เมียลึกลับของประธานเป

ตอนที่ 76 เขามันปลิ้นปล้อนหลอกลวง



ตอนที่ 76 เขามันปลิ้นปล้อนหลอกลวง

ตอนที่76 เขามันปลิ้นปล้อนหลอกลวง

“พวกเรายังไม่มีเรือนหอเลย”ริมฝีปากของเย่ซือเฉินค่อยขยับ เข้าใกล้หูของเธอ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงทุ้มๆ น้ำเสียงนั้นแฝง ไปด้วยเสน่ห์ที่น่าดึงดูด

ในตอนแรกที่ขอเธอแต่งงานนั้น เพราะเขาสงสัยว่าเธอจะเป็น ผู้หญิงคนนั้นเมื่อห้าปีก่อน แต่มีอยู่อย่างนึงที่เขาไม่ได้บอก เธอ คือในเมื่อเย่ซือเฉินได้แต่งงานแล้ว เขาก็ไม่คิดอยากจะ หย่าแล้ว

เพราะฉะนั้น สำหรับกิจกรรมต่างๆระหว่างสามีภรรยาที่ควร จะมี เขาคิดว่ามันไม่ควรจะน้อยลง

เพราะเขารู้ดีว่าตั้งแต่แรกนั้นเขาไม่ได้ผลักใสเธอเลย เขาไม่ ชอบให้ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ แต่กลับชอบความรู้สึกที่ได้เข้า ใกล้เธอ

“นายเคยพูดไว้ไม่ใช่หรอว่า เราแต่งงานกันตามสัญญา เท่านั้น เราจะไม่ทําหน้าที่ของสามีภรรยา”

“ฉันพูดแบบนี้ไปตอนไหน? “เย่ซือเฉินยกคิ้วขึ้น เขาจำไม่ได้ ว่าตัวเองเคยพูดอะไรแบบนี้ไว้ เขาคงไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ไว้ แน่
เวลาที่เขาพูด ใบหน้าของเย่ซือเฉินก็ขยับเข้าใกล้ลําคอของ เธอ และเขาก็ได้สูดดมกลิ่นหอมจากตัวของเธอ มันทำให้เขา รู้สึกดีเป็นพิเศษ เธอไม่ชอบใช้น้ำหอม กลิ่นตัวของเธอจึง เป็นกลิ่นหอมธรรมชาติจากตัวเธอเสมอ

เขาได้ดื่มไวน์เข้าไป ตอนนี้กลิ่นตัวของเขาเป็นกลิ่นไวน์ อ่อนๆ เวิน วฉิงเป็นคนที่ไม่แตะเหล้าเลย มักจะมีคนประเภท หนึ่งที่แค่ได้กลิ่นเหล้าก็เมาได้แล้ว แต่เงินลั่วฉิงก็ไม่ถึงกับ ขนาดนั้น แต่ถ้าเธอได้ดื่มไปแค่คำเล็กๆก็ทำให้เมาได้

พูดได้ว่า ถ้าหากตอนนี้เย่ซือเฉินดื่มไวน์มาจนมากพอ แล้ว จูบเธอ เธอก็อาจจะเมาได้

เมาจนเซล้มได้เลยจริงๆ ไม่ได้พูดโม้เลยแม้แต่น้อย หมอบ อกว่า จริงๆเธอนั้นแพ้เหล้า เพราะฉะนั้นถ้าสูดดมมากเกินไป ก็จะทำให้เวียนหัวได้ ถ้าดื่มไปเพียงแค่อึกเดียวก็จะทำให้เมา จนเซล้มไปได้เลย

“ในสัญญา ในสัญญาระบุเอาไว้ชัดเจน นายเซ็นเอาไว้ แล้ว”เวินลั่วฉิงที่สูดดมกลิ่นไวน์จากตัวเขาเข้าไปนั้นทำให้เธอ รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย เธอจึงไม่มีทางที่จะไตร่ตรองเหมือนตอนที่ เป็นปกติได้แล้ว

เธอรู้สึกว่ากลิ่นของเขายังคงส่งกลิ่นออกมาจากบริเวณลำคอ ของเธอไม่หยุด เวินลั่วนิ่งรู้สึกว่ามีอะไรแพร่ไปทั่วตัวของเธอ ทำให้ขนลุกไปทั้งตัว
“ไม่เห็นจะมีหนิ”เย่ซือเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียง ของเขาแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดูทะลึ่ง

“นายไปดูในสัญญา ในสัญญาระบุไว้ชัดเจน”เป็นลั่วฉิงค่อยๆ สุดหายใจเข้าออกช้าๆ เธอเริ่มปวดหัวมากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็ ยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ แต่ตอนนี้เธอถูกเขากดเอาไว้ เธอไม่มีทางจะ ผลักเขาออกได้

“ฉันไม่ดู”เย่ซือเฉินรีบตอบตัดบทเธอ ไม่เหลือทางหนีที่ไล่ไว้ เลยแม้แต่นิดเดียว

“นายนี่มันปลิ้นปล้อนจริงๆเลย”แววตาของเงินลั่วฉิงเต็มไป ด้วยความโกรธ เพราะว่าเธอไม่ได้ใจเย็นเหมือนปกติ สมอง ของเธอเชื่องช้าลง อารมณ์นั้นก็พุ่งพล่าน เธอจ้องมองเขาด้วย ความโกรธ คนคนนี้ช่างปลิ้นปล้อนหลอกลวงจริงๆ ไม่เคยคุย กันด้วยเหตุผลเลย

“ฉันมันไร้เหตุผล แล้วเธอจะทำไม? “เย่ซือเฉินเงยหน้าขึ้น และมองไปที่เธอ และยกมุมปากขึ้น ในเสน่ห์ของเขาแฝงไป ด้วยความทะลึ่งและความเกเร

เวินลั่วฉิงนั้นโกรธมาก เธอรู้สึกเหมือนมีก้อนเลือดจุกอยู่ที่ หน้าอกของเธอ จะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง เธอคิดไม่ถึงเลย จริงๆว่าเย่ซือเฉินจะปลิ้นปล้อนได้ขนาดนี้

แต่ว่า ถ้าเขานั้นปลิ้นปล้อนหลอกลวงจริงๆแล้วละก็ แล้วเธอ จําทํายังไงล่ะ?
เพราะสูดเอากลิ่นไวน์จากตัวเขาเข้าไปมากเกิน และเพราะ เธอโมโห ทําให้ในตอนนั้น ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อและ สวยงามมาก ริมฝีปากของเธอดุจกลับดอกไม้ ดวงตาของเธอ นั้นสลัวดุจพระจันทร์ ถึงแม้จะขั้นไว้ด้วยเลนส์หนาๆ แต่ยังคง แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันน่าดึงดูดออกมาได้

เย่ซือเฉินไม่รู้ว่าที่เธอเป็นแบบนี้เพราะเธอสูดเอากลิ่นไวน์ เข้าไป แต่ท่าทางเธอในตอนนี้ เขาพึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก

เขามองไปที่เธอที่สุดแสนจะยั่วยวนนี้ ดวงตาของเย่ซือเฉิ นมืดลง แล้วจู่ๆเขาก็ก้มลงไปจูบเธอ ตัวของเธออ่อนนุ่มขนาด นั้น ริมฝีปากก็ยิ่งอ่อนนุ่มกว่าเป็นไหนๆ พอจูบแล้วต้องรู้สึกดี แน่นอน

ท่าทางของเธอในตอนนี้ ทำให้เข้ายับยั้งใจไว้ไม่อยู่

เวินลั่วฉิงเหมือนเหม่อลอยไปแล้ว เหมือนสมองของเธอหยุด เคลื่อนไหว เธอได้แต่มองท่าทางของเขาอย่างเหม่อลอย และ ไม่ได้ขยับร่ายกายใดๆเลย

เพราะเธอได้สูดดมเอากลิ่นไวน์ของเขาเข้าไป ทำให้สมอง ของเธอนั้นเชื่องช้าลง และการตอบสนองก็ช้าลงไปด้วย

เย่ซือเฉินที่ไม่รู้สาเหตุนั้น เห็นเธออึ้งๆและไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขาก็ค่อยๆยกมุมปากขึ้น
เพียงแค่ริมฝีปากของเขาจะประกบลงบนริมฝีปากของเธอนั้น จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จู่ๆเป็นลั่วฉิงก็ราวกับว่าได้สติกลับ คืนมา เธอรีบยืนแขนไปกันเขาไว้ทันที

ใบหน้าของเย่ซือเฉินนั้นดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที แต่พอเห็น ใบหน้าที่งดงามและแดงระเรื่อเหมือนมีเลือดฝาดของเธอแล้ว เขาก็จ้องมองสักพัก ทําไม? เธออายขนาดนี้เลยหรอ? “

เขาที่ไม่รู้ความจริงนั้นก็คิดว่าเธอนั้นอาย

“นาย นายรับสายสิ”ในตอนนั้น เงินลั่วฉิงก็พูดออกมาอย่าง ติดๆขัดๆ

เย่ซือเฉินยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แล้วกดรับสาย

“นี่แกหมายความยังไงกัน แกแต่งงานแล้ว ไม่บอกฉันสำ คำ”พอรับสายแล้ว ปลายสายก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังมาก ขึ้นมาทันที

“คุณปู่ ปู่รู้แล้วว่าผมแต่งงาน แล้วปู่โทรมาตอนนี้ มันสมควร แล้วหรอ? “ถึงแม้ว่าเรื่องดีๆนี้จะถูกขัดจังหวะลงแล้วก็ตาม แต่เย่ซือเฉินที่เห็นท่าทางของเวินลั่วฉิงในตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึก แย่อะไร

เงินลั่วฉิงเบ้ปากเล็กน้อย นี่คือท่าทีที่เขาคุยกับผู้ใหญ่หรอ วันนี้เขาได้รู้แล้วว่า เย่ซือเฉินไม่ได้เป็นแบบที่เธอรู้จักทั้งหมด

“อะไรกัน รบกวนพวกเธอแล้วงั้นหรอ? “เสียงของทางฝั่ง ผู้ใหญ่ดูอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนว่าจะดูกังวลมาก ขึ้น: “งั้นฉันวางสายก่อนละกัน พวกเธอทำต่อเถอะ ฉันรออุ้ม หลานอยู่นะ พวกเธอขยันกันหน่อย พรุ่งนี้พาภรรยาของแกมา ที่บ้านด้วยล่ะ”

“นายยังไม่ได้ทานข้าวใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปทำอะไรให้ กิน”เวินลั่วฉิงยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ เธอหาข้ออ้าง แล้วใช้ โอกาสนี้ผลักเข้าออกไป

เย่ซือเฉินไม่ได้ทำอะไรต่อ จริงๆแล้ว ถ้าเธอไม่เต็มใจ เย่ซือ เฉินก็จะไม่บังคับเธอ แต่นานๆทีที่จะเห็นเธอท่าทางร้อนรน แบบนี้ เขาคิดว่ามันน่าสนุกมากเลย

เวลายังอีกยาวไกล เขาไม่ได้รีบร้อนอะไร ต้องค่อยเป็นค่อย ไปต้องใช้ความอดทน

เห็นเงาของเธอที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวแล้ว เย่ซือเฉินก็ยกมุม ปากขึ้นเล็กน้อย เธอทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ? กับข้าวที่เธอ ทำจะกินได้ไหมนะ?

แต่ในเมื่อเธอเป็นคนทํา เขากลับเต็มใจที่จะชิม ไม่ว่ายังไงก็ ไม่ถึงกับตายหรอก?

โทรศัพท์ที่วางไว้อีกฝั่งนึงก็ดังขึ้น เขามองสักพักหนึ่ง ก่อนจะรับสาย

“พีสาม คดีนั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้หญิงคนนั้นเก่งจริงๆ ใน คืนนั้นเธอได้ส่งข้อมูลทั้งหมดมาแล้ว แต่เธอไม่ได้เป็นคนส่ง เองนะ แต่เป็นพี่ใหญ่ที่เป็นคนช่วยส่งให้ ตามข้อมูลของเธอ แล้ว ทางตำรวจก็ได้ไขคดีอย่างรวดเร็ว ผมคิดไม่ออกจริงๆ ตอนที่เธออยู่ในห้องสอบสวนเธอก็แค่ถามออกไปแค่ไม่กี่คำ เอง ทำไมถึงได้รู้มากขนาดนี้? “พอรับสายแล้ว เสียงของคุณ ชายห้าฉิงก็ดังขึ้นทันที

เย่ซือเฉินไม่ได้พูดอะไร ดวงตาของเขาคู่นั้นยังคงมองไปที่ เวินลั่วฉิงที่กำลังยุ่งอยู่ในครัว

“จริงๆแล้ว เรื่องราวก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้น แค่คิดไม่ ถึงว่ามู่เล่าไป๋จะมีน้องชายฝาแฝดที่ตัวติดกัน แล้วก็ไม่รู้ว่าผู้ หญิงคนนั้นรู้ได้ยังไง? “คุณชายห้าฉิงไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำ พูดของเย่ซือเฉินและพูดต่ออีกว่า : “ใช่แล้วพี่สาม พี่จำวันที่ ที่ป้าแม่บ้านเก็บรองเท้ากับเครื่องสำอางนั้นได้ไหม? ผมเก็บ เอาลายนิ้วมือมาได้ ถ้าพี่มีใครที่สงสัยก็พามาตรวจลายนิ้วมือ ได้นะพี่ ยังไงก็ต้องมีช่องโหว่บ้างนั่นแหล่ะ ในรอยนิ้วมือพวก นั้นผมได้เจออะไรเข้าให้แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ