดดตบตั้งพันครั้งทำตามคำสั่งกันไปแล้ว! แถมยัง ยอมแพ้ฝ่ายตรงข้าม วิธีที่ดีที่สุดให้พี่ใหญ่มาที่โรงเรียน จัดการให้ฉินหลั่งสักยก ผลลัพธ์ที่ได้น่าจะไม่เลว แถมยัง ออกหน้ารับแทนพวกเราอีกด้วย!”
“เรื่องนี้เอาไว้ทีหลังเถอะ ตอนนี้พวกเรายังไม่มีวิธีอื่น กับการที่ต้องลงกับคนคนหนึ่ง ต้องลงมือในสิ่งที่เป็นจุด ต้อยของเขา แกอย่าเอาแต่มองว่าวันสองวันที่ผ่านมานี้เขาเสแสร้งแกล้งทำ ดูเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่วี ดูก็รู้ว่าเป็นพวก ตลาดนัดข้างถนน ช่วยไม่ได้ เงินเดือนของเขาก็น้อยนี่ หน่า บางทีขนาดซื้อข้าวยังต้องประหยัตเลย!” เฉินเหมิง เลี่ยงเอ่ยขึ้น
“จนไม่มีจะแดก!” จ้าวซิงนวดต้นขาพร้อมทั้งสบถด่า ไปด้วย จากนั้นก็ถามกลับ “งั้นจะทำยังไงต่อเหมิงเลี่ยง?”
“ง่ายจะตาย ไอ้แซ่เฉินคนนั้นเงินเดือนมันแค่ห้าถึงหก พันหยวนเอง เอาเรื่องกินเรื่องใช้ส่วนตัวแล้ว ก็ไม่เหลือ อะไรแล้ว เขาเพิ่งมา แถมกำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน บางทีเงินเดือนอาจจะถูกมากๆ กว่าอีก ตอนนี้พวกเราทั้ง ห้องมีทั้งหมดสามสิบสองคน งั้นให้ไอ้แซ่เฉินเลี้ยงข้าว พวกเราทั้งห้องดีไหม?!” เฉินเหมิงเลี่ยงพูดเป็นฉากๆ
“ข้าวหนึ่งมื้อต่อคนหนึ่งคนอย่างน้อยก็หนึ่งร้อยหยวน แล้ว ตัดอึ้งยังกับจินห่ออก สามสิบคนพอดี ดูสิว่าเขาจะทำ
ยังไง?” “เฮ้อ! ถ้ามันทำได้สำเร็จก็สามพันหยวนเอง! เงินเดือน ของเขายังจ่ายไหวอยู่” จ้าวซิงถอนหายใจพร้อมทั้งสาย
หน้าไปด้วย
“มื้อเดียวไม่ไหวก็ให้เลี้ยงต่อสิ ให้เขาเลี้ยงสิบวันยัน ครึ่งเดือนกันไปเลยแกว่าเขาจะยังทนไหวอยู่ไหม?!”
“ปัญหามันอยู่ตรงที่เขาจะเลี้ยงหรือเปล่า?” จ้าวซิง ส่ายหน้าไปมา ความคิดนี้ต้องให้อีกฝ่ายเห็นด้วยถึงจะถูก!
“งั้นก็ต้องอาศัยแซ่เฉินคนนั้นแหละ ยังไงความคิดนี้ พวกเราเป็นคนเสนอ” เฉินเหมิงเลี่ยงยิ้มให้ตอนที่กล่าวออกว่า
โรงอาหารของโรงเรียนมัธยมหัวเจี้ย
ที่นี่เป็นโรงเรียนชนชั้นสูง ย่อมแตกต่างกว่าโรงอาหาร ทั่วไปอยู่แล้ว เช่นบริเวณชั้นสองนี้ ราคาถูกที่สุดก็คือหนึ่งร้อยหยวน
ทว่าผู้คนหนาแน่น ทุกคนสามารถรับประทานอาหารกันได้
อีกอย่างท่าทางเหมือนราคาตามปกติ
ยามเมื่อฉินหลั่งเดินเข้าไปด้านในของโรงอาหาร พลัน รู้สึกว่าอาหารที่นี่มันดีกว่าตอนที่ทำงานเป็นบอดี้การ์ดตั้ง เยอะ
“สวัสดีครับ/ค่ะอาจารย์”
พวกนักเรียนต่างรีบทักทาย
ฉินหลั่งพยักหน้าให้ ในมือก็ถือข้าวที่สั่งเรียบร้อยของ
ตนเองออกมา ล้วนแต่เป็นกับข้าวง่ายๆ ทั้งนั้น “อาจารย์ฉินเรามีเรื่องจะขอร้องคุณ…” เวลานั้นมี นักเรียนห้องหกหลายคนเดินเข้ามาหา ในคนกลุ่มนั้นมีจ้าว ซึ่งที่ทำท่าน่าสงสารอยู่ด้วย
“มีธุระอะไร?” ฉินหลั่งนั่งลง จากนั้นก็คีบอาหารเข้า ปากพร้อมทั้งพูดไปด้วย
“เอ่อคือ พวกเราไม่มีเงิน อยากให้อาจารย์ฉินเลี้ยงข้าว พวกเราสักมื้อได้ไหม?” จ้าวซิงตีบทแตก น้ำตาคลอเบ้า
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ