กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 478 ไม่ได้อยากห่างจากเขาไปไกล



บทที่ 478 ไม่ได้อยากห่างจากเขาไปไกล

ชาวหยุนไม่ได้บอกไปทันทีว่าเขาอายุเท่าไหร่ แต่ถามไปที่เด็ก ชายแทนว่า ” แล้วเธอคิดว่าฉันอายุเท่าไหร่ล่ะ ”

ขณะที่พูดเขาก็จัดปกคอเสื้อ แล้วทำหน้าทตา พยายามที่จะ

ทำให้ตัวเองดูเด็กที่สุด

หลินเฉินทําตาปริบๆ จงใจพูดให้ดูอายุน้อยเข้าไว้” สามสิ บมั้งครับ ”

ชาวหยุนยิ้มออกมาอย่างดีใจสุดขีด เพราะถูกคำพูดของหลิน ซีเฉิน โดนใจเข้าเสียแล้ว

หลินลุยซีที่ยืนอยู่ข้างหลินซินเหยียน ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป สุดท้ายก็ทำที่คึกคักออกมา แล้วมองไปที่พี่ชาย โกหกแบบนี้ เขาไม่ปวดจะแย่เหรอ

สามสิบเนี่ยนะ

สามสิบสองครั้งน่ะสิไม่ว่า

” เธอเนี่ยนะ ใช้ได้นี่นา บอกว่าสามสิบค่อยดูหนุ่มไปหน่อย 11 วันหลังบอกว่าสี่สิบ เพราะผู้ชายวัยสี่สิบน่ะเป็นผู้ใหญ่กำลังดี เหมือนดอกไม้ดอกหนึ่งที่เบ่งบานจนได้ที่ไงล่ะ ”

หลินซีเฉินมองไปที่เขา ในใจก็แอบมองบน บนโลกยังเหลือคนหน้าไม่อายแบบนี้อยู่อีกเหรอ ยังจะมาดอกไม้อะไรอีก ถ้าให้ เขาพูดจริงๆ เสร็จเต้าหู้ยังจะพอได้อยู่หรอก ข่าวหยุนไม่ได้หยอกล้ออะไรกับหลินซีเป็นต่อ แต่หันไปทำหน้า จริงจังเหมือนเดิมกับหลินซินเหยียน แล้วพูดอย่างสุขุม ” ผมคือ

ข่าวหยุน ‘

ขณะที่พูดเขาก็ล้วงกระเป๋าหนังออกมาจากกางเกง หยิบบัตร ยืนยันตัวตนเอามาให้เธอดู ” นี่คือบัตรประชาชนผม ส่วนนี่คือ ใบขับขี่..…….. ”

หลินซินเหยียนไม่ได้หยิบมาดู แค่มองผ่านๆ ตา วันนั้นเขียน ชื่อชาวหยุนสองตัวครบถ้วน แล้วเธอก็ขอโทษที่ตัวเองไม่เชื่อเมื่อ

” เมื่อกี้ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ เพราะฉันเอาลูกสองคนมา ด้วย ก็เลยต้องระวังตัวเป็นพิเศษ ขอให้คุณเห็นใจฉันด้วย ”

ชาวหยุนโบกไม้โบกมือ ” ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไร เราเดินขึ้น ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ที่คุยกัน ”

หลินซินเหยียนพยักหน้า จูงมือลูกทั้งสองเข้าลิฟต์ไปพร้อมเขา ข่าวหยุนกดปุ่มชั้นในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว ก็ก้มลงมามองหลินซี เฉิน ” แล้วฉันต้องเรียกเธอว่าอะไรล่ะ ”

” เรียกผมว่าจงเหยียนเฉิน” ว่าแล้วจงเหยียนเฉินก็ชี้ไปทาง น้องสาว ” ส่วนนี่ก็น้องสาวของผม เธอชื่อจงเหยียนซี ”

แซ่จงเหรอ
เหมือนเขาจะจําได้ว่าทางบ้านสามีของเหวินเสียนใช้แซ่ เขาหันไปมองหลินซินเหยียน แล้วพูดออกมาว่า” อ้อ ” จากนั้น

ก็พูดต่อ ” พวกคุณคงมาจากเมืองBล่ะสิ ” ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันก็เป็นเชิงประโยคบอกเล่า

นั่นแหละ หลินซินเหยียนตอบว่า ” ใช่ค่ะ ”

ข่าวหยุนเก็บสีหน้าที่ดูทีเล่นทีจริง เปลี่ยนมาเป็นสีหน้าที่ดูสุขุม ขึ้น ตอนนี้รีบก็มาถึงชั้นที่กด เขาเดินออกไปก่อน ” นี่คือส่วนของ ห้องทํางานนะ เพราะคุณลงมาสิ ”

หลินซินเหยียนจูงมือลูกๆ แล้วเดินลงมา

ชาวหยุนพาพวกเขามาถึงห้องทำงานของตัวเอง แล้วก็ถาม เธอออกมาตรงๆ ” ที่คุณมาตามหาผมที่นี่ คงจะมีเรื่องให้ผมช่วย ล่ะสิ ”

เขาเปิดกล่องลวดลายประณีตที่วางอยู่บนโต๊ะออก และหยิบ ซิการ์หนึ่งมวนที่อยู่ในนั้นออกมาเสียบไว้ที่ปาก จากนั้นก็หยิบ ไฟแช็กขึ้นมาจุดไฟ

” เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันมีเรื่องนิดหน่อยที่อยากถามคุณ พอดี ว่าฉันแพ้กลิ่นบุหรี่นะค่ะ คือคุยกับฉันก่อนสักครู่ได้ไหม “หลินซิน เหยียนขมวดคิ้ว เป็นเพราะว่าเธอท้อง เลยรู้สึกแพ้กลิ่นบุหรี่เป็น อย่างมาก

ชาวหยุนจ้องไปที่เธอ แล้วมองซีการที่กำลังจะจุด แล้วเขาก็ใช้นิวคีบมันออกจากปากไป แล้วดับไฟทิ้ง แล้ววางมันไว้บนถาด แล้วทําท่าผายมือให้หลินซินเหยียน ” พวกเรานั่งคุยกันเถอะ ”

หลินซินเหยียนพยักหน้า เธอตบไหล่ลูกชายเบาๆ ก่อนจะพูด เสียงค่อยๆ ” ลูกพาน้องไปเล่นตรงประตูสักพักนะ อย่าไปไกลนัก ล่ะ ”

จงเหยียนเฉินจูงมือน้องไปอย่างว่าง่าย แล้วทั้งคู่ก็ออกจาก ห้องทํางานไป

ข่าวหยุนเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสองออกไปแล้ว ในใจก็พอจะเดา สถานะของหลินซินเหยียนออกอยู่บ้าง

ไม่รอให้หลินซินเหยียนเอ่ยปากก่อนเขาก็ชิงพูดว่า ” คนที่จะรู้ สถานะของผมได้ก็มีแค่ลูกสาวของเหวินเสียนเท่านั้น เมื่อเธอเกิด ลูกของพี่ใหญ่แล้ว อันที่จริงผมอยากจะดูแลเธอแทน แต่เธอ อยากให้ลูกใช้ชีวิตธรรมดาทั่วไปเหมือนคนอื่น ก็เลยไม่ได้มอบ หน้าที่นี้ให้ผม ”

ใบหน้าของเขาจากที่ใจร้อนแล้วไม่หนักแน่น ก็เปลี่ยนเป็นนิ่ง สุขุมขึ้นมา เหมือนกำลังอยากบุหรี่ พอจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ก็นึก ขึ้นได้ว่าหลินซินเหยียนมีอาการแพ้ ก็เลยละมือไป ” ผมคอยดูแล ที่นี่ เพื่อวันหนึ่งเธอจะกลับมา ชีวิตนี้ไม่กลับมาแล้ว ก็ต้องรอให้ ผมตายจากโลกนี้ไป ทรัพย์สินทุกอย่างที่นี่ทั้งหมดก็จะถูกบริจาค

การมีอยู่ของเขาทำเพื่อรอใครคนคนหนึ่งเท่านั้น และเป็นคนที่ ไม่รู้ว่าจะปรากฏตัวออกมาหรือเปล่ายี่สิบกว่าปีมานี้ ก็มาจนได้
เขามองไปที่คั่วและดวงตาของหลินซินเหยียน ดวงตาเหมือน จะค่อยๆ มีน้ำออกมา ” ดูเหมือนว่าคุณจะเหมือนพ่อมากกว่านะ

บางทีพอมาพูดถึงเรื่องราวหรือผู้คนที่ผ่านไปนานแล้ว ก็มีผล กับอารมณ์และความรู้สึกมากเช่นกัน เขายืนขึ้นมา เหมือนไม่รู้ว่า จะทำท่าทางยังไง ก็ไม่สบายตัว

หลินซินเหยียนหยิบจี้มาจากกระเป๋า เปิดแล้วก็วางไว้บนโต๊ะ ฉันมาหาคุณ เพราะอยากรู้เรื่องราวของพวกเขา”

เกี่ยวกับการตายของเหวินเสียน และพ่อของเธอ เธออยากรู้ว่า มันเกิดอะไรขึ้น

ข่าวหยุนเมื่อเห็นของที่อยู่บนโต๊ะ ก็ก้มลงไปมอง พอเห็นอย่าง ชัดเจนแล้วว่าเป็นอะไร จึงค้อมตัวลงไปหยิบมันขึ้นมาดู และ สังเกตภาพคนในนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็ยิ้มออกมา พี่ใหญ่ก็หล่ออย่างนั้นจริงๆ นั่นแหละ ”

ในสายตานั้นเผยความรู้สึกที่เคารพและเสียใจออกมาเนืองๆ

เขาเงยหน้าขึ้นมามองหลินซินเหยียน ” คุณแค่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ คือพ่อของคุณ รู้ว่าเขาเป็นคนดีก็พอแล้ว ส่วนเรื่องในอดีตมันก็ ผ่านมานานแล้ว ผมลืมไปหมดแล้วล่ะ ”

พูดไปเขาก็วางจี้ลง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ยอมบอกหลินซินเห ยียน แต่จงใจที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ” เพราะคุณเพิ่งมาถึง เมืองCเหรอ ”
หน้าที่ที่เขาต้องทําในขณะที่มีชีวิตอยู่ ก็คือการดูแลทายาท ของพี่ใหญ่เพียงคนเดียวเท่านั้น

เรื่องที่เคยเป็นอดีตอันดำมืด คงไม่ต้องหยิบมาเล่า นี่คือสิ่งที่ เหงินเสียนต้องการ ตอนนั้นเธอก็ได้พูดกับเขาว่า ” ฉันคิดว่า ลูก ของฉันและเขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาทั่วไป ฉันได้วาง ทุกอย่างไว้เผื่อลูกหมดแล้ว ไม่ต้องไปสืบหาข่าวคราวของเธอ ถ้า ไม่มีอะไรผิดพลาด เธอคงจะไม่ปรากฏตัวออกมาตลอดไป แต่ถ้า เกิดอะไรขึ้น เกี่ยวกับพ่อของเธอ แค่บอกเธอว่าเขาเป็นคนดีก็พอ

ในตอนนั้นเหวินเสียนคิดว่า การเป็นลูกสาวของจวงจื่อจีน เติบโตมาอย่างดีงามและแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลจง จากที่ เธอเข้าใจคนในตระกูลจง เธอก็คิดว่าเมื่อลูกสาวแต่งงานเข้าไป อยู่ที่นั่นก็คงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ถ้าไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ คงไม่มาหาชาวหยุน

นี่คือสิ่งที่เหวินเสียนบอกไว้กับเขาตอนนั้น

ตั้งแต่เขาคอยดูแลที่นี่ ก็ไม่เคยไปเมืองเพื่อสืบสาวราวเรื่อง ของหลินซินเหยียนเลยสักครั้ง

หลินซินเหยียนพอจะมองออกแล้ว ว่าเขาไม่ยอมพูด ในใจก็ รู้สึกผิดหวังอยู่น้อยๆ เธอจึงยื่นมือไปหยิบขึ้นมา แล้วใส่ลงใน กระเป๋าดังเดิม จากนั้นก็ลุกขึ้น ” วันนี้รบกวนแล้ว ขอบคุณนะคะ

ข่าวหยุนรีบบอกปัดว่าไม่ได้รบกวนเลย ” ที่คุณมาหาผมก็เพราะมีปัญหาไข่ไหมล่ะ คุณลองบอกมาสิ ”

หลินซินเหยียนมาเมืองนี้ครั้งแรก ก็รู้สึกไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ ที่ เธอเลือกมาที่นี่ เพราะมีเรื่องต้องให้คิดมากมาย ด้านหนึ่งก็ อยากสืบหาเรื่องของเหวินเสียน อีกด้านหนึ่งก็ไม่อยากจากจงจึง ห้าวไปไกล แล้วเธอก็ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอีก

เธอรู้สึกว่าโชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว ตระกูลเหวินทำให้เฉิง ตระกูลต้องอับจน แต่เธอกลับได้สิ่งล้ำค่าที่สืบต่อกันมาของเฉิง ตระกูล ขณะที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ก็ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองว่าง เกินไป

ฉันอยากอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ เมื่อเด็กสองคนนั้นคือลูกของ ฉันเอง พอถึงเวลา ก็บางขึ้นชั้นประถมแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ฉัน อยากขอให้คุณช่วยฉันหาโรงเรียนที่ค่อนข้างดีในเมืองนี้ นี่เป็น ครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่ ก็เลยไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ ดังนั้นรบกวน คุณด้วยนะคะ ”

” ไม่รบกวนหรอก ไม่รบกวนเลย วางใจผมเถอะ ” ข่าวหยุน โบกไม้โบกมือปฏิเสธดังเคย ก่อนจะถามยังเป็นห่วงว่า ” คุณพา ลูกทั้งสองคนมาที่นี่ แล้วพ่อของเด็กล่ะ

น้ำเสียงที่เขาใช้ถามดูนุ่มนวลและอ้อมค้อม ถึงเหวินเสียนจะ ไม่ได้บอกกับเขาตรงๆ ว่าวางแผนอะไรให้ลูกของเธอ แต่พอได้ ยินว่านามสกุลของลูกสองคนนั้น เขาก็พอจะเดาออกแล้ว

หลินซินเหยียนเองก็ไม่ค่อยอยากจะบอกเรื่องนี้กับเขา จะให้ บอกชัดเจน ก็รู้สึกว่าไม่อยากจะพาดพิงถึงใครอื่น
ข่าวหยุนก็พอจะเข้าใจจากสีหน้าฝ่ายตรงข้าม หลินซินเหยียน ดูไม่อยากจะเปิดเผยเรื่องราวนี้กับเขา ดังนั้นก็เลยพูดออกไป ก่อนว่า ” นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ มันจากนั้น เดี๋ยวผมจะจัดการที่อยู่อาศัย ให้คุณละกัน ”

หลินซินเหยียนตอบตกลง แล้วพูดต่อ ” ฉันควรจะเรียกคุณว่า อะไรดีคะ ”

จากอายุของเขาก็ไม่ใช่น้อยแล้ว หากเรียกชื่อออกไปห้วนๆ ก็ คงจะดูไม่มีมารยาท แต่ตัวเองก็ไม่กล้าเรียกเขาโดยที่ไม่ถาม ความเห็นก่อน

” ผมเป็นพี่น้องกับพ่อของคุณ เรียกผมว่าอารองเถอะ ” ข่าว หยุนพูดไปก็ทําตัวสบายๆ เป็นกันเอง

พูดจบก็ยังอธิบายต่อ เพราะกลัวว่าหลินซินเหยียนจะไม่เข้าใจ

ว่าทำไมถึงเรียกตัวเองว่าอารอง ” เพราะก่อนหน้านี้ผมชื่อเอ้อหู

นะ ชาวหยุนเป็นชื่อที่เปลี่ยนทีหลัง ”

หลังจากเกิดเรื่องนั้น เขาก็เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนที่อยู่ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ