กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่490 สมองถูกพระเจ้าประทานมา



บทที่490 สมองถูกพระเจ้าประทานมา

“ภารกิจอะไร ตั้งชื่อให้ใคร?” จงเหยียนซีที่หยิบนมไปวางไว้ บนโต๊ะเรียบร้อยแล้วเดินมาที่ประตูห้องครัว ก็ได้ยินเสียงของฉัน ยา มองด้วยดวงตากลมโตพร้อมกับถามเธอว่า “ตอนที่หนูไม่อยู่ พวกคุณกระซิบกระซาบอะไรกัน?

ฉันยาเอื้อมมือออกไปและหยิก ใบหน้าของเธอ “ยัยเด็กน้อย คนนี้ ทำไมอะไรๆถึงอยากรู้ไปหมดเลยล่ะ?”

“อ๊ะ เจ็บเจ็บ—” สาวน้อยยิ้มเห็นฟันสีขาว คิ้วยังขมวดเข้าหา กันแน่น ความจริงแล้วไม่ได้เจ็บเลย ฉินยาไม่ได้ใช้แรงหยิกแค่ แกล้งเธอเล่น แต่เด็กหญิงนั้นก็แกล้งทำเป็นซะเหมือนเลย

ฉันยายิ้ม “อย่างเธอเนี่ยสามารถไปเป็นนักแสดง ไปแสดง โทรทัศน์ได้เลยนะ”

“หน้าตาอย่างหนูเนี่ย หนูจะต้องดังมากแน่ๆเลยเนาะ?” จงเห ยียนซีทําท่าครุ่นคิด “ถึงตอนนั้น ถ้ามีคนมาชอบหนูหลายคนจะ ทําไง?”

ฉินยา “…

เธอมองฟ้าอย่างเงียบๆ เด็กคนนี้เหมือนใครกัน? ทำไมหลง ตัวเองขนาดนี้?

“เอาหละ รีบไปกินข้าว อีกสักพักต้องไปเรียน” ฉินยาเตรียม อาหารเช้าไว้ที่โต๊ะ วางไว้ที่ตำแหน่งของพวกเขา หยิบขวดนมที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดฝาให้พวกเขา แล้ววางไว้ที่ข้างจาน และพูด เร่งสักหน่อย “รับกินเร็ว แล้วรอฉันไปส่งพวกเธอ

จงเหยียนเฉินส่ายหน้า “ใกล้ขนาดนี้ พวกเราไปเองได้ ไม่ต้อง ส่งพวกเราหรอก อีกอย่าง เมื่อคืนหม่ามีผมนอนดึกอีกแล้วใช่ ไหม?”

เขาเรียนเตรียมประถมอยู่ในหมู่บ้าน ไม่ต้องไปไหนไกล ไป

เรียนได้เกือบเดือนแล้ว เขาคุ้นเคยหมดแล้ว

ฉินยาพยักหน้า “ใช่สิ หม่ามีนายอยากเป็นซุปเปอร์แมน

“ตอนเย็นเลิกเรียนกลับมา หนูต้องพูดกับเธอหน่อย ทำไมไม่รู้ จักพักผ่อนให้เพียงพอ เธอไม่สนใจตัวเอง ก็ควรสนใจน้องน้อย บ้าง หนูจะให้น้องชายหรือน้องสาวอดมาเกิดที่โลกนี้ไม่ได้”

จงเหยียนซีในปากยังเคี้ยวอาหารอยู่ ที่พูดออกมาเลยไม่ค่อย ชัด แต่ว่าฉินยาก็ยังฟังรู้เรื่อง อดเศร้าโศกในใจไม่ได้ เรื่องของ หลินซินเหยียนเธอรู้หมดแล้ว หลังจากที่เธอกลับมา ทั้งสองคน เลยได้คุยกันยาว

แปลกใจฐานะของเธอ โชคชะตาชอบกลั่นแกล้งคน เธอเองก็ เคยอิจฉาความสัมพันธ์ของหลินซินเหยียนและจงจึงห้าว กว่าจะ เดินมาอยู่ด้วยกันได้นั้นไม่ง่ายเลย จนถึงวันนี้ก็

เธอค่อยๆหลับตาลง ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาต่อหน้า เด็กๆ

“ชื่อว่าเยี่ยมเยียนเป็นไงครับ?” ทันใดนั้นจงเหยียนเฉินก็พูดขึ้นมา

ฉินยาและจงเหยียนซีดกตะลึง แล้วมองดูเขาอย่างงงๆ อธิบาย ไม่ถูก

จงเหยียนเฉินถอนหายใจ ส่ายหน้า คิดว่าผู้ใหญ่สมัยนี้นับวัน ยิ่งเชื่อถือไม่ได้ พูดอย่างจนปัญญา “คุณน้านยา คุณพูดว่าจะ

ให้ผมตั้งชื่อให้ คุณลืมไปแล้วหรอ?”

จงเหยียนซีเบิกตากว้าง “คุณน้าฉันยาให้พี่ตั้งชื่อให้คุณหรอ? ไม่ผิดแน่นะ? เขากินเป็นยังน่าเชื่อกว่า”

ฉันยาถูกเด็กคนนี้พูดให้ ลูบหัวเธอเบาๆ “เราอย่าพึ่ง ปฏิเสธพี่ชายหนูนะคะ ฟังเขาดูว่าทำไมถึงตั้งชื่อนี้ ถ้าไม่มีเหตุผล ฉันก็จะไม่ใช้”

“ได้” จงเหยียนซีพยักหน้า อันที่จริงเธอเองก็รู้สึกหึงหวงนิด หน่อย ตอนอยู่ในห้องเรียนพี่ชายก็ทำให้คุณครูชอบมาก คุณน้า ฉินยาก็ยังให้เขาตั้งชื่อให้ ในใจเธอรู้สึกไม่ปกติเล็กน้อย

“บทกวีฉู่ฉือ (จิ๋วเปี้ยน) มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า ใบบัวบาน ออกนั้นงดงามอ่อนโยน ความหมายคือเหมือนดอกบัวบานบน น้ำ งดงามและอ่อนโยน ดังนั้นชื่อนี้จึงแสดงถึงผู้ที่ใช้ชื่อนี้ โผล่ พ้นโคลนแต่ไม่เปื้อน สูงส่งสง่างามและสะอาดบริสุทธิ์ อันที่จริง ในใจของผมคุณน้านยาเป็นคนแบบนี้”

เขารู้ดีว่าก่อนหน้านี้คุณน้านยาบาดเจ็บหนักมาก ใบหน้า เปลี่ยนไปก็เพราะได้รับบาดเจ็บครั้งนั้น แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตอย่าง เข้มแข็ง ต่อหน้าเขาและน้องสาวนั้นเธอยังทําเป็นสดใสร่าเริงแต่ว่าเขารู้ว่าในใจของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่มีใคร ไม่สนใจ หน้าตาของตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้หญิง แม้ตอนนี้จะสวยมาก แต่ความ สดใสและความเป็นกันเองลดน้อยลงไม่เหมือนเมื่อก่อน นี่คือสิ่ง ที่เธอเสียไปและไม่สามารถนำกลับมาได้อีก

จงเหยียนซีฟังจบก็ก้มหน้ากินอาหารต่อไป โดยที่ไม่พูดอะไร

พี่ชายเป็นคนที่ใช้ความสามารถทำให้ใครๆก็ชอบ

เธอไม่ควรอิจฉา อืม เธอตัดสินใจต่อไปนี้จะติดตามพี่ชาย สิ่ง ที่พี่ชายรู้เยอะแยะไปหมด

ฉินยาถึงกับอึ้งค้างไป ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจงเหยียนเฉิน จะสามารถพูดอะไรที่มีความหมายและมีเหตุผลขนาดนี้ได้ เด็ก คนนี้ อัจฉริยะ เตรียมประถมเก่งขนาดนี้เลยหรือ? แม้กระทั่งบท กวีฉู่ฉือยังสอนแล้ว?

“เหยียน…..เหยียนเฉันจ๊ะ ครูของพวกเธอเริ่มสอนพวกนี้แล้ว หรอ?”

จงเหยียนเฉินส่ายหัว “คุณครูไม่สอนพวกนี้หรอก มีแค่พวก หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับเท่าไหร่? ทำอย่างกับพวกเราเป็นคนโง่งั้น แหละ ถ้าไม่ใช่เพื่อให้หม่ามีสบายใจ ผมก็ไม่ไปเรียนเตรียม ประถมนี่หรอก เสียเวลาชัดๆ”

ครั้งนี้ฉันยายิ่งไม่เข้าใจ ครูไม่เคยสอนแต่เขาก็รู้แล้ว หรือเป็น เพราะเรียนด้วยตัวเองถึงได้รู้
นี่ก็เก่งเกินไปแล้ว

“ฉันเยี่ยมเยียน พวกเราก็เรียกคุณน้าว่าคุณน้าเยี่ยมเยียน แบบนี้ดีมั้ย?” จงเหยียนเฉินดวงตากลมสดใส แก้มเนียนละเอียด ตอนนี้จริงจังเป็นพิเศษ รอคำตอบจากฉันยา

ในใจของฉินยารับไว้เรียบร้อยแล้ว รู้สึกว่าพวกเด็กๆหวังดี แต่ก็ยังคงประหลาดใจ ทำไมเด็กคนนี้ถึงคิดสิ่งนี้ได้

“บอกฉันหน่อยสิ นายไปเห็นบทกวีถือ (จิ๋วเปี้ยน) นี้มาจาก ไหน?”

ห้องของหม่ามีไง ที่นั่นมีหนังสือเยอะแยะเลย ผมเห็นมันโดย บังเอิญ หม่ามี้เองคาดว่าก็คงไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง เลยหาความหมายของมัน อ่านจบแล้วไม่ได้ปิด ผมเห็นมาจาก ในไอแพดของเธอ เลยรู้ว่ามันมีความหมายว่าอะไร”

ฉินยารู้สึกว่าแบบนี้สิถึงจะปกติ เขาอายุแค่นี้ มีความสามารถ เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ อีกทั้งยังมีความสามารถด้านบทกลอน โบราณอีก นี่ก็ไม่ใช่เด็กธรรมดาแล้ว

สมองจะต้องถูกพระเจ้าประทานมาแน่ๆถึงได้ใช้ดีขนาดนี้

เด็กทั้งสองคนทานข้าวเสร็จแล้ว ฉินยาส่งพวกเขาที่คลาส เรียนเตรียมประถม พอกลับมาก็เห็นหลินซินเหยียนตื่นแล้ว ตอน ที่เธอออกไปใส่เสื้อกันแดดไปด้วย พอเข้ามาในห้องก็ถอดออก “คงจะหิวแล้วสิ ฉันไปทำกับข้าวมาให้กินนะ”

“ไม่ต้องหรอก ฉันทำเองดีกว่า” เธอหยิบข้าวออกมาทำข้าวต้ม ยาเก็บถ้วยหลินซินเหยียนมองเธออย่างประหลาดใจ เปลี่ยนชื่อ

“ชื่อเดิมก็ดีอยู่แล้ว เปลี่ยนชื่ออะไร?”

ใบหน้าและเสียงเปลี่ยน ไปหมดแล้ว ชื่อเองก็ควรจะเปลี่ยน…

“เด็กคนทำไมถึงพูดจาเหลวไหลแบบนี้นะ

“พี่หลิน หลินซินเหยียน เล่น ฉันคิดที่เหยียนเฉินพูดผิด ในตอนนี้ เป็นฉัน คนใหม่ อีกอย่างซื่อที่เขาตั้งให้ ฉันก็ชอบมาก

หลินซินเหยียนขมวดคิ้วผูกเป็นปม เป็นเด็กชื่ออะไรได้

คงจะแดงน้องเขียวอะไรพวกนี้ ฉินยา

เยี่ยมเยียนเพราะมั้ยฉินตัดต้องการพูดอะไร แน่นอนต้องว่าจงเหยียนเฉินเป็นเด็ก น่าจะชื่อได้

“เพราะใช่? ผิดคาดใช่มั้ยที่ชายคุณสามารถ ตั้งชื่อแบบนี้ได้” ฉินมองเธอหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับตกตะลึงไปเหมือนกัน และมันชัดเจน

“ฉันรับปากกับลูกชายคุณแล้ว ต่อนี้ต้องเรียกฉันว่าเยี่ยมเยียนนะ” ฉันยายิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก หลินซินเหยีย นกอดเธอ ขอแค่เธอมีความสุข จะเป็นอย่างไรก็ได้ แค่เปลี่ยนชื่อเองไม่ใช่หรอ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

หลินซินเหยียนทานข้าวเช้าเสร็จ ทั้งสองคนก็เปลี่ยนชุดออก ไปเวิร์คช็อปงานปัก ชาวหยุน ให้รถอัลฟาร์ดเธอหนึ่งคัน เรียกได้ ว่าเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ระดับท็อปคลาส ไม่ว่าจะเป็นภายนอก หรือภายในก็ดีไปหมด เดิมที่เธอไม่เต็มใจที่จะรับ คิดแค่อยาก ชื่อรถเองคันหนึ่ง เวลาพาเด็กๆออกไปจะได้สะดวก เธอค่อนข้าง รักธุรกิจ พื้นที่กว้าง สะดวกสบาย เด็กสองคนนั่งข้างในก็ยังมี พื้นที่เหลือ

แต่ว่าข่าวหยุนเธอ ถ้าหากไม่รับไว้ ต่อไปก็จะไม่ช่วยเธออีก แล้ว

หลินซินเหยียนไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่รับไว้ เธอต้องการให้

ข่าวหยุนช่วยงานเธออีกมาก ที่นี่เธอเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคย มี

อะไรที่ต้องการ ยังจะต้องรบกวนชาวหยุนให้ไปซื้อให้

ช่างเย็บปักถักร้อยของเธอ ล้วนเป็นเพราะชาวหยุนสรรหามา ให้ ไม่อย่างนั้นเธอหาเอาเอง หาช่างทั้งหมดนี้ ไม่รู้จะต้องใช้ เวลานานแค่ไหน

ฉินยาขับรถ เธอนั่งอยู่หลังรถ ติดกับกระจกรถ ในเวลานี้ พระอาทิตย์ไม่ถือว่าแรงมาก กระจกรถติดฟิล์มกันแดดอยู่ ดังนั้น มองออกไปด้านนอกก็จะไม่โดนแสงแดดแยงตา ถนนเส้นนี้เธอ เคยผ่านมาหลายครั้งแล้ว เธอคุ้นเคยกับทิวทัศน์บนถนนเส้นนี้ดีเธอพิงหลัง และลูบท้องเล็กๆ ที่นูนออกมาเล็กน้อย ในขณะที่รอ ไฟแดง เธอก็มองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงถนนไปเรื่อย สายตาเหลือบมองไปยังตึกที่สูงที่สุด โดยไม่ตั้งใจ โดนข่าวที่ออก อากาศบนจอขนาดใหญ่ดึงดูดสายตาของเธอเอาไว้ไม่ให้ละ สายตาไปไหน ไม่สิ พูดให้ถูกก็คือเธอโดนคำว่าว่านเยวกรุ๊ป สามคำนี้ดึงดูดสายตาเธอเอาไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ