กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 214 บังเอิญเจอ



บทที่ 214 บังเอิญเจอ

เฉิงยูซิ่วตื่นแต่เช้าตรู่เช่นปกติ หลังจากจงเพิ่งออกไปแล้ว ถึง ได้ค่อยออกไป เพื่อเลี่ยงการพบปะที่ชวนตะขิดตะขวง

เพราะท้ายที่สุดแล้วสถานะของทั้งคู่ก็แปลกประหลาด

ถ้าบอกว่าเป็นคนแปลกหน้า แต่กลับปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา ถ้าบอกว่าเป็นคนรู้จัก แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคน แบบไหน

อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แต่แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่ได้ทาน ด้วยกัน

เพราะจงเพิ่งจะไม่ทานอาหารเช้าที่บ้าน ตอนเย็นเธอก็พัก ผ่อนแล้ว เขาถึงเพิ่งกลับมา

คนหนึ่งออกเช้ากลับดึก คนหนึ่งตั้งใจหลบเลี่ยง ดังนั้นทั้งคู่จึง

แทบจะไม่ได้พบเจอกันเลย

หลังจากมาถึงบริษัท เฉิงซิ่วก็เหมือนปกติ ทำงานอยู่ในส่วน ของออฟฟิศชั้นล่างสุด แต่เพราะความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ของเธอ จึงมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็น อย่างมาก เธอทําตามที่เจ้านายสั่งตามปกติ งานครั้งนี้คือการ พิมพ์เอกสารที่จะใช้สำหรับการประชุมออกมา

ทั้งหมดยี่สิบสำเนา เธอยืนอยู่หน้าเครื่องพิมพ์และคอยอย่าง อดทน
เอกสารพิมพ์เสร็จเรียบร้อย แต่ละสำเนาเย็บด้วยลวดเย็บ กระดาษอย่างดี จากนั้นก็ถือไปห้องประชุม แล้ววางไว้ประจำที่ ของทุกคน

เวลานี้ ประตูห้องประชุมถูกเปิดออก เฉิงซิ่วยังวางเอกสารไม่ เสร็จประธานจางเหลือบมองไปบนโต๊ะประชุม เอกสารจัดวาง อย่างเป็นระเบียบ เก้าอี้จัดวางอย่างเรียบร้อย เขามองเฉิงซิ่วที่ กำลังวางเอกสารชุดสุดท้าย พบว่าหน้าตาไม่คุ้น “มาใหม่เหรอ ครับ”

เพราะเขาไม่เคยเห็นเฉิงซิ่วมาก่อน

เฉิงซิวยังไม่ทันได้พูด เจ้านายของเธอก็พูดแทนเธอแล้ว “ใช่ ครับ เพิ่งมาสองเดือน

ประธานจางใส่สูทสีดำ แต่ไม่สามารถซ่อนร่างกายที่อ้วนอยู่ แล้วได้ อายุสี่สิบกว่าปี สุขภาพผิวหน้ามีร่องเนื้อจำนวนมาก บน ดั้งจมูกมีกรอบแว่นสีทอง ถึงแม้จะดูไม่ค่อยดี แต่ก็ยังนับว่า ภูมิฐานน่าเชื่อถือ

เขาพยักหน้า “ดูสิ นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่งานควรเป็น ไม่ว่าตำแหน่ง อะไร จะทำอะไร ก็ต้องทำอย่างถูกต้องเหมาะสม พิถีพิถัน นี่คือ ทัศนคติของการทำงาน

กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังเขาต่างประจบประแจงเห็นด้วยซ้ำๆ

ถึงแม้เฉิงซิ่วจะเข้าสู่การทำงานไม่นาน แต่ก็รู้วิธีปฏิบัติต่อ ผู้คน ทั้งหมดล้วนเป็นผู้บริหารของบริษัท เธอเป็นเสมียน การพูด มากที่นี่มันไม่ดี เธอจึงเดินเบาๆ ออกจากประตูหลังไปเงียบๆ
“รอเดียว” ทันใดนั้นประธานจางก็สังเกตเห็นการเคลื่อนไหว ของเธอจึงเรียกเธอไว้ และพยักเพยิดคาง “จบมาจากสถาบัน ไหน ก่อนหน้านี้ทํางานที่บริษัทไหนมาก่อนเหรอครับ”

“จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย วชิง นี่เป็นงานแรกค่ะ” เฉิง

ซิ่วตอบตามความจริง

สีหน้าของประธานจางนิ่งไปครู่หนึ่ง มีท่าทางค่อนข้างไม่อยาก เชื่อ “จบจากมหาวิทยาลัยชื่อที่มีชื่อเสียงเหรอ”

เขานึกสงสัย จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ต่อ ให้เป็นงานแรก ก็ไม่น่าจะเป็นตำแหน่งเสมียนแบบนี้

“ทำไมถึงเต็มใจทำงานแบบนี้ครับ”ประธานจางถามอย่างไม่ เข้าใจ

จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเชียวนะ

“แม้ว่าฉันจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ฉัน ไม่ได้มีประสบการณ์การทำงานจริง และฉันก็รู้สึกว่างานนี้ไม่ได้มี อะไรไม่ดี ทุกวันอยู่กับการพิมพ์เอกสาร และได้สัมผัสกับธุรกิจ หลักของบริษัทด้วย ฉันได้เห็นรู้จากมันไม่น้อยค่ะ

“ไหนคุณบอกผมหน่อยว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง”ประธานจาง ถามอีกครั้ง

เขาสงสัยว่าเธอได้เรียนรู้อะไร

เฉิงซิ่วได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เธอเคยสัมผัส ในบริษัท ทำการสืบค้นข้อมูลทุกอย่างบนอินเตอร์เน็ต บริษัทที่เธอทํางานนั้นผลิตเครื่องอัดเจาะ คอมเพรสเซอร์ อัลตราโซนิก และเครื่องจักรกลหนัก อื่นๆ

เครื่องจักรเหล่านี้ส่วนใหญ่ขายให้กับเมืองที่มีฮาร์ดแวร์มาก ที่สุดในประเทศจีน เพียงแต่ตอนนี้การแข่งขันค่อนข้างใหญ่

ด้วยการพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่เจริญก้าวหน้า เครื่องจักร นวัตกรรมก่อนหน้า จึงค่อยๆ ถูกกำจัดทิ้ง เหลือเพียงเครื่องจักร

ต้นทุนสูง ถึงจะสามารถถูกเถ้าแก่คาดหวัง

“บริษัทของเราจนถึงตอนนี้ก่อตั้งมากว่าสามสิบปีแล้ว ในช่วง สามสิบปีที่ผ่านมานั้นเคยสดใส พูดถึงเครื่องจักรกลหนัก ทุกคน ต้องคิดถึงว่านเซี่ยงแมคซีน แต่เมื่อเวลาผ่านไป มีผู้ผลิตออกสู่ ตลาดมากขึ้น จึงกระทบต่อตลาดอย่างมาก หากอยากฟื้นตัวหรือ กลับมาสดใสให้ได้อีกครั้ง ไม่ใช่แค่โฟกัสจากการขาย แต่ต้อง จากนวัตกรรมใหม่ด้วย

“คุณเป็นแค่เสมียนจะรู้อะไร” เจ้านายของเธอไม่พอใจคำพูด ยาวยืดของเธอ จึงขมวดคิ้วหน้าบึง

แต่ประธานจางกลับพยักหน้าด้วยความชื่นชม “การประชุม ครั้งนี้ เข้าร่วมกับเราเถอะ”

“เธอเป็นแค่เสมียน การประชุมของเราครั้งนี้เพื่อหารือเกี่ยว กับแนวโน้มในอนาคตของบริษัท เธอที่ตำแหน่งแบบนี้มันไม่ ค่อยเหมาะหรือเปล่าครับ

“ตราบใดที่เป็นพนักงานของบริษัท ก็ล้วนมีคุณสมบัติทั้งนั้น ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นสมเหตุสมผลมาก และก็พูดได้ดีมากด้วยยอดขายของบริษัทลดลงทุกปี หนึ่งปีไม่มากพอเท่าหนึ่งปี ทุกครั้งที่พวกคุณรายงานผมก็เป็นการตลาดที่แย่ ถูกกระทบ การ ขายไม่กระเตื้อง พวกคุณเห็นต้นเหตุไหมว่าเพราะอะไร” ในขณะ ที่ประธานจางพูดนั้นได้มองเฉิงซิ่วไปด้วย “ผมรู้สึกว่าคำพูด ของเธอมีเหตุผลมาก ถ้าอยากให้บริษัทก้าวไปข้างหน้า นวัตกรรมใหม่นั้นจำเป็น…

“แต่นวัตกรรมใหม่ต้องใช้เวลาและเงินเป็นจำนวนมาก อีกทั้ง พลังงาน…”

“ฉันคิดว่าเรื่องพวกนี้บริษัทรับภาระได้ค่ะ ฉันได้ตรวจสอบแล้ว ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเรามียอดสะสมสินทรัพย์ไม่น้อย เพียงพอที่จะ รองรับการปฏิรูปนี้ ถ้ามันไม่เปลี่ยนแปลง มีแต่จะถูกตัดออกจาก ตลาด” เฉิงซู่ซิ่วได้เสนอมุมมองของตัวเองอีกครั้ง เธอไม่ได้ อยากโต้แย้งกับเขา เพียงแต่รับคำแนะนำของเขาไม่ได้

“สิ่งแวดล้อมกำลังเปลี่ยนแปลง ไม่ก้าวไปข้างหน้าก็ต้องถอย หลัง มีเพียงนวัตกรรมใหม่ ครองตำแหน่งผู้นำในตลาด ถึงจะ สามารถยืนอยู่บนยอดพีระมิดได้

“คุณเป็นแค่เสมียน จะรู้อะไร…”

“พูดได้ดีมาก ประธานจางเหลือบมองคนที่โต้แย้งเธอด้วย สีหน้าไม่พอใจ “พวกคุณคิดว่าเธอเป็นแค่เสมียนจึงไม่มี คุณสมบัติในการเข้าประชุม งั้นผมขอประกาศแต่งตั้งให้เธอเป็น รองประธานว่านเซี่ยงแมคซีน เป็นผู้รับผิดชอบหลักสำหรับ ทิศทางการพัฒนาในอนาคตของว่านเซี่ยงแมคซีน”
ที่จริงคำพูดของเฉิงซิ่ว เป็นสิ่งที่ประธานจางต้องการจะทำ เขาประหลาดใจมากที่เสมียนเล็กๆ ทำการบ้านมามากมาย ขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของเธอ

เขาชื่นชมคนแบบนี้

อย่างที่คิดเอาไว้ คนที่จบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง จะมี แนวคิดที่สร้างสรรค์

พวกโบราณคร่าครีในบริษัท ไม่เต็มใจยอมปฏิรูป ถ้าไม่ปฏิรูป บริษัทก็จะยิ่งตกที่นั่งลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็จบที่การล่ม สลาย

ถ้าเขาต้องการปฏิรูป ทางเลือกที่ดีที่สุดคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขา ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในเวลาที่เหมาะสม

ทุกคนตัวแข็งทื่อไปทันที คิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป

“ประธานจาง….”

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว เอาตามนี้

“ฉันเกรงว่าจะไม่สามารถรับตำแหน่งได้ค่ะ” เฉิงซิ่วไม่ได้ อยากเป็นจุดสนใจ “ฉันแค่พูดในสิ่งที่ฉันคิด…

“ความคิดเห็นแบบนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถพูดออกมาได้” ประธานจางขัดจังหวะเธอ “ผมกล้าใช้คุณ ทำไมคุณไม่กล้าทำล่ะ อยากเป็นแค่เสมียนเหรอ”

เฉิงซิ่วคิดไปถึงสถานการณ์ที่บ้าน เธอไม่อยากเป็นแค่เสมียน ความตกต่ำของตระกูลเฉิงต้องสร้างขึ้นอีกครั้ง เธอต้อง แข็งแกร่งขึ้น

พ่อไม่อยู่แล้ว เธอไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว เธอต้องพึ่งพาตัวเอง

ไม่นานหลังจากได้ทํางาน เธอได้เรียนรู้มามาก

แม้ว่าตระกูลจะเป็นอุตสาหกรรมผ้า แต่การจัดการและการค้า มีความคล้ายคลึงกัน แน่นอนว่าเธอยินดีที่จะเรียนรู้เพิ่มเติม

“ขอบคุณสําหรับความไว้วางใจ ฉันจะทำให้ดีที่สุดค่ะ” เฉิง ซิ่วเคร่งขรึมจริงจัง

“คุณควรอ่านเอกสารการประชุมครั้งนี้ โดยคุณเป็นผู้นำการ ประชุมประธานจางนั่งลง

สมาชิกอาวุโสของบริษัทต่างจ้องเฉิงซิ่วเขม็ง ด้วยความไม่ มั่นใจในตัวเธอ

“นังหนูไร้เดียงสา จะไปรู้อะไร

“คุณยิ่งเริ่มไม่น่าเชื่อถือขึ้นทุกวันแล้วนะ” ยังมีข้อพิพาทไปถึง ประธานจางด้วย รู้สึกว่าเขาทำอะไรไม่คิด “เสมียนอะไรจะมา เป็นรองประธานได้ สมองบวมเหรอ”

“ผมเป็นตัวแทนทางกฎหมายของบริษัท ผมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ของบริษัท ผมเป็น CEO ของบริษัท พวกคุณไม่มั่นใจ ก็รอพวก คุณนั่งในตำแหน่งของผมก่อน ค่อยมาสั่งสอนผม

ทันทีที่ประธานจางพูดออกมา เสียงของฝ่ายค้านก็ลดลงเรื่อยๆ

ใครจะให้ตัวเองถูกลดขั้นกันล่ะ

ใครจะให้คนอื่นมาเป็นผู้มีอำนาจในบริษัทกันล่ะ

ไม่เห็นด้วยก็ไม่มีทางเลือก

ได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ลงนั่งตามตำแหน่ง ยอมรับการประชุม ที่เหนือความคาดหมาย

แรกเริ่มเฉิงซิ่วมีอาการค่อนข้างขี้ขลาด เมื่อได้ทำความ เข้าใจโดยละเอียดและวิจัยตลาดแล้ว ในใจจึงเกิดความมั่นใจ ขึ้นมาโดยธรรมชาติ ต่อมายิ่งพูดก็ยิ่งเร้าอารมณ์ ใช้หลักการณ์ และการวิเคราะห์ตลาดปิดปากผู้ที่เคลือบแคลงสงสัยเธอ

หลังจบการประชุมประธานจางเชิญเฉิงซิ่วไปทานอาหารเย็น ด้วยกัน

แน่นอนว่าเฉิงซิ่วปฏิเสธ เธอต้องรีบกลับบ้าน เพราะท้าย ที่สุดแล้วเธอก็ไม่ได้อิสระโดยสมบูรณ์ จึงเลี่ยงว่า “ฉันยังมีเรื่องที่ ต้องทําค่ะ”

“คุณไม่ต้องคิดมาก นี่เป็นแค่การทานข้าว การดำเนินการของ คุณวันนี้ผมพอใจมาก จะไม่เป็นการเสียเวลาคุณมากหรอกครับ เฉิงซิวยังคงลำบากใจ “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำจริงๆ ค่ะ”

“งั้นคุณบอกว่าคุณมีเรื่องอะไร ผมจะช่วยคุณเอง” ประธาน จางค่อนข้างแน่วแน่
ในที่สุดเจ๋งซิ่วก็ไม่มีทางเลือก ยังทำงานอยู่ในบริษัท จึงไม่ สามารถทำให้ใครไม่พอใจได้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับ

เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับประธานจาง เฉิงซิ่วจึงนั่ง เบาะหลัง

ประธานจางหยอกเธอ “คุณคิดว่าผมเป็นคนไม่ดีใช่ไหม เฉิงซิ่วสายหน้า “เปล่าค่ะ…..

“ถึงใช่ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมเป็นคนหน้าตาน่าเกลียด แต่จิตใจ ไม่น่าเกลียดนะ……

เฉิงซิ่วมครู่หนึ่ง ไม่นานรถก็จอดที่ร้านอาหารตะวันตกระ ดับไฮเอนด์ประธานจางช่วยเปิดประตูให้เธออย่างสุภาพบุรุษ มาก

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันทำเองก็ได้” เฉิงซิ่วรู้สึกทำตัวไม่ถูก อย่างมาก

ประธานจางเห็นเฉิงซิ่วค่อนข้างสงวนตัว จึงไม่ได้บังคับ เขา เดินนำหน้าไปก่อน เฉิงซิ่วตามหลังเขาเข้าไปในร้านอาหาร

“วันนี้คุณช่วยงานผมได้มากเลย” ทั้งสองคนอยู่ในตำแหน่งริม หน้าต่างประธานจางส่งเมนูให้เฉิงซิ่ว “ชอบอะไรก็สั่งเลยนะ ครับ ถือเสียว่าเป็นรางวัลตอบแทนให้กับคุณ”

เฉิงซิ่วต้องการจะปฏิเสธ แต่ประธานจางมีน้ำใจมากจนยาก จะปฏิเสธ เธอจึงได้แต่รับมันมา
ที่หน้าประตูร้านอาหารในเวลานี้ มีร่างของคนหลายคนเดิน เข้ามา ผู้นำคือจงเฟิง ตอนนี้เขาเพิ่งรับช่วงต่อบริษัทไม่นาน ทั้ง ยังแต่งงานแบบสัมพันธไมตรี จึงเป็นบุคคลซึ่งเป็นที่จับตามอง อย่างมากที่สุดในเมือง

“ประธานจง”ประธานจางลุกขึ้นยืนทักทาย

สายตาของจงเฟิงเบนมาทางนี้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ