เมียลึกลับของประธานเป

บทที่ 213 คุณชายสามเย่ เก่งกาจ (1)



บทที่ 213 คุณชายสามเย่ เก่งกาจ (1)

บทที่ 213 คุณชายสามเย่ เก่งกาจ (1)

เย่ซือเฉินไม่ได้ซักถามต่อว่า ถังหลินยืมตัวมากับใคร เขาไม่อยากให้พี่ใหญ่ต้องลำบากใจ และตอนนี้เขาอยาก จะรู้เรื่องของห้างสรรพสินค้ามากกว่า

ถังหลินกะพริบตามองเขาพลางยิ้ม “ไม่ใช่”

สิ่งที่ควรทำเขาก็จะทำ สิ่งที่ควรช่วยปิดบังเขาจะช่วยปิด แน่นอน แต่เขาไม่สามารถโกหกพี่น้องของตัวเองได้ เมื่อ เขามาถึงที่แล้วก็คงโทษเขาไม่ได้

เย่ซือเฉินก็ยิ้ม “ถ้าเป็นแบบนี้ เขาอยู่ที่เมือง A และก่อน หน้านี้ก็อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าหยินซิง”

คำพูดของเขาไม่ใช่การซักถาม แต่คือความแน่ใจ

คำที่เย่ซือเฉินเรียกว่า เขา ทั้งสองก็รู้อยู่เต็มอกกันทั้งคู่

ถังหลินยกมุมปากขึ้นไม่ได้พูดอะไร ยังคงรักษาความ เงียบสงบ แต่บางครั้งการเงียบก็เท่ากับการยอมรับนั่นเอง

เย่ซือเฉินเป็นคนที่ฉลาดทำไมจะไม่รู้สิ่งนี้ “ดี ผมจะให้เขาเข้าแล้วออกไม่ได้”

คนนั้นรนเข้าหาที่เอง จะโทษเขาไม่ได้!

เมื่อสามารถดึงตัวคนที่อยู่เบื้องหลังของเงินลั่วฉิงออก มาได้ หลักฐานที่เขาต้องการก็จะปรากฏขึ้นมาเอง

ชายทั้งสองคนสบตากันแล้วยิ้ม เป็นอย่างที่เขาว่ากันไว้ ไม่มีผิด คนกลุ่มเดียวกันถึงจะอยู่ร่วมกัน นั่นก็คือเป็นสุนัข จิ้งจอกที่เจ้าเล่ห์ด้วยกันทั้งคู่จริง

จากนั้นเย่ซือเฉินก็โทรไปหาคนคนหนึ่งต่อหน้าถังหลิน อย่างไม่คิดจะปิดบังใดๆ

“ตรวจสอบรายชื่อทั้งหมดทุกเที่ยวบินที่เดินทางมาจาก ประเทศ M มายังเมือง A นับจากวันที่ผมกับเงินลั่วฉิง แต่งงานกันแล้ว” เมื่อรับสาย น้ำเสียงของเยซือเฉินเรียบ เฉยและเย็นชา แต่กลับมีราศี แกร่งกร้าวและเด็ดขาด ทําให้คนฟังไม่กล้าขัดคำสั่ง

เขาเพิ่งแต่งงานกับเงินลั่วฉิงได้ไม่นาน เขามั่นใจว่าก่อน ที่จะเกิดเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจ ผู้ชายคนนั้นยังไม่รู้ เรื่องที่เขาแต่งงานกับเวินลั่วฉิง มิเช่นนั้นผู้ชายคนนั้นคง ไม่ให้เธอออกหน้ามาทำคดีนั้นอย่างแน่นอน

ตอนนั้นผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ที่เมือง A ดังนั้นจึงต้องเป็นช่วงนี้ที่เพิ่งจะเดินทางมา

“ประเด็นที่ต้องจับตามองคือ ชายคนนี้มีแซ่ว่า ถัง” ตอน ที่เกิดเหตุการณ์ที่สถานีตำรวจ ผู้หญิงคนนั้นใช้แซ่ถัง ตอนแรกเขาสงสัยว่าใช้แซ่ของพี่ใหญ่ แต่พี่ใหญ่บอกแล้ว ว่าไม่ใช่เขา แต่แซ่ถังยังคงเป็นประเด็นสําคัญอยู่

ตอนที่เย่ซือเฉินพูดคำนี้ออกมา ดวงตาทั้งคู่ได้จ้องมอง มายังถังหลิน เห็นหางคิ้วของถังหลินยกขึ้นเล็กน้อย เย่ซือเฉินก็มั่นใจแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเขาทายถูก แล้ว

“อายุระหว่าง 25 ปี ถึง 35 ปี”เขาจำได้ว่าเงินลั่วฉิงเคย รับสายคนคนหนึ่ง ซึ่งหน้าจอแสดงรายชื่อว่า รุ่นพี่ ถ้าเขา ทายไม่ผิดคงต้องเป็นผู้ชายคนนี้แน่ๆ

ในเมื่อเป็นรุ่นพี่ก็ต้องมีอายุมากกว่าเงินลั่วฉิง แต่อายุก็ จะไม่แก่มากนัก เพราะตอนที่เวินลั่วฉิงคุยกับผู้ชายคนนี้ อยู่นั้นไม่ค่อยจะมีท่าทีที่เกร็งและให้ความเคารพ แต่พูด ด้วยน้ำเสียงที่สบายๆเป็นกันเอง

“เป็นคนที่หนักแน่น ใจเย็นสุขุม เฉียบแหลม มีความ ระมัดระวังตัวสูง ละเอียดมีทักษะในการจำแนกได้อย่าง แม่นยำ” เย่ซือเฉินพูดตามความคาดเดาของตนบรรยาย ถึงลักษณะที่เด่นชัดของผู้ชายคนนี้
ตอนที่พูดคำพวกนี้ ดวงตาของเย่ซือเฉินก็จ้องมองถัง หลินอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าถังหลินจะไม่มีสีหน้าอะไรผิด ปกติ แต่เย่ซือเฉินก็รู้ว่าตัวเองพูดถูกแล้ว

“ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าหยินชิงที่ ชั้นสี่และชั้นห้าในเวลาประมาณบ่ายโมงของวันนี้ ตอน นั้นเขาก็อยู่ในเหตุการณ์ ตอนแรกเขาลงมาจากชั้นที่สาม ก็ไม่พบผู้ที่ผิดสังเกตแต่อย่างใด ดังนั้นผู้ชายคนนั้นต้อง อยู่ที่ชั้นสี่หรือชั้นห้าอย่างแน่นอน

“ในกล้องวงจรปิดต้องไม่เจอตัวผู้ชายคนนั้นหรอก ให้ ตรวจสอบลูกค้าผู้หญิงที่ไปชั้นสี่และชั้นห้าในเวลานั้น ดู สิว่ามีคนเคยเห็นคนนี้ไหม หรือถามดูว่ามีคนถ่ายรูปไว้ ไหม”

เย่ซือเฉินรู้ว่าคนอย่างนั้นไม่ว่าจะไปถึงไหนก็ต้องเป็น ที่จับตามองอยู่แล้ว ปกติเขาอาจจะปิดบังตัว แต่ตอนนั้น เงินลั่วฉิงก็อยู่ด้านล่าง

ในเมื่อเขามาที่เมือง A เพื่อเงินลั่วฉิงโดยเฉพาะ และ จงใจจะสยบข่าวนั้นออกไป ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่าเขามีใจ ต่อเวินล้วฉิง

ในเมื่อเขาชอบเวินลั่วฉิง งั้นเวลาที่ดูเวินลั่วฉิงเขาจะไม่มี ทางปิดบังตัวเองเด็ดขาด และเผยธาตุแท้ของตัวเองออก มาด้วยจิตใต้สํานึก
ผู้ชายอย่างเขาเมื่อยืนอยู่ตรงนั้น สามารถดึงดูดความ สนใจจากหญิงสาวได้ง่ายๆ ดังนั้นจึงไม่ปัดความเป็นไป ได้ที่จะมีหญิงสาวที่หลงใหลในตัวเขาแอบถ่ายรูปเก็นไว้

“สืบหาทั้งสองเรื่องในเวลาเดียวกัน หากได้รับข้อมูลที่ เป็นประโยชน์ก็ให้จัดการทั้งสองที่เลย”

“และในขณะเดียวกัน ให้คนสังเกตถนนทุกเส้นทาง หาก ผู้ต้องสงสัยให้รีบรายงานผมทันที” เย่ซือเฉินคิดได้อย่าง รอบคอบ สั่งการได้อย่างครอบคลุม

เวลาที่กําลังหายังคิดจะสกัดกั้นด้วย

“ในขณะเดียวกันจับตามองสนามบินนานาชาติทุกแห่ง” เพื่อความรอบคอบ เขาได้คอยสกัดกั้นทางออกสุดท้ายที่ สนามบินไว้แล้ว

แววตาที่ถังหลินจ้องมองเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ ว่าเย่ซือเฉินเป็นคนที่เก่งกาจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกตกตะลึง เล็กน้อย

ขณะนี้เย่ซือเฉินสามารถคาดการณ์ในด้านจิตวิทยาได้ อย่างแม่นยำ และมีวามสามารถสอดแนมฝ่ายตรงข้าม อย่างเพียบพร้อม มีการดำเนินการที่ครอบคลุม แม้กระทั่ง คนที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดอย่างเขาก็ต้องนับถือ
ถึงแม้จะหาคนนั้นไม่เจอในเมือง A แต่ก็สามารถต้น ทางออกทั้งหมดของคนนั้นไว้แล้ว

เขารู้สึกว่าแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาชญากร รมอย่างเวินลั่วฉิงที่เก่งที่สุดก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่ซือเฉิน เลย

ตอนนี้ถังหลินรับรู้อะไรบางอย่าง แล้ว เมื่อกี้หากไม่ใช่ เป็นเพราะเวินลั่วฉิง เขาจะไม่มีทางเป็นต่อ แก้แค้นเย่ซือ เฉินได้สำเร็จ

เย่ซือเฉินสั่งการเสร็จก็วางสาย

“มีใจแล้วเหรอ? “ถังหลินมองเขาแล้วยิ้ม ยากนักที่จะ เห็นเขาอยากรู้เรื่องของชาวบ้านอย่างนี้

ถ้าหากไม่สนใจ คงไม่ทำเรื่องให้มันใหญ่โตขนาดนี้ หรอก!

เย่ซือเฉินหยุดชะงัก ดวงตากะพริบเล็กน้อย จากนั้น ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ไม่ถึงขั้นมีใจหรอก ผมเพียงแต่ อยากแน่ใจว่าเธอเป็นผู้หญิงในห้าปีก่อนหรือเปล่า”

“แล้วยังไงต่อ? “ถังหลินยิ้มอย่างมีความหมาย
“จากนั้นก็คิดคดีทั้งเก่าและใหม่พร้อมกัน” เย่ซือเฉินกัด ฟันพูด ไม่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะสมอะไร

ถังหลินจ้องมองเขาด้วยสายตาที่เก็บซ่อนความแปลก ประหลาดอะไรบางอย่างไว้

“ออ พี่จะรอดู”เขารอดูเย่ซือเฉินคิดบัญชีเก่าและใหม่ พร้อมกัน เขาจะดูจะคิดบัญชีกันอย่างไร?

หากมีวันนั้นจริงๆ เย่ซือเฉินคงต้องผ่านด่านเขาไปก่อน

“ฉิงฉิงช่างรู้กาลเทศะจริงๆ จงใจออกไปให้พวกเรามี โอกาสคุยกันสองคน”เวินลั่วฉิงไม่กลับมา มุมปากของถัง หลินก็ยกขึ้น ยัยคนนี้ช่างน่ารักเหลือเกิน

อันที่จริงในห้องวีไอพีก็มีห้องน้ำภายในตัวอยู่แล้ว เธอ กลับออกไปข้างนอก จึงเห็นเจตนารมณ์ได้อย่างชัดเจน

“เธอเป็นภรรยาของผม อย่าเรียกให้มันสนิทสนมขนาด นั้น”เย่ซือเฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง พลางพูดด้วย น้ำเสียงที่เย็นชา

“นายขอเธอแต่งงานก็เพื่อจะคิดบัญชี กังวลอะไรกัน? ” ถังหลินกลับไม่สนใจ แล้วยังจงใจเสริมอีกหนึ่งประโยค ว่า “พี่ชอบเธอจริงๆ รอให้น้องสืบหาความจริงได้แล้ว คิด บัญชีเสร็จ นี่ก็จะพาเธอกลับบ้าน”ทั้งหลนพูดอย่างแจ่มชัด


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ