บทที่ 479 ได้ไม่คุ้มเสีย
จากที่ได้รับการช่วยเหลือจากข่าวหยุน หลินซินเหยียนก็จะใช้ ชีวิตอยู่ในเมืองC ที่นี่เป็นเมืองที่สงบ เป็นไปตามที่เธอต้องการ
หลังจากที่ตั้งหลักปักฐานแล้ว เธอก็โทรศัพท์หาคุณนายเวล เลี่ยน บอกว่าจะปิดร้านเสื้อผ้าที่ เมือง หลังจากที่ได้กลับมานาน พอสมควรแล้ว ก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เธอก็ไม่เคยเข้าไป ดูแล การพัฒนาของร้านก็เลยไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ตอนนี้เธอก็ยัง ไม่ได้อยู่ที่เมืองอีกด้วย ดังนั้นมันก็เลยบอกว่าไม่สามารถที่จะ ทําต่อได้
สถานการณ์ทางนี้คุณนายเวลเลี่ยนก็พอจะได้ยินไอรอนเล่ามา บ้างแล้ว ก็เลยเข้าใจในตัวหลินซินเหยียน หล่อนจึงตอบตกลง กับคำขอของเธอ ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้หล่อนก็ไม่ได้ติดใจอะไร
หล่อนถามหลินซินเหยียนว่าจะกลับไปอีกไหม เป็นช่าง ออกแบบเสื้อผ้าที่LEOเช่นเดิม
หลินซินเหยียนก็ปฏิเสธไป
พักนี้เธองานยุ่งมาก เพราะเรื่องที่ตัวเองอยากทำนั้นมันไม่ง่าย ก็เลยไม่สามารถกลับไปเป็นช่างออกแบบเสื้อผ้าที่LEO ได้อีกต่อ ไป จึงทำได้เพียงขอความเมตตาจากคุณนายเวลเลี่ยนที่ทำให้ หล่อนผิดหวัง
ตั้งแต่แรกหากไม่ใช่เพราะคุณนายเวลเลี่ยน เธอก็คงเติบโตมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ และก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างที่ควรจะเป็น
ถึงแม้ว่าเธอจะมาหาข่าวหยุนแล้ว แต่ด้านการเงิน เธอไม่ได้ ใช้จ่ายในเงินที่เหวินเสี้ยนทิ้งเอาไว้ให้ แม้กระทั่งที่อยู่อาศัย เธอ ก็เป็นคนออกเงินเองทั้งหมด ก่อนหน้านี้เธอเก็บเงินออมเอาไว้ไม่ น้อย มันเป็นเพราะเธอเตรียมไว้ให้ลูกทั้งสองคนของเธอล่วงหน้า แล้ว แต่ตอนนี้เกรงว่าเงินจำนวนนั้นจะถูกเอามาใช้กับเรื่องอื่นๆ
แต่เธอยอม ถ้าอยากทำอะไรบางอย่างเพื่อเฉิงตระกูลบ้าง พอ มีงานยุ่งๆ ให้ทำคนก็จะได้ไม่ต้องคิดมาก เวลาจะได้ผ่านไป รวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตาเธอก็อยู่ที่เมืองแห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ลูกทั้งสองคนก็คุ้นชินกับการใช้ชีวิตที่นี่ เธอสมัครชั้นเรียนเตรียม อนุบาลให้กับลูกทั้งสอง เพื่อที่อีกหน่อยพวกเขาจะได้ปรับตัวกับ การใช้ชีวิตและการเรียนในชั้นประถมได้
การใช้ชีวิตในที่แห่งนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน ยังมีอีกเรื่องหนึ่งก็ คือ ฉินยากลับมาแล้ว ใบหน้าของเธอดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ เหมือนสภาวะทางจิตใจและอารมณ์ก็ดีขึ้นเช่นกัน ส่วนเรื่องของซู จ้านก็ไม่เคยได้ยินเธอพูดขึ้นมาเลยสักประโยค เหมือนกับว่า ชีวิตของเธอไม่เคยมีคนคนนี้มาก่อน
ไม่รู้ว่าปล่อยวางแล้ว หรือยังคงเก็บไว้ในใจอยู่ แต่เธอก็ไม่ เคยถามเรื่องซูจ้านเลยแม้แต่น้อย หลินซินเหยียนก็เลยไม่พูด เรื่องราวของเขาขึ้นมาต่อหน้าเธอ
พอมีเรื่องให้ยุ่ง ก็ไม่มีเวลาที่จะไปหมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องความรัก
” การเย็บปักถักร้อยไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ฉินยามองไปช่างเสื้อ ที่กำลังผ้าไหมกวางตุ้งเป็นหงส์ด้วยด้ายกับ เข็มละเส้น ว่าแล้วขมวดในใจคิดว่าหงส์หนึ่งตัวเมื่อไหร่ จะเสร็จ ปาไปครึ่งเดือนแล้ว แต่ปักแค่หงส์เพียงครึ่ง ตัวเท่านั้นเอง ยังอีกหลายชิ้นยังไม่ได้ปักเลยด้วยซ้ำ
เธอรู้สึกว่าถ้ามือปัก จะขึ้นเป็นเสื้อผ้าคงเวลาครึ่ง ปีเป็นอย่างต่ำ
มันเครื่องคงปักไม่ได้ อีกอย่างมันไม่ละเอียดและประณีตเท่า มือคนหรอกนะ การถ่ายทอดงานฝีมือด้านจิตวิญญาณคนละ เรื่อง” หลินซินเหยียนสวมชุดกระโปรงเขียวอ่อน เปิดให้ เห็นแขนขาวทั้งสองข้าง ตอนนี้เป็นร้อนพิเศษ
ในหนึ่งเดือนนี้ เธอได้เปิดเป็นร้านเย็บปักหัตถกรรมของตัว เอง การเย็บปากไม่จุดประสงค์แท้จริงของเธอ เพียงแค่ขั้นตอนและวิธีการที่จะทำให้ผ้าไหมกวางตุ้งเดือนเห็นตะวัน ออกมาเฉิดฉายอีก
ฉินยาถึงมุ่งหมายของหลินซินเหยียน แต่แค่รีบร้อนไป หน่อย ตอนนี้มีความต้องการผ้าปักสองตัว วิธีการและตอนค่อนข้างมาก แต่เราช่างปักเวลาถึงสองปีเลยนะคะ ”
หลินซินเหยียนเงยหน้ามามองเธอ แล้วยิ้ม ” อย่ารีบร้อนไป เลย ฉันว่าคงไม่นานเท่าไหร่หรอก เพราะเรามีช่างปักผ้าเยอะอยู่ แล้ว ”
เพราะว่าต้องการหาช่างตัดผ้าที่มีความสามารถ มันก็ไม่ใช่ เรื่องง่าย ดังนั้นเธอก็เลยวานให้ชาวหยุนช่วยเธอรวบรวมข้อมูล รายชื่อของช่างปักผ้าที่มีฝีมือทั้งหมดมา
ไม่รู้ว่าใช่เรื่องบังเอิญหรือไม่ วันนี้ตอนเช้าเธอก็ได้รับสายจา กล่าวหยุน เขาบอกว่าหาช่างที่มีฝีมือมาได้แล้วเก้าคน
เดี๋ยวสองสามวันนี้ก็มาถึงที่นี่แล้ว
หนึ่งเดือนนี้จะบอกว่านานก็ไม่นาน จะบอกว่าสั้นก็ไม่สั้น เพราะช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เช่น หลิน นเหยียนได้ลงหลักปักฐานที่เมือง แถมได้ลงมือทำเรื่องที่ตัวเอง อยากทําอีก และยังทำให้มันคืบหน้าไปเรื่อยๆ
ในช่วงเวลานี้ เมืองก็เลยเกิดเรื่องขึ้นมากมายเช่นกัน เรื่อง ใหญ่ก็คงจะเกี่ยวข้องกับเฉินชิง เรื่องที่ตอนแรกได้ให้หญิงที่มี ความผิดไปฆ่าเหอรุ่ยหลิน พอผ่านการตรวจสอบหลักฐานก็มัด ตัวแน่น
แต่ว่าตัวคดียังไม่ถูกตรวจสำนวนและตัดสินอย่างเป็นทางการ เฉินชิงถูกปลดออกจากตำแหน่งงาน ทั้งที่ความจริงอีกไม่กี่ปีก็จะ ปลดเกษียณแล้ว แล้วจะได้ทั้งชื่อเสียงและผลประโยชน์อีก มากมาย แต่ดันต้องมาล้มหกคะเมนตีลังกา แถมได้ไม่คุ้มเสีย ก็ ถือว่าเป็นผลกรรมที่เขาควรจะได้รับ
เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถยนต์ตอนนั้น ก็มีความคืบหน้ามากขึ้น ตอนนี้จับผู้สมรู้ร่วมคิดที่ลักลอบหนีกลับบ้านเกิดได้แล้ว
เขาถูกขังอยู่ที่ตัวอาคารทิ้งร้างแถวชานเมือง
เสิ่นเผยชวนจับเขาผูกไว้กับคานด้านบน ชายหนุ่มคนนี้ ไม่มี ไม่ควรเรียกว่าชายหนุ่ม ควรจะเรียกว่าเด็กชายมากกว่า ดู เหมือนจะยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ
รูปร่างก็ไม่สูงมาก ย้อมผมเผ้าเป็นสีเหลือง ร่างกายซูบผอม สายตาที่เขามองมายังเสิ่นเผยชวนเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ” คุณ พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงจับผมมา ”
เสิ่นเผยชวนไม่ชอบพูดอะไรไร้สาระกับคนพวกนี้เท่าไหร่ ก็เลย ให้เด็กชายดูรูปรูปหนึ่ง ในรูปนั้นคือคนที่ลักพาตัวหลินซินเห ยียน แล้วผู้ชายคนนั้นก็โดนรถชนเสียชีวิต
และคนคนนั้นก็เป็นพี่ชายฟังพ่อของเด็กชายคนนี้
” รู้จักใช่ไหม ” เสิ่นเผยชวนพูดออกมาเนือยๆ
11 จับนายมาทำไมน่ะเหรอ ก็เป็นเพราะฉันรู้จักตัวนายอย่าง ทะลุปรุโปร่งเลยยังไงล่ะ นายตอนอายุสิบห้า ก็เอาแต่ไปหมกตัว กับพี่ชายฝั่งพ่ออยู่แถวหัวถนน ถึงจะไม่มีคดีติดตัวใหญ่ๆ แต่คดี เล็กก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าคนเรารู้จักวางตัวนะ ก็ยอมให้ข้อมูลมาเสีย ดีๆ ผิวหนังบนตัวมันจะได้ไม่เจ็บจนเกินไป เพราะนายยังต้องนั่ง คุกเข่าอีกยังไงล่ะ ”
เด็กชายคนนี้เติบโตในภูเขา เรียนไม่จบชั้นประถม ต้องครบตัวอยู่กับพี่ชาย เพราะอายุน้อย โรงงานก็ไม่ต้องการแรงงานเด็ก แบบนี้ ก็เลยตามติดพี่ชาย แต่อยู่อาศัยกับพี่ชายตรงหัวถนนเป็น เวลานาน รวมหัวกันอยู่ตรงนั้นสิบกว่าคน ปกติก็ชอบเอาเงินและ ทรัพย์สมบัติของผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด
“รู้ไหมว่าพี่นายตายยังไง สิ่งที่ฉันอยากถามก็คือ วันนั้นที่พวก นายไปลักพาตัวคน ใครคือคนบงการ ” เสิ่นเผยชวนถามอีกครั้ง
ถ้าผมบอกเรื่องที่รู้ทั้งหมด คุณจะปล่อยผมไปไหม ” เด็กชาย ที่ไม่เคยผ่านเรื่องใหญ่มาก่อน ก็ไม่สามารถอยู่ภายใต้แรงกดดัน ได้ เสิ่นเผยชวนก็ไม่จำเป็นต้องลงแรงอะไรมาก เด็กชายก็ยอม สารภาพผิดด้วยตัวเอง
เงินเผยชวนไม่ได้รีบร้อนที่จะฟังแต่อย่างใด ” งั้นสักพักค่อย เล่าแล้วกัน ”
จากนั้นเขาก็โทรหาจงจึงห้าว อีกไม่นานน่าจะมาถึง ต่อให้ ตอนนี้เด็กชายเล่าออกมาแล้วเขาก็ต้องเอาไปเล่าต่ออยู่ดี สู้รอ แล้วให้เจ้าตัวมาฟังเองดีกว่า
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ