กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 480 เขาน่าสงสารกว่าฉันอีก



บทที่ 480 เขาน่าสงสารกว่าฉันอีก

เวลานี้ ข้างนอกประตูมีเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น เสิ่นเผยชวน ออกไปดู รถสีดำคันหนึ่งจอดตรงข้างถนนที่เต็มไปด้วยดินโคลน เปียกๆ พอมองผ่านกระจกหน้ารถเขาก็เห็นว่าคนขับข้างหน้าคือ ซูจ้าน ก่อนจะตามด้วยประตูหลังที่ถูกเปิดออก เป็นจงจึงห้าวที่ เดินลงมา

เขาสวมสูทสีดำดูเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีที่ติ สีหน้าไม่แสดง อารมณ์ได้อย่างไร ดูไร้ซึ่งอารมณ์ เงียบสงบราวกับน้ำลึกที่มอง ไม่เห็นก้นสระ

เสิ่นเผยชวนชิ้นกับท่าทีและอารมณ์ของเขาที่เป็นแบบนี้ไปเสีย แล้ว ตั้งแต่ที่หลินซินเหยียนจากไป เขาก็กลายเป็นคนที่พูดน้อย ลง นอกจากเป็นเพราะเรื่องของเหวินชิงเขาเลยยอมออกมา เพราะส่วนใหญ่ก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในบริษัท

ส่วนเขากลับบ้านค่อยดีขึ้นมาหน่อย ตอนนี้คนที่มีสภาพ เหมือนตกนรกทั้งเป็นก็คือกวนจิ้ง เวลาสั้นๆ ตลอดหนึ่งเดือนนี้ จงจิ่งห้าวเอาเวลาทั้งหมดไปเธลงที่การทำงาน ไม่รู้ว่าเป็นความ ต้องการในการพัฒนาบริษัทหรือเปล่า โดยอาจเป็นเพราะตัวเอง ว่างมากเกินไป สรุปก็คือรับซื้อบริษัทใหญ่ภายในประเทศไปแล้ว สองบริษัท

ในพื้นที่ทำงานของว่านเยวกรุ๊ป บรรยาศเต็มไปด้วยความอิ่ม ครีมอย่างแปลกประหลาด ครั้งที่แล้วที่เขาไปเจอกวนจิ้ง
กวนจิ้งก็บ่นกับเขาว่า จงจิ่งห้าวคงเป็นบ้าไปแล้ว ได้ยินว่ามี ครั้งหนึ่งประชุมตั้งแต่เก้าโมงเช้า ยาวไปจนถึงบ่ายสาม ปา เข้าไปหกชั่วโมงเต็มๆ

แม้แต่ตอนพักเที่ยงก็ไม่ยอมปล่อยพนักงานไปกินข้าว แล้วไม่ ยอมให้ใครก็ตามเข้าไปในห้องประชุม โดยไม่ได้รับอนุญาต แก้ว น้ำบนโต๊ะที่ดื่มเสร็จแล้วก็ไม่มีใครกล้าไปแตะ จะไปเข้าห้องน้ำก็ ต้องกลั้นเอาไว้ ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทร้อยกว่าท่าน แต่ละ คนก็เจ็บปวดและกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้เพียงนั่ง เฉยๆ จะสูดหายใจเข้าลึกๆ ยังทำไม่ได้เลย ตอนนั้นบรรยากาศ เคร่งเครียดมาก ถ้างานที่เขามอบหมายให้ทําให้เสร็จ หรือไม่ เป็นไปตามที่เขาต้องการ

ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าคนกี่คน ก็จะโดนคำพูดประโคมใส่หน้าใส่ หัวอย่างไม่ไว้หน้าเลยทีเดียว

เวลาสั้นๆ หนึ่งเดือน ก็สามารถรับซื้อบริษัทใหญ่สองแห่งได้

ไม่ต้องคิดก็รู้แล้วว่าทำงานหนักแค่ไหน

ถึงตอนที่อยู่กับพวกเขา จะทำหน้าเย็นชาไปบ้าง แต่ไม่โดน ปฏิบัติอย่างโหดร้ายทารุณ’ ก็พอแล้ว

เสิ่นเผยชวนรู้สึกโชคดี เขาเดินเข้ามาแล้วพูดเสียงต่ำๆ ” ดูเหมือนจะเจอกุ้งแห้งที่ไม่เคยเผชิญโลกเข้าเสียแล้ว จากที่ก ทำการซักไซ้นะ เหมือนจะรู้เรื่องบางอย่างว่ะ แต่ก็ไม่รู้อะไรมาก ” จงจึงห้าวยังคงทำหน้าเย็นชาเช่นเดิม ” สารภาพแล้วว่างั้น ”

” ยังเลย กูรอให้มึงมานี่แหละ ” เสิ่นเผยชวนก้มหน้าแล้วเอานิ้วคลึงจมูก เพราะไม่กล้ามองหน้าเขา จงจึงห้าวมองไปที่เขา แล้วเดินเข้าไป

ซูจ้านที่อยู่ข้างหลังก็เดินตามเข้าไปเช่นกัน เป็นเผยชวนหน้า เขาไว้แล้วพูดเสียงเบาๆ ” ถึงว่าเราควรจะไปหาที่ลับๆ คุยกัน ไหม ”

เพราะอยู่กับคนที่อารมณ์หม่นหมองไม่ราบเรียบอย่างไอ้หมอ นี้ทั้งวัน เขาแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

ซูจ้านมองไปยังเสิ่นเผยชวน ควรจะพูดอย่างลังเล ” ถ้ามันรู้จะ

โกรธมั้ยเนีย ”

เขาไม่ได้ไปหาเอง พวกเขาให้ร่วมมือกัน มันจะทำให้อีกฝ่าย โกรธหรือเปล่า

ก็แอบๆ สิวะ อย่าให้มันรู้ ” เสิ่นเผยชวนมองไปที่บ้าน

ราวกับว่าเขาเป็นคนโง่ ถึงจะพูดมันเป็นความลับ แต่ไม่ต้องให้

อีกฝ่ายรู้หรอก เก็บความลับนี้ต่อไป

” ดี งั้นคืนนี้เราสองคนไปหาที่คุยกันเงียบๆ สองคน ” ซูจ้าน ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ ” ในที่สุดก็มีคนน่าสมเพชกว่ากูแล้วว่ะ ”

เสิ่นเผยชวนมองเขาอย่างหมดค่จะพูด

ซูจ้านยิ้มกว้างกว่าเดิม ” แต่ไม่รู้สิ กูรู้สึกว่าในใจมันยุติธรรม แบบแปลกๆ พอรู้ว่าฉันยาไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ ฉันฝืนยิ้มออก มาอย่างทรมานไหม มึงก็ไม่รู้หรอก แต่มันรู้ ” เขาชี้นิ้วไปทางห้องที่จงจึงห้าวเพิ่งเข้าไป ก่อนจะขยับตัวไปใกล้เส้นเผยชวน “ มันน่าสงสารกว่ากูอีก ทั้งลูกทั้งเมียหนีไปหมดเลย

ตอนนี้เขาคงเป็นคนหัวเดียวกระเทียมสืบ อารมณ์ดี ถึงจะ

แปลก เส้นเผยชวนข้างนอกมาแห้งๆ ” ทำไมกูจะรู้สึกว่ามึงมีความสุข

บนความทุกข์ของคนอื่นวะ ”

ซูจ้านรีบกลับมาทำตัวสุขุมอีกครั้ง ” ถึงก็พูดไปเรื่อย มีความ สุขบนความทุกข์ของคนอื่นตรงไหน กูแค่….จริงๆ ก็นิดหน่อย ตอนนี้มันก็รู้ถึงความทุกข์กแล้วไง ”

เงินเผยชวน ”

พวกมึงสองคนพูดจบหรือยัง ” มีเสียงเยือกเย็นดังออกมา เหมือนกับลมหนาวเดือนสิบสอง ที่ทั้งหนาวและเยือกเย็น

พวกเขาทั้งสองรีบหันตัวไป ก็เห็นชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ในห้อง ที่ดูสกปรกแล้วเลอะเทอะ ท่าทางของเขาที่ดูสะอาดสะอ้าน เมื่อ เทียบกับพื้นที่เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครกนั้น มันเห็นถึง ความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

เส้นเผยชวนค่าออกมา ก่อนจะเดินเข้าไป ” ก็แค่พูดกับซูจ้าน ว่า คืนนี้ถ้าว่างก็ไปดื่มกันสักแก้ว ไม่กล้าถามถึง ก็แค่พูดมากไป หน่อยแค่นั้นเอง ”

จงจิ่งห้าวพูดเสียงทุ้มต่ำแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีถึงอารมณ์ที่ แปรปรวน สายตาที่เย็นชาเหมือนน้ำแข็งนั้นทำให้ผู้คนที่ได้เห็นไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นบริเวณรอบข้างแต่อย่างใด ก่อนจะพูด ต่อด้วยน้ำเสียงไม่บางไม่ดังเพียงสองค่า ” งั้นเหรอ ”

” ใช่ “เสิ่นเผยชวนเกร็งศีรษะเมื่อตอบออกไป

จงจึงห้าวแค่หันไปเลือกมองเขา แต่ก็ไม่ได้ต่อความยาวสาว ความยืด มุมปากมันค่อยๆ ยกขึ้น ค่อยๆ เปิดปาก แล้วพูดออก มาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ” ” ให้เขาพูดออกมา ”

เงินเผยชวนตอบรับ จากนั้นก็เดินไปที่ข้างหน้าเด็กชายคนนั้น แล้วทำหน้าดุร้าย พอมองก็ทำให้รู้สึกน่ากลัว จนทำให้เด็กชาย ตกใจมาก ” พูดมาสิ ว่าใครเป็นคนบงการพวกนาย ทำไมถึงไป ลักพาตัวคนอื่น ”

เด็กชายมองไปทางเขา ทั้งกระดูกและฟันสั่นไปหมด ไม่กล้าที่ จะเล่นลูกไม้ จึงคายสิ่งที่ตัวเองรู้ทั้งหมดออกมา ” พวกเราเป็น พวกที่รับเงินคนแล้วไปทำเรื่องนั้นๆ แทนคนอื่น แต่เรื่องครั้งนี้ เราก็รับเงินมาเหมือนกัน เวลาที่พวกเรารับงาน ปกติแล้วพี่ชาย จะไปรับงานเล็กๆ มา เช่นไปต่อยตีแทนคนอื่น แต่ครั้งนี้ ไม่ใช่ งานที่เขารับมา ผมได้ยินมาจากเขาว่า มีลูกน้องของคนที่แซ่ ตอนนั้นเขาตื่นเต้นมาก เพราะคนจ้างบอกมาว่าเป็นงานที่มีราย ได้ดี ตอนแรกก็นึกว่าแค่จับคนคนหนึ่งก็ได้เงินมาไม่ใช่น้อย ใคร จะไปรู้ว่าชีวิตแขวนอยู่บนนั้น เงินก็ไม่ได้ ”

พอพูดถึงตรงนี้เด็กชายก็ดูสลดไป พี่ชายตาย เขาก็ไม่กล้าที่จะ อยู่ในเมืองอีกแล้ว ตกใจจนต้องรีบหนีกลับบ้านเกิดไป ก็ยังทุก คนจับมาอีก สิ่งที่เขาต้องชดใช้ไม่ใช่น้อยๆ แม้แต่เงินก็ไม่ได้สักแดง แน่ใจก็ทรมานจนแทบจะเตรียมตาย

แซ่เหรอ

” ไม่ได้บอกเหรอว่าคนนั้นมันชื่ออะไร ” เสิ่นเผยชวนถามขึ้น มา

เด็กชายส่ายหัว ” จากที่ผมได้ยินจากปากพี่มีแค่แซ่ ผมก็ไม่รู้ เหมือนกันว่าเป็นใคร แต่เหมือนจากที่ได้ยินพี่พูด เหมือนเป็นคน ที่ใหญ่โตพอสมควร ผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน ผมพูดในสิ่งที่ตัว เองรู้ไปทั้งหมดแล้ว ปล่อยผมไม่ได้ไหม ”

เด็กชายมองเสิ่นเผยชวนในแววตาอ้อนวอนสุดฤทธิ์

” ไม่ต้องรีบ แค่ไหนพูดความจริงมา พวกฉันก็ปล่อยนายอยู่ แล้ว แต่ถ้าเล่นตุกติกละก็…..” ครั้งนี้เป็นร้านที่พูดออกมา เขา ยืนพิงอยู่ที่ข้างประตู จงใจที่จะลากเสียงท้ายประโยคให้ยาว แล้วชี้ไปที่คนของเสิ่นเผยชวน ” พวกเขาเป็นผู้ชายที่ร่างกาย มาก ลงมือไม่หนักไม่เบา เพียงแค่หมัดเดียว ก็ทำให้พิการได้นะ นี่เป็นเรื่องปกตินะจะบอกให้ ”

เด็กชายหน้าซีดเผือด พูดจาทีปากสั่นคางสั่น ” จริง…….จริง ครับ ผมพูดสิ่งที่ตัวเองรู้หมดแล้ว ผม ผมมันก็แค่กุ้งแห้ง เดินตาม ตูดรุ่นพี่ตลอด ไม่รู้จักคนที่แซ่จริงๆ ครับ ได้โปรด เชื่อผมด้วย นะครับ ”

เสิ่นเผยชวนมือทั้งสองข้างกอดอก พอนิ้วคางไปมา พยายาม นึกถึงคนที่แซ่กู้ จึงเดาออกมาว่า ” หรือว่าจะเป็นเป่ย ”
กู้เลย สําหรับชื่อในแวดวงนี้ไม่แปลกหน้าเลย

เขาหันไปมองจงจึงห้าวที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง ” กู้เป่ยที่ว่านี่ใช่ ลูกของท่านหรือเปล่า เอาแต่พึ่งคนเฒ่าคนแก่ อยากจะทำอะไร ก็กล้าท่า คนที่ทั้งเส้นทางที่เลวก็ให้ต่างหน้ากับไอ้คนชื่อเป่ย หมดเลยหรือเปล่า ”

” ถ้าใช่ก็อธิบายได้ว่า เหวินชิงไม่อยากให้มือตัวเองเปื้อน ก เลยใช้เส้นสาย ไม่ใช่ว่าตาเฒ่าแซก็ผูกมิตรกับตาเฒ่าตระกูลเห วินหรอกหรือไง “ซูจ้านพูด

ท่านคนนี้กับพ่อของเหวินซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกัน มีอำนาจ

ใหญ่โต เรื่องพวกนี้เขาเคยได้ยินมาก่อนที่จงจึงห้าวกับเหวินซึ่ง

จะแตกหักกันแล้ว เส้นเผยชวนก็เปลี่ยนมาทำตัวสุขุมขึ้นมา ถ้ามันเป็นแบบที่ว่า

นั้นจริง เรื่องคงจะวุ่นวายมากเลยล่ะ

ไอ้คนที่แต่ก็ไม่ใช่คนที่พูดง่ายเสียด้วย คงจะไม่ยอมรับง่ายๆ อย่างแน่นอน

แล้วอีกอย่างทำไมเขาถึงมาช่วยเหวินชิง เป็นเพราะมิตรภาพ หรือว่าเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่แลกเปลี่ยนกัน

ถ้าเป็นเรื่องผลประโยชน์ ก็น่าจะทำให้แตกหักกันง่าย แต่ถ้า เป็นเรื่องมิตรภาพ เรื่องนี้ต้องยุ่งยากวุ่นวายสุดๆ ไปเลย

จงจึงห้าวใบหน้าดูเย็นชา ในใจก็มีความคิดบางอย่าง ขอสาว เท้าเดินออกไปจากห้อง เดินไปถึงหน้าประตูก็หยุดฝีเท้าลง”กูไม่อยากเจอคนคนนี้อีก”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ