บทที่ 196 เขาเป็นพ่อคนแล้ว(1)
บทที่ 196 เขาเป็นพ่อคนแล้ว(1)
เย่ซือเฉินลงมาชั้นล่างอย่างรวดเร็ว รถเขาได้จอดไว้ ตรงตำแหน่งเฉพาะ ใกล้กับบันได ดังนั้น เขาไม่ได้ใช้ เวลามากนัก
เลขาหลิวได้แชร์ตำแหน่งให้เขาแล้ว เขาใช้เวลาไม่นาน ก็ตามรถของเลขาหลิวจนทัน แล้วโทรหาเลขาหลิวทันที
“ท่านประธานครับ คุณหญิงอยู่ในรถแท็กซี่หมายเลข ทะเบียนที่ลงท้ายด้วย 549 ผมเห็นกับตาว่าคุณหญิงขึ้น รถคันนี้” หลังจากที่รับสาย เลขาหลิวก็รายงานทันที
สายตาของเย่ซือเฉินมองไปที่รถที่เลขาหลิวพูดถึง มอง ไปด้านหลังมีเห็นคนหนึ่งอยู่หนึ่งคน ระยะห่างที่ไกล เลย มองไม่ชัด แต่เย่ซือเฉินสามารถมองเห็นรางๆทรงผมมี คล้ายเงินล้วฉิง
“คุณแน่ใจว่าคุณเห็นกับตาว่าเธอขึ้นไปบนรถ แน่ใจว่า ระหว่างทางเธอไม่ได้ลงรถ?” เย่ซือเฉินก็ยังไม่ค่อยวางใจ นัก เธอยังเคยหลอกเขามาแล้ว นับประสาอะไรกับเลขา หลิว
“ท่านประธานวางใจเถอะ ผมเห็นกับตาว่าคุณหญิงขึ้นรถ หลังจากที่คุณหญิงขึ้นรถผมก็ตามมาโดยตลอด ระหว่างทางไม่ได้หยุดเลย คุณหญิงไม่มีทางจะลงรถ” เลขาหลิวมั่นใจมาก
เย่ซือเฉินมองไปที่แท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้าอีกครั้ง เพราะ ระยะห่างที่ไกลเกินไป มองไม่ชัดเลย
“ท่านประธานครับ ในเมื่อคุณตามมาแล้ว งั้นจะให้ผม ตามต่อ? หรือยังไง?” เลขาหลิวเห็นรถท่านประธานตาม อยู่ที่หลังของเขาตลอด เหมือนไม่คิดจะแซง คิดว่าเขา มากขวางไว้ตรงกลางเหมือนจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“คุณจงตามต่อไป” เย่ซือเฉินเกรงว่ารถของเขาจะเด่น ชัดเกินไป กลัวเธอจะสังเกตเห็น สาเหตุที่เขาไม่แซงเลขา หลิวก็เป็นเพราะเหตุนี้
“ได้ครับ” เลขาหลิวตกปากรับคำ ยังคงรักระยะห่างที่พอ เหมาะ ตามแท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้า
เย่ซือเฉินมองดูรถที่อยู่ด้านหน้า รถวิ่งไม่เร็วมากนัก ถนนเส้นจำกัดความเร็ว ดังนั้นจึงขับเร็วไม่ได้
คนที่นั่งอยู่ในแท็กซี่ยังคงนั่งอย่างสงบ มองจากระยะ ห่างของเขา มองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
ที่เย่ซือเฉินสะกดรอยตามเธอครั้งนี้ เพราะอยากรู้ว่าเธอไปไหน? จึงไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไป กลัวจะถูกเธอ เห็นเข้า เขารู้ดีว่าพลังการสังเกตของผู้หญิงนี้ค่อนข้างสูง
ถนนสายนี้รถไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ แต่ก็ไม่น้อย เขาตาม อยู่ด้านหลังเลขาหลิว ไม่น่าที่จะดึงดูดความสนใจจาก ด้านหน้าได้
เย่ซือเฉินก็ไม่กล้าขับเร็วมากนัก ก็ขับช้าๆอยู่อย่างนั้น เพราะว่า เป้าหมายของเขาคือต้องการรู้ว่าเธอจะไปไหน? ไปหาอะไร?
แต่ว่าเย่อเฉินคิดไม่ถึง คนขับแท็กซี่ด้านหน้าขับอยู่บน เส้นทางนี้เกือบชั่วโมงแล้ว ใก้ลจะถึงชานเมืองเมืองAแล้ว
นัยน์ตาของเย่ซือเฉินหลงเล็กน้อย มือที่จับพวงมาลัย ได้ถูกกำแน่นขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นได้ขับไปด้านหน้าด้วย ความเร็ว ตอนนี้เขาอยากที่จะขับผ่านไปดูว่าคนที่อยู่บน รถจะใช่เธอหรือไม่?
ความคิดของเย่ซือเฉินคือ เขาจะขับรถแซงผ่านรถคัน นั้น ระหว่างที่ขับผ่าน เขาก็จะเห็นคนที่อยู่บนแท็กซี่โดย ธรรมชาติ กระจกรถของเขาหากมองจากด้านนอกจะไม่ เห็นด้านใน เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะเห็นเขา
และรถที่เขาขับวันนี้ เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เขาแค่แซง รถ คงจะไม่ดึงดูดให้เธอสงสัย
หากยืนยันแล้วเป็นเธอจริง ยังมีเลขาหลิวที่ตามอยู่ด้าน หลัง เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะหลุด ถึงเวลาค่อยหาทางเลี้ยว กลับมาก็ได้แล้ว
เพียงแต่เวลานี้ แท็กซี่ที่อยู่ด้านหน้าจู่ๆก็ได้เลี้ยวเข้าซอย เย่ซือเฉินอึ้งไปเล็กน้อย แล้วรีบลดความเร็วลง จากนั้น ก็ตามต่อไป เพียงแต่ในดวงตาที่หรี่ลงของเขาซ่อนไว้ด้วย ความสับสนเล็กน้อย
หลังจากที่แท็กซี่หักเลี้ยวแล้ว ก็ได้ขับรถไปจอดยังหน้า ประตูชุมชนแห่งหนึ่ง ประตูรถถูกเปิดออก คนในรถได้ลง รถมาแล้ว
เลขาหลิวก็ได้หยุดรถ เขาก็ได้หยุดรถตาม มองดูประตู รถแท็กซี่ที่ถูกเปิดออก สายตาของเลขาหลิวจ้องมองไป โดยไม่ขยับ ไม่แม้กระทั่งกะพริบตา
เย่ซือเฉินที่ตามอยู่ด้านหลังก็ได้มองเหมือนกัน มอง อย่างกะพริบ……….
ประตูรถถูกเปิดออก หญิงสาวได้ยื่นหัวออกมาก่อน ผม ที่โปรยลงมาเหมือนของเวินลั่วฉิงเลย
จากนั้นก็โผล่มาด้วยครึ่งตัวบน สีเสื้อที่ใส่ก็เหมือนของ เวิน วฉง
แต่ว่า หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นลงแล้วรถ เลขาหลิวอึ้ง
ไปทันที
แต่นัยน์ตาของเย่อเฉินกลับหรี่ลงทันที ยกมุมปากยิ้ม อย่างเย็นชา ไม่ผิดคาด ผู้หญิงคนนี้ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง ทําไมเลขาหลิวถึงได้เป็นคู่ต่อสู้ของเธอ
เลขาหลิวเห็นกับตาว่าเธอได้ขึ้นไปบนรถ และหลังจากที่ เธอขึ้นรถแล้วรถก็ไม่ได้หยุดจอดเลย
งั้นก็มีความเป็นได้อยู่ทางเดียว ก็คือเธอไม่ได้ขึ้นรถด้วย
เป็นตามที่เย่ซือเฉินวิเคราะห์ เงินลั่วฉิงไม่ได้ขึ้นรถจริงๆ
แท้จริงแล้ว ตอนที่เงินลั่วฉิงออกมาจากตึกบริษัทตระกูล เย่ก็พบกว่ามีคนสะกดรอย บังเอิญเห็นผู้หญิงคนหนึ่งทรง ผมคล้ายเธอมาก และบังเอิญใส่เสื้อสีเดียวกันด้วย ดังนั้น เธอจึงได้ให้เงินผู้หญิงคนนั้นห้าร้อยหยวน เพื่อให้ผู้หญิง คนนั้นร่วมมือกับเธอ แน่นอน หากเธออยากที่หลอกเลขา หลิวมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ตอนนี้เงินลั่วฉิงกำลังอยู่ในบ้านของเห่อถงถง
ที่พักของเห่อถงถงไม่ไกลจากบริษัทตระกูลเย่มากนัก ผ่านถนนคนเดียวก็ถึงแล้ว
“หม่าม หม่า โกหกอีกแล้ว” เวิน วฉิงเพิ่งเข้ามา ถังจื่อ ผู้น่าสงสารก็ร้องไห้จนน้ำตานองหน้า
“ลูกรักจํา ไม่ร้องแล้วนะ หม่ามี้มานี่แล้วไง?” เป็นลั่วฉิง เจ็บปวดหัวใจมาก ได้อุ้มเธออยู่ในอ้อมอก ปลอบเธอ อย่างอ่อนโยน
ดีที่ถังจื่อซีไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่ขี้แยมากนัก เวินลั่วนิ่งมา แล้ว เธอก็แค่ร้องไห้ตามธรรมชาติของเด็ก แล้วก็ออด อ้อนอยู่ในอ้อมอกของเวินลั่วฉิง เล่นไปสักพัก ก็หัวเราะ อย่างอารมณ์ดี
“จื่อซี ไปเล่นกับพี่ในห้องนะ แม่บุญธรรมกับหม่ามี้มีเรื่อง คุยกัน” เห่อถงถงเห็นจื่อซีอารมณ์ดีขึ้นมา ก็เลยอยากกัน เด็กออกไป เพื่อจะถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“อ้อ ค่ะ” แต่ไหนแต่ไรถังจื่อซีก็เป็นเด็กที่ดี พยักหน้า อย่างว่าง่าย จากนั้นก็กระโดดลงมาจากอ้อมอกของ เวินลั่วฉิง กระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานไปหาพี่ชาย
ขณะนี้ในห้อง ถังจื่อโม่กำลังมองดูโทรศัพท์มือถือ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ คอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าของเขา ก็ถูกเปิดไว้ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์มีข้อมูลที่เกี่ยวข้อ งกับเย่ซือเฉิน
“พี่คะ พี่ทําอะไรอยู่?” ถังจื่อซีเห็นพี่ชายถือโทรศัพท์ อย่างเหม่อลอย ไม่ได้สนใจเธอเลย จู่ๆเธอก็กระโดดไป ทับร่างของเขา
เวลานี้ โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของถังจื่อโม่ หน้าจอกำลัง แสดงเบอร์ของเย่ซือเฉิน จู่ๆที่ถูกถังจื่อซีทับลงมาแบบนี้ มือของเขาได้ไปกดโดนเบอร์ที่แสดงไว้บนหน้าจอ สาย ได้ถูกโทรออกไป
ขณะที่ถังจีซีทับลงมา พอดีเห็นตรูปภาพของเย่ซือเฉินบ นหน้าจอคอมพิวเตอร์ของถึง โม่ พี่ชายเคยบอกกับเธอ คนนี้คือพ่อที่แม่หาให้พวกเขา
“ป่าป๊า” ถังจื่อซีตะโกนเรียกอย่างดีใจ แท้จริงแล้วที่ถัง จื่อซีตะโกนเรียกคือรูปภาพ
แต่ว่าในเวลานี้ จู่ๆเย่ซือเฉินก็เห็นมีสายเข้า เป็น หมายเลขที่ไม่คุ้นเคย โดยปกติหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยเขา จะไม่รับ แต่เวลานี้ไม่รู้เป็นเพราะอะไร เขากดปุ่มรับสาย โดยที่ไม่ได้คิดเลยด้วยซ้ำ
รับสายแล้ว เสียงตะโกนเรียกป่าป๊าของถังจื่อซีดังขึ้นพอดี จากนั้นก็ถูกส่งไปถึงหูของเปซื้อเฉินอย่างชัดเจน
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ