กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 181 หม่ามใช่ไหม?



บทที่ 181 หม่ามใช่ไหม?

“คุณกำลังทำอะไรนะ?

เสี่ยวหลิวยืนอยู่หน้าประตูห้องครัวพร้อมกับแก้วน้ำในมือ พอ เห็นว่าหลินซินเหยียนกำลังใช้โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นเธอจึงถาม ออกไป

ไม่ใช่เสียงหม่ามีนี่นา หลินเฉินขมวดคิ้วขึ้น แต่ยังไงเขาก็คิด ว่าคนที่โทรมาคือหม่ามีอยู่ดี เขาอยากสงบสติอารมณ์ให้นิ่งกว่า นี้ ทว่า ณ ตอนนี้มันนิ่งไม่ได้แล้วจริงๆ เขาเอ่ยขึ้นเสียงสั่น “หม่ามี ใช่ไหมครับ?

หลินซินเหยียนกระแอมเสียงเล็กน้อย เธอไม่สนใจที่เสี่ยวหลิว ถาม เธอแค่อยากจะตอบลูกชายออกไปว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอ สบายดี ทว่าเสี่ยวหลิวกลับเดินเข้ามาคว้าโทรศัพท์ในมือของเธอ ออกไปแล้วกดวางสาย คุณผู้ชายบอกว่าห้ามให้คุณใช้โทรศัพท์ คุณลืมไปแล้วหรอ? ”

หลินซินเหยียนมองไปที่เสี่ยวหลิว”จริงอยู่ที่ว่าคุณผู้ชายของ เธอช่วยฉันไว้ แต่เรื่องที่เขาไม่ยอมให้ฉันติดต่อคนที่บ้าน เธอไม่ คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรอ?

อันที่จริงมันก็ดูไม่สมเหตุสมผลอยู่ แต่เธอเชื่อว่าการที่ไปยื่น หนิงทําแบบนี้เขาจะต้องมีเหตุผลของเขาแน่ บางทีคุณผู้ชายอาจ จะมีเหตุผลของเขา คุณแค่ทำตามที่เขาสั่งก็พอแล้ว”
“เธอรู้ไหมว่าถ้าคนในครอบครัวของฉันติดต่อฉันไม่ได้ พวก เขาจะกังวลมากแค่ไหน? “หลินซินเหยียนพยายามพูดเกลี้ย กล่อมเธอ

เสี่ยวหลิวกอด โทรศัพท์ไว้แน่นราวกับกลัวว่าหลินซินเหยียนจะ มาแย่งไป เธอยอมรับว่าที่หลินซินเหยียนพูดมาก็มีเหตุผล แต่ เธอไม่อาจขัดคำสั่งของคุณผู้ชายได้

“พอเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงเข้าไปในห้องนะคะ เพื่อไม่ให้ หลินซินเหยียนใช้โทรศัพท์ เสี่ยวหลิวจึงเอาโทรศัพท์วางไว้บน โต๊ะในห้องทานอาหารแทน จากนั้นก็วิ่งมาประคองเธอไปเถอะ ค่ะ อย่าทำให้ฉันลำบากใจเลย ถ้าคุณต้องการใช้โทรศัพท์ ติดต่อหาคนที่บ้านจริงๆล่ะก็ คุณก็ไปบอกคุณผู้ชาย แล้วถ้าเขา ตกลง ฉันก็คงไม่ห้ามคุณอีก

หลินซินเหยียนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไปยื่นหนิงเลย และไม่รู้ด้วย ว่าเขามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงไม่ยอมให้เธอใช้โทรศัพท์

“เสี่ยวหลิวเธออยู่ที่นี่มานานแล้วหรอ? “หลินซินเหยียนถาม ขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เธอกำลังพยายามหลอกถามเรื่องราว ของไปยื่นหนิงจากปากของหล่อน

“ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนที่ดูแลคุณผู้ชายมาโดยตลอด”เสี่ยวหลิว เป็นคนใสซื่อไร้เดียงสา หลินซินเหยียนถามอะไรเธอก็ตอบ

“ถ้างั้นเขาอยู่ที่นี่คนเดียวหรอ? ทำไมไม่เห็นพ่อกับแม่เขา เลย? “หลินซินเหยียนกลัวว่าหล่อนจะสงสัยว่าเธอมีจุดประสงค์ อะไรบางอย่างแฝงอยู่ในคำถาม เธอเลยพูดเพิ่มไปอีกประโยคหนึ่ง”บ้านหลังใหญ่ขนาดเขาคนเดียวคงแย่เลยนะ

“ฉันไม่เคยแม่ของเขา เคยเห็นของเขา ของไม่

แล้วเขางานอะไรหรอหลินซินเหยียนแสร้งเป็นไส ชื่อพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง ดูเหมือนเขาจะรวยเอามาก

เลย”

“คุณพึ่งไปเฉิงครั้งแรก เพราะงั้นคุณอาจจะไม่แต่บอกได้ เลยว่าเฉิงไม่ใครไม่ตระกูลไป์เสี่ยวหลิวพูดมา ด้วยความตระกูลอย่าดูถูกเดินนะคะ เป็นคนทึ่งมาก ประชากรกว่าสิบเปอร์เซ็นต์เฉิงล้วนทำงานให้กับบริษัทของตระกูลไป เขาเพียงคน เดียวแก้ไขปัญหาเรื่องงาน

ตาของหล่อนเป็นประกายเลยทีเดียวเมื่อพูดถึงไปยื่นหนึ่ง

เจ็ดเปอร์เซ็นต์เลยเชียว

ถือว่าจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

“ไป๋เฉิงมีประชากรทั้งหมดคน

อีก

“ประมาณห้าหมื่นคนฉันค่อยแน่ใจค่ะเสี่ยวประคองเธอมานั่งตรงขาๆหน่อย

หลินซินเหยียนโอกาสตอนหล่อนยกขาของเธอบน เตียงมองไปหล่อนเธอเคยไปอื่นบ้างไหม? อย่างเมืองเธอไหมมันอยู่จากที่นี่รึเปล่า?

“ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันเคยไป แต่ฉันคิดว่าคงไม่ไกลมากหรอกมั้ง เพราะที่นั่นก็เป็นหนึ่งของนี่

หลินซินเหยียนนอนแผ่อยู่บนเตียง มั่นใจว่าเสี่ยวหลิวเป็นความจริง เด็กผู้หญิงคนใสซื่อไร้เดียงสา ถามอะไรก็ตอบ ไม่ไปยืนหนึ่งมากขนาดไหน

“คุณหลินพักผ่อนเถอะค่ะ หรือถ้าเบื่อ จะให้ไปหยิบ หนังสือมาไหม? เสี่ยวหลิวลองถามขึ้น

เนื่องจากหลินซินเหยียนนอนพักไปแล้ว ตอนนี้จึงง่วงเลย

“คุณจะพวกชีวประวัติ นิยายรัก ว่าหนังสือประเภท?”

หนังสือก็เป็นฆ่าเวลาได้ใช้เวลาทำสิ่งตนเองชอบ

“คุณจะเอาของทำอะไรคะทันใดนั้นเสี่ยวก็ เข้าใจ

หลินซินเหยียนส่ายหน้าฉันเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ เพราะงั้นอยากได้ของพวกนี้มาใช้ร่างแบบ

เสี่ยวหลิวตาโพลงมองเธอด้วยความเลื่อมใส คุณ เป็นแฟชั่นดีไซเนอร์หรอว้าว น่าทึ่งจัง
หลินซินเหยียนรู้สึกเขินเล็กน้อยเพราะสายตาของหล่อนที่มอง

มาด้วยความตื่นเต้น ก็แค่แฟชั่นดีไซเนอร์เท่านั้นเอง และมีผล งานที่ได้รับความสําเร็จนิดๆหน่อยๆ ซึ่งนี่มันไม่น่าพูดถึงเลยด้วย

“งั้นรอซักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันไปเอามาให้”เสี่ยวหลิวรู้สึกตื่นเต้น

ราวกับว่าการที่เป็นแฟชั่นดีไซเนอร์เป็นอาชีพที่น่าทึ่งมาก

ไม่นานเสี่ยวหลิวก็กลับเข้ามาพร้อมกับดินสอและกระดาษที่ หลินซินเหยียนต้องการ เธอยื่นมันให้กับหลินซินเหยียนพร้อมกับ เลื่อน โต๊ะทานข้าวเล็กๆไปไว้ที่เตียง จากนั้นก็พูดจาแปลกๆออก มาจะได้เห็นของจริงแล้ว

หือ?

หลินซินเหยียนมองเธออย่างไม่เข้าใจ

ของจริงอะไร?

เสี่ยวหลิวรู้สึกเขินเล็กน้อย เธอกมือไปมาพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ ตอนยังเด็กฉันก็ฝันว่าอยากเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงโด่ง ดัง แต่ว่าฉันไม่มีโอกาสได้เรียน และไม่เคยเห็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ด้วย หมายถึงแบบตัวเป็นๆ ฉันเคยเห็นแต่ในทีวีค่ะ

“ถ้าเกิดว่าเธอชอบ ฉันจะสอนให้เอง”หลินซินเหยียนไม่ได้หวง

วิชา

เธอสอนได้แค่พวกทฤษฎีในการเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ ส่วนเรื่อง แรงบันดาลใจอะไรนั้นมันขึ้นอยู่กับตัวเอง
“จริงหรอคะ? “เสี่ยวหลิวมองตาเป็นประกาย แต่พอนึกถึงสิ่ง ที่ไปยื่นหนึ่งพูด เธอก็เงียบไป ช่างมันเถอะค่ะ

“ทำไมล่ะ? “หลินซินเหยียนไม่เข้าใจ หล่อนก็ดูจะชอบเอา มากๆหน พอมีโอกาสได้เรียนรู้มันแล้วทำไมถึงไม่ยอมเรียนล่ะ?

“คุณผู้ชายสั่งให้ฉันดูแลคุณ และสั่งว่าห้ามทำให้คุณเหนื่อย ถ้าเขารู้ว่าฉันให้คุณมาสอนฉัน เขาจะต้องโกรธแน่

“งั้นพวกเราก็แค่ไม่ต้องบอกเขา? “หลินซินเหยียนเสนอความ

เห็น

“ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้”เสี่ยวหลิว โบกมือปฏิเสธพัลวัน “ฉันโกหกคุณ ผู้ชายไม่ได้”

หลินซินเหยียน …….

เธอไม่รู้จะอธิบายนิยามของคำว่า “เชื่อฟังที่เสี่ยวหลิวมีต่อไป

ยื่นหนิงยังไงเลย

ต้องถ่อมตัวขนาดนั้นเชียว

การชอบใครซักคนเป็นแบบนี้เองเหรอ?

“เสี่ยวหลิว ถ้าอยากจะดึงดูความสนใจจากใครซักคน อย่าง แรกตัวเราเองจะต้องเปล่งประกายออกมาให้ได้ อย่างนี้สิถึงจะ สามารถดึงดูดความสนใจจากอีกคนได้”หลินซินเหยียนอดไม่ ได้ที่จะช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนนี้

เธอดูออกว่าแท้จริงแล้วเสี่ยวหลิวเป็นคนที่จิตใจดีมากจริงๆ
การที่ไปยื่นหนังสั่งให้หล่อนมาดูแลเธอ เขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่า หล่อนจงรักภักดีต่อเขา

เสี่ยวหลิวรู้ว่าหลินซินเหยียนจะพูดอะไร แต่เธอรู้ฐานะของตัว เองดี ใครๆก็รู้ว่าเธอรักใคร่และชื่นชมไปยื่นหนึ่ง แต่เธอนั้นไม่ อาจจะสารภาพความรู้สึกของเธอออกไปได้ ฐานะแบบนี้จะไป คู่ควรกับคุณผู้ชายได้ยังไง?

เพราะงั้นเธอจึงไม่ขออะไรมาก เธอขอแค่ได้อยู่ดูแลอยู่ข้าง กายคุณผู้ชาย แค่นี้เธอก็พอใจมากแล้ว เธอไม่ต้องการอะไรไป มากกว่านี้อีก

“คุณหลินวาดรูปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปอยู่ด้านนอก แล้ว ถ้ามีอะไรเรียกได้เลยนะคะ”

พูดจบหล่อนก็วิ่งออกไปจากห้องด้วยความรวดเร็ว

เหมือนกับว่ากำลังหนีอะไรบางอย่างยังไงยังงั้นเลย

หลินซินเหยียนถอนหายใจออกมา ถ้าหล่อนไม่พยายามทำตัว ให้โดดเด่นออกมา แล้วไปยื่นหนึ่งจะมองเห็นหล่อนได้ยังไง?

ฐานะมันสำคัญก็จริง แต่เธอกลับคิดว่าการเป็นคนสำคัญกว่า

หรือว่าในเรื่องของรู้สึกยังต้องมีความเหมาะสมกันแบบกิ่ง ทองใบหยกอีกนะ?

ต้องเป็นคนรวยเหมือนกันถึงจะรู้สึกดีต่อกันได้หรอ?

นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ?
หลินซินเหยียนถอนหายใจออกมาให้กับความโง่เขลาของ เสี่ยวหลิว ในเมื่อชอบก็ต้องพยายามหน่อยสิ หล่อนมาน้อยเนื้อ ใจแล้วทำเพื่อเขาเงียบๆแบบนี้ ไปยื่นหนึ่งเขาไม่รู้หรอกนะ

หลินซินเหยียนหยิบดินสอขึ้นมา พร้อมกับสูดลมหายใจเข้า ลึกๆ จากนั้นก็รวบรวมสมาธิเพื่อข่มอารมณ์ร้อนที่อยู่ในใจไว้

หลังจากที่สูดหายใจเข้าหายใจออกอยู่พักหนึ่ง หลินซินเหยีย นก็เริ่มสงบลง ทันใดนั้นใบหน้าของจงจึงห้าวก็ปรากฏขึ้นมาใน

หัวใจของเธอกระตุกวาบขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนั้นจะกังวลที่เธอหายไปรึเปล่านะ?

เธอไม่รู้

เมื่อปลายดินสอสัมผัสลงบนหน้ากระดาษ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าตัว เองจะวาดอะไรลงไป ปลายดินสอร่ายรำอยู่บนหน้ากระดาษด้วย ความไหลลื่น

“คุณผู้ชาย”

ไปยื่นหนังกลับมาจากข้างนอกแล้ว เสี่ยวหลิวรีบเข้าไปรับเสื้อ คลุมที่ไปยื่นหนึ่งถอดวางไว้ในมือของคนขับรถ

ไปยื่นหนังเหลือบมองไปที่ห้องของหลินซินเหยียน แล้วถาม ขึ้น“วันนี้หล่อนทำอะไรที่บ้านบ้าง?
เสี่ยวหลิวมือไปมา แล้วตอบทุกอย่างออกไปโดยไม่ปิดบัง เขา วันนี้คุณหลินออกมาใช้โทรศัพท์ค่ะ”

ไปยื่นหนังเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

เสี่ยวหลิวจึงรีบอธิบาย “ฉันไปในน้ำในห้องครัวแค่แป๊บเดียว เอง ไม่ได้ตั้งใจจะให้โอกาสเธอใช้โทรศัพท์นะคะ……..

“แล้วได้คุยไหม? “ไปยื่นหนึ่งพูดขัดคำอธิบายที่วกไปวนมา ของเธอ

เสี่ยวหลิวคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้าออกมาไม่ค่ะ ฉันกดวาง สายไปก่อน”

“ฉันเข้าใจแล้ว”พูดจบเขาก็ใช้มือหมุนรถเข็นไปที่ห้องหลินซิน เหยียน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ