กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 271 ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร



บทที่ 271 ไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร

บรรยากาศเงียบสงบไปครู่หนึ่ง

“ผมยินดี”

ดูเหมือนเป็นคำพูดที่ไร้ข้อสงสัย ถูกซูจ้านพูดออกมาอย่าง

ง่ายดาย

สําหรับคําตอบของเขาดูเหมือนอยู่ในการคาดเดาของทุกคน

ก็ไม่ได้คาดหวังมาก

“คุณฉิน คุณยินดีให้คุณเป็นสามีของคุณ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้น ไป ดูแลซึ่งกันและกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุข ไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจน ไม่ว่าเจ็บป่วยหรือแข็งแรง จะรักกัน จะไม่แยกจากกันไปตลอด ชีวิต คุณยินดีหรือไม่?

สายตาทุกคู่ต่างหันมามองพร้อมกัน สำหรับคำตอบของฉันยา ทุกคนยังคงไม่มีความมั่นใจเท่าไหร่นัก

หลินซินเหยียนก็รู้สึกตื่นเต้นมาก กำมือไว้แน่น จงจิ่งห้าวจับ มือของเธอไว้แน่น ขยี้มือไปมา ไม่ได้ไปดูสองคนที่กำลังจะแต่ง บนเวที สำหรับเขาแล้ว ไม่มีใครสามารถดึงดูดสายตาเขาได้ มากกว่าเธอ

ใบหน้าซูจ้านตึงเครียด กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ

เวลาหยุดนิ่ง
คุณย่าท่านที่นั่งอยู่ข้างล่างก็รู้สึกตื่นเต้น โบกมือให้ฉินยา เร่ง ให้เธอรีบตอบตกลง

ซูจ้านหันหน้าไปอย่างไม่สบายใจ เวลาพอดีกับตอนที่ฉันยา หันไปพอดี สบตากันพอดี ซูจ้านจากเดิมที่รีบร้อน ก็รู้สึก ใจเย็น ลงจากแววตาที่สงบของเธอ

เขาจับมือของฉินยา เป็นคำสัญญาที่มากกว่าคำสัญญา “ผม จะดูแลคุณอย่างดี ตลอดชีวิต”

เห็นมุมปากเธอยิ้มขึ้น ตาสวยเหมือนเสี้ยวพระจันทร์ มองเห็น ดวงตาอันเป็นประกายของเธอ เธอพูดว่า “ฉันยินดี”

พิธีกรยกไมค์ขึ้นอีกครั้ง “การแต่งงานคือการสิ้นสุดของความ โสด จุดแห่งความโรแมนติก จุดเริ่มต้นของความสุข ในวันพิเศษ นี้ ขอให้ผู้คู่บ่าวสาวทั้งสองจับมือกัน แบ่งปันความรัก เคียงบ่า เคียงไหล่ แก่เฒ่าไปด้วยกัน อย่างมีความสุข”

แบะแบะ

คุณยายท่านที่นั่งอยู่ข้างล่างดีใจจนตบมือ ท่ามกลางเสียง ตบมือนั้น ก็มีริบบิ้นจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากที่สูง เหมือนดั่งฝนสายรุ้ง สดใสสวยงามโรแมนติก

“เจ้าบ่าวจูบเจ้าสาวได้

ซูจ้านเปิดผ้าคลุมหัวของฉินยาออก ไม่รอให้ฉินยาได้ตั้งตัว เขาก็โน้มตัวจูบลงไป ฉินยาเบิกตากว้าง ไม่ทันได้ตั้งตัว
“หน้าไม่อาย” หลินลุยเอามือปิดตา เหลือช่องไว้นิดหน่อย ดู ไปด้วยก็บอกว่าหน้าไม่อาย จงจิ้งห้าวมองลูกสาว ปิดช่อง ระหว่างนิ้วมือที่เธอเหลือไว้

หลินลุยซึมองอะไรไม่เห็นแล้ว เธอก็รีบหันไปจ้องหน้าจงจึง ห้าว “พ่อใจร้าย ไม่ให้หนูดูลุงซูกับน้าฉันยาจูบกัน

จงจิ่งห้าวหุ้มเธอขึ้นมา “ภาพไม่ดีห้ามดูห้ามฟัง เข้าใจไหม?” สาวน้อยไม่เข้าใจ กะพริบตาเล็กๆของเธอ “หมายความว่า อะไรคะ?”

“ก็คือสิ่งที่ไม่ควรดูห้ามดู สิ่งที่ไม่ควรฟังห้ามฟัง” หลินซีเฉินที่ นั่งข้างๆพูดอย่างใจเย็น

สําหรับความไร้เดียงสาของน้องสาว หลินซีเฉินส่ายหัวอย่าง

เอือมระอา “แม่ต้องให้เธอไปโรงเรียนแล้ว ตอนนี้ยังไม่รู้อะไร

เลย”

คำพูดนี้พูดตรงประเด็นแล้ว หลินซีเฉินกับหลินลุยซีอายุห้า ขวบแล้ว นอกจากหลินซีเฉินได้เข้าโรงเรียนACด้วยความ สามารถของตัวเอง หลินลุยซียังไม่ได้เข้าโรงเรียน

เด็กในประเทศที่อายุนี้ต่างก็เข้าเรียนอนุบาลแล้ว

จงจิ่งห้าวนั่งคิด ปีหน้าต้องหาโรงเรียนให้พวกเขาได้ไปสัมผัส ความสนุกในการเข้าเรียนอนุบาลแล้ว ไม่ได้ต้องการให้พวกเขา ประสบความสําเร็จแค่ไหน ขอแค่ได้เรียนรู้และสัมผัสชีวิตใน แต่ละขั้นตอน
หลินซินเหยียนไม่ใช่ไม่เคยคิดเรื่องที่จะให้พวกเขาเข้าเรียน อนุบาล หลินซีเฉินเธอไม่กังวล ความรู้ในอนุบาลนั้นง่ายสำหรับ เขาแล้ว ที่ประเทศAเธอก็เคยหาโรงเรียนอนุบาลให้หลินซีเฉิน แต่เขาไม่ยอมไปเรียน เพราะคิดว่ามันง่ายเกินไป

หลังจากนั้นรู้ว่าเขามีพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์ จึงให้ไป สอบAC คิดไม่ถึงว่าสอบผ่านแล้ว เขาก็เป็นนักเรียนที่อายุน้อย ที่สุดของAC

ส่วนลูกสาว เธอไม่ขออะไรมาก เพราะตอนลูกสาวเกิดมาตัว ผอมเล็กมาก หวังแค่ว่าลูกสาวมีชีวิตเด็กที่มีความสุข เติบโต อย่างแข็งแรง ก็คือความหวังที่ใหญ่ที่สุดของเธอ

ความจริงเธอก็ชอบการศึกษาของฝั่งตะวันตก ก่อนที่ลูกจะเข้า เรียนไม่ต้องสอบอะไรทั้งนั้น ให้เล่นอย่างเดียว ให้รักษาความ อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับการเรียน

“เสี่ยวเฉิน ไป พวกเราไปสร้างความวุ่นวายในห้องหอ ไปขอ ลูกอมกับเจ้าสาว” เสิ่นเผยชวนเดินเข้ามา วันนี้เขาก็ใส่ชุดสูทมา เขานอกจากชุดนักเรียนแล้ว ก็มีแต่ชุดลำลอง เห็นเขาใส่ชุดสูท เป็นครั้งแรก ก็หล่อเหมือนกัน

พอได้ยินว่ากินลูกอม หลินลุยซีก็ดีใจ “หนูก็จะไป คุณอาเงิน หนูก็จะไปด้วย”

“ได้เลย” เสิ่นเผยชวนอุ้มเขามาจากอ้อมกอดของจงจิ่งห้าว

“ฉันพาพวกเขาไปชั้นบน จงจิ่งห้าวพูดกำชับ “อย่าเกินเลยนะ ต่อหน้าเด็กๆอย่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูด”

เสิ่นเผยชวนตอบว่ารู้แล้ว จากนั้นก็พาเด็กทั้งสองคนขึ้นไปชั้น บน

ไม่ว่ายังไง นี่เป็นวันเข้าห้องหอของซูจ้าน ตั้งแต่สมัยโบราณ มาก็มีประเพณีการก่อกวนห้องหอ เพื่อนอย่างเขาไม่ไปก่อกวน สักหน่อย ดูเหมือนจะไม่ค่อยดี

จงจิ่งห้าวลุกขึ้น “พวกเราออกไปเดินเล่นหน่อย

หลินซินเหยียนสองวันนี้พักผ่อนไม่พอ อยากกลับไปนอนพัก “ฉันไม่ไปแล้ว”

จงจิ่งห้าวเอาเสื้อกันหนาวห่มให้เธอ แล้วพูดอ้อน “ถือสักว่าไป เป็นเพื่อนผม”

หลินซินเหยียนมองจงจึงห้าว เขานี่ ทำไมยังมีเวลาไปเดิน

เล่น?

“คุณอยากทําอะไร?” หลินซินเหยียนไม่ได้รู้สึกว่าเขาแค่อยาก

ไปเดินเล่น

“ถึงเวลาคุณก็รู้เอง ไปกับผมก็พอ” จงจิ่งห้าวดึงมือเธอ เขาคน นี้ถ้าตัดสินใจแล้ว เธออยากปฏิเสธก็ไม่ได้ จึงต้องตามเขาไป

ข้างนอกลมค่อนข้างแรก จงจิ่งห้าวใช้เสื้อคลุมห่อตัวเธอไว้ นอกโรงแรมเป็นถนนที่ยาวมาก ถนนเส้นนี้รถน้อยมาก ถึงขั้น ค่อนข้างเปลี่ยว
ถ้าไม่ใช่เพราะมีโรงแรมอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงไม่ซ่อมถนนเส้นนี้

หลินซินเหยียนมองไปรอบด้าน พบว่าละแวกนี้มีต้นสนเต็มไป

หมด ฤดูหนาวแล้วยังเขียวขจีขนาดนี้ หลินซินเหยียนทนไม่ไหว “คุณพาฉันมาที่เปลี่ยวขนาดนี้ ต้องการทําอะไร?”

จงจิ่งห้าวจงใจทําเป็นไม่พูดอะไรเลย

คนเราก็แบบนี้ พอถูกดึงดูดความสนใจแล้ว ก็อยากทำให้ เข้าใจ ก็เหมือนหลินซีเหยียนในตอนนี้ เธออยากรู้ว่าจงจึงห้าว ต้องการทําอะไรกันแน่

เธอแกล้งทำไปโกรธ หยุดเดิน “คุณไม่พูดฉันไม่ไปแล้ว

จงจิ่งห้าวแนบชิดเธอ ริมฝีปากแบนอยู่แก้มเธอ “คุณแน่ใจว่า ไปไม่ไปแล้ว?”

ไม่รู้ว่าเพราะเขาใกล้ชิดเกินไปไหม หลินซินเหยียนรู้สึกร้อน ทั้งๆที่เสียงลมพัดแรง เธอตั้งสติแล้วพูดว่า “ฉันแน่ใจ

จงจิ่งห้าวมองไปรอบด้าน สวนต้นสนแห่งแน่นหนามาก ถ้า หากจะซ่อนคน ก็คงซ่อนได้มิดชิดมาก?

“ฉันไปแล้ว” หลินซินเหยียนผลักเขาออก จากนั้น เธอยังไม่ได้ ก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ก็ถูกดึงไปกอดไว้ ในใจเธอยังคงมี ความกลัวที่ถูกคนกอดกะทันหันแบบนี้ สีหน้าซีดไปทันที จงวิ่ง ห้าวรู้สึกถึงความกลัวของเธอ ก็พูดอยู่ข้างหูเธอ “ผมเอง”
ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเธอถึงวางใจ รู้สึกได้แค่มือที่อุ่นร้อนที่ กอดเอวเธอไว้ เหมือนดั่งงูเหลือมที่แข็งแรง กอดรัดเธอไว้แน่น ร่างทั้งสองแนบชิดกันทันที

สถานที่เปลี่ยวขนาดนี้ หลินซินเหยียนผลักเขาเบาๆ หนาว…….

ความจริงเธออยากพูดว่า อย่าทำอะไรที่นี่ “ผมกอดคุณไว้ก็ไม่หนาวแล้ว” เขาพูดจบ ก็เอาเสื้อคลุมห่มตัวเธอไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ