กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่202 อาจารย์ที่ทำผ้าไหมกวางตุ้งได้



บทที่202 อาจารย์ที่ทำผ้าไหมกวางตุ้งได้

” ผมกับฉินยากำลังคบกันอยู่ครับ ”

เมื่อถึงมื้ออาหารเช้า ทุกคนก็เริ่มทยอยมาที่ห้องอาหาร ร้าน จึงดึงเธอให้เข้ามาอยู่ในอ้อมอกเป็นการป่าวประกาศไปในตัว

ฉินยาที่รู้สึกไม่ชินกับท่าทีสนิทชิดเชื้อที่เขาทำ เธอจึงพยายาม ดันตัวออกมาจากอ้อมอกของเขา ซูจ้านเอียงตัวไปแล้วกระซิบ เธอเป็นการเตือน ” ถ้าไม่อยากให้คนอื่นสงสัย ก็ตั้งใจทำตามที่ ผมบอก ”

ไม่มีวิธีอื่น ฉินยาจึงทำได้แค่ไหลไปตามบท’ รักที่ลึกซึ้ง ‘กับซู จําน

” จุ๊ๆ ” เสิ่นเผยชวนปากแซว ” เร็วอะไรปานนั้นเนี่ย ”

เมื่อคืนตอนที่ดื่มเหล้ากัน ฉันยายังพยายามตีตัวออกจาก จ้านอยู่เลย ไหงผ่านไปคืนเดียวก็กลายเป็นคู่รักกันเสียละ

จะหลอกกันก็พูดมาเหอะ

ท่าทางเสิ่นเผยชวนดูก็รู้ว่ากำลังสงสัยอยู่ จงจึงห้าวที่ฟังหลิน นเหยียนบอกมาอีกที ก็รู้ว่าจ้านกำลังเล่นละครอยู่
แต่ก็ขี้เกียจจะไปนั่งจับผิดไอ้เด็กนั่น

เขากำลังอุ้มหลินลุยซีไว้ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วป้อน อาหารให้ลูกสาวกิน

เรื่องของพวกนั้น เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด

ในตอนนี้ใจของเขาทั้งหมดกำลังโฟกัสอยู่กับลูกสาวเท่านั้น

เส้นเผยชวนก็ดูออกเช่นเดียวกันแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาก่อน จะนั่งตรงโต๊ะข้างหน้า มองจงจึงห้าวที่กำลังป้อนข้าวลูกสาว อย่างอ่อนโยน อดไม่ได้ที่จะซักมุมปากขึ้น

ตอนที่ยังไม่มีหลินลุยซี เขาไม่เคยเห็นใบหน้าของจงจึงห้าวที่ แสดงความอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน

เป็นพ่อที่คลั่งรักลูกสาวสินะ

ณ เวลานี้ ไม่มีค่ไหนที่จะมาจำกัดความเป็นจงจึงห้าวได้เท่านี้

มาก่อน

” เสี่ยวลุย ” เสิ่นเผยชวนหยิบไข่ต้มขึ้นมา “ลุงปอกให้หลาน

ไงล่ะ ”

หลินลุยซีส่ายหัว แล้วโถมตัวเข้าไปในอ้อมอกของจงจึงห้าว ไม่เอา พ่อของหนูบอกให้แล้ว ”

เสิ่นเผยชวนกะพริบตาปริบๆ เขารู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้งภายในคืนเดียว จงจึงห้าวมีภรรยาและลูกๆ เป็น ครอบครัวที่อบอุ่นสี่คน มีลูกสาวที่สวยและน่ารัก และลูกชายที่ ฉลาดเป็นกรด ในจะภรรยาที่หน้าตาสะสวย แล้วยังอายุน้อยกว่า เขามาก นับได้ว่าเป็นภรรยาที่ทั้งสาวและสวยเลยทีเดียว

ตอนนี้ขนาด’ เพลย์บอย อย่างร้านยังมีความรักจริงๆ กับ คนอื่นไปเสียแล้ว แต่ตัวเขายังคงเป็น ไอ้คนหัวเดียวกระเทียม สืบ ‘ อยู่เหมือนเดิม

นี่เขาถูกทอดทิ้งจริงๆ เหรอเนี่ย

เขาเลยย้ายไปนั่งข้างๆ หลินซีเฉิน ซื้อที่ตรงนี้เป็นที่ที่ผู้ชาย อย่างพวกเขาไม่มีหญิงคนไหนมาเกี่ยวข้อง

หลินซีเฉินก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมานั่งใกล้ตัวเอง จึง หยิบไข่ต้มที่ตัวเองปอกเสร็จวางลงไปในจานของเขา

คุณลุงเส็น กินนี่สิครับ ”

ใบหน้าของเสิ่นเผยซวนที่เพิ่งบูดเบี้ยวไปเมื่อกี้ ก็รู้สึกได้ถึง ความอบอุ่นออกมาเล็กน้อย ที่แท้เขาก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งนี่เอง อย่างน้อยก็ยังมีคนเป็นห่วงเขานะเนี่ย

เขาหยิบมันขึ้นมากิน ” ขอบใจนะเสี่ยว ”
หลินลุยซึมองไปที่เขา แล้วออกมาอย่างไม่ลดละ ” ผมแค่ เห็นลุงน่าสงสารอยู่คนเดียว ก็เลยแบ่งให้ครับ ”

เงินเผยชวน ”

ไข่ต้มในปากที่เขาเพิ่งกินข้าวไปรสชาติก็เปลี่ยนไปในทันที

ในใจของหลินซินเหยียน เต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ในใจของเธอก็ยังคงคิดหาความจริงจากประโยคที่ซูจ้านพูด

” พวกคุณคงสงสัยว่าทำไมฉันยากับผมเราถึงมาอยู่ด้วยกันได้ มันเป็นเพราะว่าพวกเรารักกันและคบกัน ผมเลยพาเธอมาด้วย ผมรู้สึกว่าวันนี้ท้องฟ้าสดใสอากาศกำลังดี มันจะต้องเป็นวันที่ดี แน่ ดังนั้นก็เลยอยากจะเลือกวันนี้เพื่อบอกทุกคนว่าผมกับฉินยา เรารักกัน ”

ซูจ้านพูดออกมาได้อย่างมีความสัตย์จริง ท่าทีนั้นดูมุ่งมั่นเลย ฮึกเหิมมาก

เมื่อเขาพูดแบบนั้นแล้ว หลินซินเหยียนก็ไม่อยากพูดอะไรมาก คำพังเพยบอกไว้ว่า รื้อวัดสักสิบวัด ก็ไม่ร้ายแรงเท่ากีดกัน ความรักของคนหนึ่งคู่’ เธอและพูดออกมาประโยคหนึ่ง ” ถ้า พวกเธอตัดสินใจกันดีแล้วแล้วก็ ก็ลืมเรื่องที่ผ่านมาก็แล้วกัน ดูแลฉินยาดีๆ ”

จินยารู้สึกอึดอัดใจไปชั่วขณะ เธอก็หัวลง ” พี่หลิน…ฉันไม่ได้ ตั้งใจที่จะปิดเรื่องนี้กับพี่…”

” ไม่เป็นไร นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว กินข้าวกันเถอะ ”

เธอคงไม่โทษฉินยา แกก็โตแล้ว คงจะรู้ว่าตัวเองกำลังทํา อะไรอยู่ เธอแค่เป็นห่วงกลัวว่าจ้านจะทำร้ายแก

เพราะสองคนนี้รู้จักกันได้ไม่นาน วันๆ ซูจ้านก็เอาแต่กะล่อน ไปทั่ว แค่กลัวว่าฉินยาจะเสียเปรียบก็เท่านั้น

ฉินยาปัดมือของซูจ้านออก ก่อนจะเดินไปหน้าหลินซินเหยียน พี่หลิน ”

หลินซินเหยียนโอบไหล่เธอ ไว้ก่อนจะให้นั่งที่โต๊ะอาหาร

เดียวกัน เพื่อไม่ให้ตัวแกรู้สึกผิด เรื่องของความรู้สึกก็ให้มันเป็น

ไปตามที่ใจของตัวเองต้องการก็พอแล้ว

ฉินยาไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหลินซินเหยียน เธอรู้สึกว่าอายแก่ ใจเหลือเกิน

เพราะว่าเธอกับซูจ้านไม่ได้รักกันเลยจริงๆ

จงจึงห้าวยื่นมือลงไปใต้โต๊ะแล้วกุมมือของหลินซินเหยียนไว้ ขณะที่กุมมือนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า ” ทุกคนต่างมี โชคชะตาของตัวเอง ”

เขาไม่อยากให้หลินซินเหยียนต้องเครียดเพราะเรื่องของคน

เขาเลยเอานมหนึ่งแก้ววางตรงหน้าเธอ ” ดื่มซะสิ ”

หลินซินเหยียนเข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ เธอไม่ได้คิดจะก้าวก่าย เรื่องของคนอื่น แต่เป็นเพราะความสัมพันธ์ของตัวเธอเองกับฉัน ยา เธอแหละอดที่จะกังวลแทนเด็กคนนั้นเท่านั้นเอง

เธอหยิบนมแก้วนั้นที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม

” หม่ามี ” หลินลุยซีเอาไข่ที่จงจึงห้าวปอกให้เมื่อกี้ยกให้หลิน ซินเหยียน ” อันนี้หนูให้ ”

เด็กหญิงตัวน้อยชูมือไปมา ในมือนั้นจับ ลูกบอลกลมๆ สีขาว

*ใส่เข้าไปในปากหลินซินเหยียน

ช่างเป็นเด็กที่กตัญญูเสียจริงๆ

หลินซินเหยียนก็กัดไข่ต้ม ในมือของลูกสาวเข้าไปหนึ่งคำ กิน ยังไงก็รู้สึกว่านี่คือรสชาติของไข่ไก่ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าไข่ ไก่ที่กินวันนี้รสชาติมันถึงอร่อยเป็นพิเศษ

เธอรูปหัวของลูกสาวอย่างอ่อนโยน มุมปากของเธอมีใครแดงเหลืออยู่โดยไม่รู้ตัว จงจึงห้าวจึงหยิบกระดาษทิชชู่บน โต๊ะขึ้นมา แล้วเช็ดปากให้เธอ

หลินซินเหยียนทำตัวไม่ถูก คนเยอะขนาดนี้ เธอเลยยกมือขึ้น มาเตรียมที่จะเช็ดเอง แต่ ถูกสายตาของจงจึงห้าวยั้งเอาไว้

ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยพูดว่าเมื่ออยู่ข้างนอก ต้องรักกัน’ หลิน 1 ยก็เข้าไปซุก ในอ้อมอกของจงจึงห้าว ทำท่าทีชอบอกชอบใจที่ เห็นพ่อกับหม่ามี้เป็นแบบนี้

เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ

ซูจ้านที่เห็นดังนั้นก็ถลึงตา เขากระแอมเบาๆ จนนมแทบจะพุ่ง ออกมาจากปาก ” ให้มันได้ โชว์หวานกันแต่เช้า นายไม่ สงสารเผยชวนเลยหรือยังไง อายุก็ปาเข้าไปตั้งเท่าไหร่แล้ว แฟน สักคนก็ไม่เคยมี ”

พูดจบเขาก็ขาออกมากมาอย่างสะใจ

เสิ่นเผยชวนมองเขาอย่างคาดโทษ พอกินไข่เข้าไปคำนึงก็ลุก

ขนมา

หลินซีเฉินก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน” ผมก็กินเสร็จแล้ว ”

” มา ลุงจูงมือหนูเอง ” เสิ่นเผยชวนเริ่มรู้สึกว่านับวันตัวเองยิ่งเข้าขาเจ้าเด็กคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

พอพวกเขาเดินไปที่ประตู ก็สวนเข้ากับไปยื่นหนึ่งที่กำลังจะ

เดินเข้ามา

เสิ่นเผยชวนหยุดฝีเท้าตัวเอง ” คุณไปมาได้ไงครับเนี่ย ”

ผมมาหาคุณหลินน่ะครับ ” ใบหน้าของไปยื่นหนึ่งปรากฏ รอยยิ้มบางๆ

เสิ่นเผยชวนยิ้มตอบ ” ตอนนี้เธอกำลังกินข้าวอยู่ ถ้าไม่งั้นคุณ ไปก็รอตรงนี้สักพักได้ไหมครับ ”

“ได้สิครับ ” ไป๋หิ่นหนังกลับไม่ได้โต้แย้งอะไร

แต่สายตาของเขาเหลือบลงไปยังหลินซีเฉิน เจ้าเด็กน้อยคนนี้ ก็ไม่ได้ดูโตมาก หน้าตาก็ใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย ทั้งตาและรูป หน้าก็เหมือนกับจงจึงห้าวไม่มีผิด มองยังไงก็แทบจะเป็นคน เดียวกัน

” หนูคือเสี่ยวสินะ ” ไปยื่นหนึ่งถามแบบยิ้มๆ

หลินซีเฉินตอบกลับอย่างมีมารยาท ” ใช่ครับ ผมซื่อหลินซี

เฉิน คุณเรียกผมว่าเสี่ยวซีก็ได้ฮะ ”

ไปยื่นหนิงซะงักไป หลินซีเฉินเหรอ
นามสกุลเดียวกับแม่นี่

อย่าว่าแต่ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจงเลย ขนาดตระกูล ธรรมดาทั่วไป ลูกก็ไม่ได้ใช้นามสกุลของแม่ด้วยซ้ำ แล้วยังเป็น

ลูกชาย เหมือนเค้าจะได้กิน ๆ ที่ผิดปกติอะไรบางอย่างของครอบครัว

น่าสนุกดี

ใบหน้าของไปยื่นหนึ่งค่อยๆ ผุดรอยยิ้มออกมา ก่อนจะเปลี่ยน ไปเป็นยิ้มที่ดูสดใสและเป็นมิตร ” ชื่อของหนูเพราะมากเลย ซี เฉิน การเริ่มใหม่ การเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่าง หรือว่าจะ หมายถึงการเริ่มต้นวันใหม่ล่ะ พ่อตั้งชื่อให้หนูเหรอ

” ไม่ใช่ครับ หม่ามี้เป็นคนตั้ง ” หลินซีเฉินตอบ

ไม่รู้สึกถึงสัญชาตญาณการระวังตัวของเด็กน้อยเลย

เขามักจะยิ้มแบบนี้ โดยที่คนอื่นไม่เคยรู้เลยว่าเขานั้นเป็นคน

ไม่ดี

สกิลการระวังตัวของหลินซีเงินเกินไปสินะ

” โว้ว แสดงว่าหม่ามีของหนูนี่เก่งจริงๆ เลยนะ..”
ขณะที่เขาพูดอยู่ก็เห็นหลินซินเหยียนกับจงจึงห้าว กำลังเดิน ออกมาพอดี

วันนี้ผมจะพาคุณไปพบอาจารย์คนนั้น ”

” ได้ค่ะ ” หลินซินเหยียนตอบกลับทันที “งั้นคุณรอฉันสักครู่นะ คะ ”

เธอหันไปมองจงจึงห้าว แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดปากพูด เขาก็โพ ร่งขึ้นมาว่า ” ผมจะไปกับคุณ ”

ไอ้คนที่ชื่อไปยื่นหนิงนี่มันดูดใส่หลินซินเหยียนเป็นพิเศษ มันทำให้จงจึงห้าวไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก

จะยอมให้เขาอยู่กับหลินซินเหยียนสองต่อสองได้ไงกัน

นอกจากเขาจะบ้าไปแล้วอ่ะนะ

” แล้วลูกสองคนจะทำยังไง ” หลินซินเหยียนตา แปลกใจที่จง จิ่งห้าวจะไปกับตัวเอง

“ก็พาไปด้วยไง ” ถ้าให้ทั้งสองคนนั้นไว้ที่นี่เขาคงไม่สบายใจ ยังไงก็ต้องเอาลูกๆ ทั้งสองคนไปด้วย

นิสัยของจงจิ่งห้าวหลินซินเหยียนก็รู้ดี เมื่อเขาตัดสินใจไปแล้ว เธอก็คงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
” ไกลไหมคะ วันนี้ไปกลับได้ไหม “หลินซินเหยียนถาม ถ้าเกิด ว่าไกลเธอจะได้เตรียมของใช้ของลูกไปด้วย

” ถ้าเดินทางตอนนี้ อาจจะไปกลับได้ครับ “ไปยื่นหนิงตอบ ขนาดที่เขาพูดสายตาของเขาก็มองไปที่จงจึงห้าว ” ประธานจง ไม่ไว้ใจผมเหรอครับ ”

จงจึงห้าวหัวเราะอย่างเย็นชา น้ำเสียงไม่ได้สูงหรือต่ำเกินไป แต่กลับทำให้คนฟังสะเทือน เขาเอามือไปโอบไหล่ของหลินซิน เหยียนเอาไว้ ” ผมไม่เคยมองประธานไปเป็นอริเลยนะครับ ความหมายที่พูดไปจะสื่อว่า เขาไม่มีคุณสมบัติจะคู่ควรต่าง

หาก

ไปยื่นหนังก็รู้สึกโกรธเป็นเนืองๆ แต่กลับยิ้มออกมายังเป็น มิตร ” ถ้างั้นผมขอรอข้างนอกนะครับ ”

เขายกมือขึ้นออกคำสั่ง ให้เกาหยวนเป็นเขาออกไป

” ผู้ชายคนนั้นเป็นใครอ่ะ ” ซูจ้านเดินไปข้างๆ เสิ่นเผยชวน แล้วถาม

เจ้าของที่ดินไปเฉิง ”

เสิ่นเผยชวนเลี่ยงที่จะพูดอธิบายมันออกมา

” ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ ที่คนพิการคนหนึ่งจะทำให้ผู้คนนับถือได้ แสดงว่าเค้าต้องมีถิ่นอะไรบางอย่าง “ซูจ้าน จับคางท่าทาครุ่นคิด ก่อนจะละสายตาจากไปยื่นหนึ่ง แล้วหันไป มองเสิ่นเผยชวน ” ที่บอกว่าจะออกไป คือไปไหนกัน ”

“ไปหาอาจารย์ที่ทําผ้าไหมกวางตุ้งได้ ”

” ว้าว ผ้าไหมกวางตุ้งเหรอ “ฉินยาที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำ นี้ออกมาก็ตื่นเต้นจนแทบจะกระโดดเสียให้ได้

ซูจ้านมองเธออย่างตกใจ” ให้ของนี่มันล้ำค่าหรือเปล่า ทำไม ผมถึงไม่เคยได้ยินชื่อมันมาก่อน ”

ฉันยามองหน้าเขายังไม่ค่อยสนใจไยดีเท่าไหร่นัก ” คุณจะไป รู้อะไรล่ะ ”

ซูจ้าน”

ผม….

ฉินยาไม่ได้ฟังคำพูดใดๆ ที่หลุดออกมาจากปากเขา ก่อนจะ สะบัดขาเดินออกไป เพื่อตามไปช่วยหลินซินเหยียนเก็บของ จาก นั้นทุกคนก็ออกจากโรงแรม

ทั้งหมดที่ไปกัน พวกเขาใช้รถทั้งหมดสามคันข้างหน้าคือรถ ของไปยื่นหนิงสองคันที่นำทางไป

ยิ่งรถขับ ไปไกลเท่าไหร่ทางที่ผ่านก็เริ่มห่างไกลความเจริญขึ้น เรื่อยๆ แม้แต่ถนนก็เต็มไปด้วยพีนผิวที่ขรุขระ

เมื่อรถขับเข้าไปในหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์สวยงามแห่งหนึ่ง หลินซินเหยียนก็โดนวิวข้างทางดึงดูดโดยที่ไม่รู้ตัว นี่คือหมู่บ้าน เล็กๆ ที่อยู่ท่ามกลางสายน้ำและภูเขาแห่งหนึ่ง การสร้างบ้าน เรือนที่เป็นเอกลักษณ์ที่ ที่ดูตัดสะท้อนกับทิวเขา อีกทั้งสวนองุ่น ที่เป็นแพกระจายไปทั่วผืนดินของเทือกเขาที่หันหน้าเข้าหาดวง อาทิตย์ หลังจากที่รถขับเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว ทุกคนก็ได้สัมผัส กับกลิ่นดินและใบองุ่นที่ลอยตามลมมากระทบเข้าที่ใบหน้า

ลดก็ได้ขับต่อไปเรื่อยๆ แต่โดยรอบก็เต็มไปด้วยสิ่งก่อสร้าง โบราณที่มีความโดดเด่นของชนเผ่าที่มีความเป็นเอกลักษณ์ใน ตัวของมัน บ้านไม้หลังน้อยที่ยังคงสภาพของความเป็นยุคกลาง ถูกโอบล้อมไปด้วยสวนองุ่นที่เรียงรายกันอย่างไม่ขาดสาย หน้า ประตูบ้านแต่ละหลังถูกแขวนไปด้วยกรรไกรและตะกร้าเก็บองุ่น ที่ถูกสานด้วยต้นไผ่ของชาวสวน………

บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ ทำให้หลินลุยซีตื่นเต้นเล็ก น้อย ก่อนจะเคาะไปที่หน้าต่างรถ ” ว้าว มีต้นองุ่นเยอะจัง ถ้า หน้าร้อนแล้วก็ต้องมีองุ่นเต็มไปหมดแน่เลย….”

ขณะนั้นรถของไปยื่นหนึ่งก็จอดลง และรถของพวกเขาก็จอดตาม

จากนั้นทุกคนก็ค่อยๆ ทยอยลงจากรถ

ไปยื่นหนึ่งไปยังหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลออกไป ” ถึงได้แค่ตรง นี้แหละ เพราะว่าข้างหน้ารถไม่สามารถเข้าไปได้แล้วต้องเดิน เข้าไปอย่างเดียวเท่านั้น ”

” บรรยากาศรอบข้างดีขนาดนี้ ถึงเดินหน่อยก็คงไม่เหนื่อย หรอกค่ะ ” ฉินยา ชื่นชมบรรยากาศที่นี่เป็นอย่างมาก

ในยุคนี้หมู่บ้านที่มีอากาศบริสุทธิ์ปราศจากมลภาวะเช่นนี้มี

น้อยนักที่จะเห็น

“ถ้างั้นไปกันเถอะ ” ไปยื่นหนึ่งยังคงเดินไปข้างหน้า

จงจิ่งห้าว มองไปรอบๆ นี่มันหมู่บ้านในป่าในเขาจริงๆ แฮะ ก่อนที่เขาจะโอบไปที่ไหล่ของหลินซินเหยียน แล้วพูดว่า ” ไปกัน เถอะ ”

อม

ผ่านการเดินเท้ามาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมา ถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านนี้คนไม่เยอะนักบางทีก็เห็นเพียง แค่หนึ่งถึงสองคนเท่านั้น แล้วยังเป็นคนที่มีอายุราวๆ กลางคนอีกด้วย พวกเขายังไม่เห็นว่าจะมีเด็กอายุเราราววัยรุ่นอาศัยอยู่เลย

” บ้านหลังนั้นน่ะ ” ไปยื่นหนึ่งไปยังบ้านไม้ที่ถูกสร้างอยู่ตรง หัวสะพาน ที่มีแม่น้ำใสสะอาดไหลผ่านอยู่ด้านล่าง บ้านหลังนี้ใช้ กิ่งไม้มาทําเป็นราวกันอย่างเสมอกัน ไม่มีประตูด้านหน้า ในลาน บ้านนั้นก็ยังมีบ้านไม้สองชั้นอีกหนึ่งหลัง ด้านขวาของตัวบ้านก็มี เก้าอี้ไผ่สาน และบนเก้าอี้นั้นก็มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่ในมือของ เขากำลังแกะสลักต้นไผ่ออกมาให้เป็นเส้นเล็กละเอียด ก่อนจะ สานออกมาเป็นตะกร้าไผ่ เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างเขาก็เงยหน้า ขึ้นมาดู หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยลึกตามวัย ดวงตาที่ กำลังจ้องมานั้นตกลงมาอยู่บนตัวของจงจึงห้าว

เขาวางมือลงจากงานฝีมือตรงหน้า ก่อนจะลุกขึ้นมา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ