กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 206 ซ่อนความลับอะไรเอาไว้



บทที่ 206 ซ่อนความลับอะไรเอาไว้

เมื่อเห็นว่าเป็นจงจิ่งห้าว หลินเฉิน ก็ตื่นเต้นจนปั่นป่วนไป หมด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าตัวเขาได้ทำเรื่อง “ละอายแก่ใจเอาไว้ หรือเปล่า

คุณมาได้ยังไง ”

จงจึงห้าวสาวเท้าเข้ามา ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เด็กน้อย ถาม แล้วยังมานั่งลงข้างเตียงของเด็กน้อยอีก หลินซีเฉันอยาก จะขยับตัวนี้แต่ก็ถูกคว้าจงจึงห้าวไหล่เอาไว้ ” ไม่ชอบฉันขนาด นั้นเลยเหรอ ”

” ไม่ใช่นะ ” หลินซึเฉินปฏิเสธทันควัน

เธอทำอะไรฉันรู้…”

” คุณพูดอะไรผมฟังไม่รู้เรื่อง! ”

จงจึงห้าวยังไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกหลินซีเฉินพูดตัดบทออกมา อย่างรีบร้อน

มือที่วางอยู่บนเตียงนั้น ก็ผ้าปูที่นอนแน่น ผ้าปูที่นอนที่ขาว สะอาดนั้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นยับยู่ยี่แทน

เขาอุตส่าห์ทำลับๆ แล้ว ทำไมจงจึงห้าวถึงยังรู้เรื่องนี้อีก

จงจิ่งห้าวลูบหัวเด็กน้อย ” เธอหลอกใช้ไปยื่นหนึ่งมาแย่งหม่า มี้กับฉัน ถูกไหม ”
หลินซีเฉินเบิกตาโพลง ใบหน้าน้อยๆ นั้นจนแทบจะรวมกัน หูตาจมูกปากแทบจะรวมกันเป็นก้อนเดียว ผู้ชายคนนี้รู้ได้ยังไง ว่าเขาหลอกใช้ไปยื่นหนึ่งเพื่อไปแย่งหม่าม

” ก็เธอคือลูกชายของฉัน ” จงจึงห้าวชี้แนะ

เขาได้ยินเรื่องนี้ออกมาจากปากของไปยื่นหนึ่ง เกี่ยวกับตอนที่ หลินซินเหยียนคลอดเด็กๆ พวกเขาก็อยู่ในสถานะหย่าร้าง คนที่ รู้เรื่องนี้ก็คงจะเป็นหลินซีเฉินที่เผยความลับให้แก่ไปยื่นหนึ่ง

เรื่องพวกนี้หลินซินเหยียนคงไม่พูดเองกับตัวหรอก อีกอย่าง คนที่รู้ก็มีไม่มากนัก แม้แต่เสิ่นเผยชวนกับซูจ้านก็คงไม่รู้เรื่องราว ซับซ้อนพวกนี้ทั้งหมด

หลินซีเฉินเม้มปากแน่นไม่พูดอะไรออกมา ความเงียบคือการ ยอมรับแบบโจ่งแจ้ง

เด็กน้อยซ่อนมันจากทุกคนได้ แต่ซ่อนมันจางจงจึงห้าวไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะพวกเขาสายเลือดเดียวกัน ความคิด คงจะอยู่ในระดับเดียวกัน ดังนั้นก็ไม่ยากที่อีกฝ่ายพอจะเดาออก ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

” คุณกลัวผมเหรอ ” หลินซีเฉินก้มหน้าลง แกะนิ้วมือเล่น

จงจึงห้าวเหลือบไปมองการกระทำของเด็กน้อย ก่อนที่มุมปาก จะยิ้มขึ้นมา ” ฉันไม่โกรธหรอก ฉันชื่นใจนะ ที่เธอรู้จักใช้คนอื่น ทําเพื่อเป้าหมายของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ดีมากแล้วล่ะ ”

หลินซีเฉินตกใจจนคางแทบจะหลุดลงไปอยู่บนพื้น อะไรนะ
เด็กน้อย ใช้สายตาที่ไม่รู้จะพูดยังไงมองไปยังพ่อของตัวเอง

” การไปถึงจุดมุ่งหมายอย่างสมบูรณ์แบบ ก็คือเธอไม่จำเป็น ต้องเข้าไปเปลืองแรงอะไรกับเรื่องนี้ แต่ก็ได้ในสิ่งที่ตัวเอง ต้องการ ถึงสิ่งที่เธอทำจะดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่เพราะว่าถูกฉัน จับได้ แต่ยังไงเธอก็มีแนวคิดแบบนี้ก็ถือว่าไม่โง่จนเกินไป

ขณะที่จงจิ่งห้าวพูดประโยคนี้ออกมา เขาดูสุขุม แต่ถ้ามอง สายตากลับหางคิ้วของเขาโดยละเอียดแล้ว ก็จะพบว่ามันเต็มไป ด้วยสีหน้าที่แสดงออกมาในเชิงยิ้มแย้ม

หลินซีเฉินเป็นแค่เด็กอายุห้าขวบ คิดเรื่องพวกนี้ออกมาได้ แล้วออกมาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ก็เก่งมากแล้ว

สาเหตุที่เขาไม่พูดชมออกไป ก็เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าที่เป็นอยู่ ตอนนี้ยังไม่พอ

ถ้าชมเด็กน้อยออกไปอย่างชัดเจน ก็จะทำให้อวดดีทะนงตัว

ในภายหลังได้

หลินซีเฉินถอนหายใจออกมาหนึ่งที เด็กน้อยไม่ยอมที่จงจึง ห้าววิจารณ์ตัวเองแบบนี้ คนที่รู้จักเขามา ก็บอกทั้งนั้นว่าเขาเป็น คนฉลาดและน่ารัก แล้วก็ชอบเขามากๆ ด้วย แต่ทำไมพอหลุด ออกมาจากปากคนคนนี้ถึงกลายเป็นไม่โง่มากเท่าไหร่เสียอย่าง งั้น

ไม่โง่เท่าไหร่เนี่ยนะ

หรือจะหมายความว่าในความโง่นั้นยังพอมีความฉลาดอยู่บ้างงั้นสิ

เด็กน้อยไม่ยอมจํานนต่อคำวิจารณ์ของจงจึงห้าว ” ผมไม่โง่ อย่างแน่นอน ไม่งั้นเราก็พนันกันไหมล่ะ ”

จงจิ่งห้าวพยักหน้า เริ่มรู้สึกสนใจในข้อเสนอของลูกชาย

อยากจะรู้ว่าเด็กน้อยจะพูดอะไรออกมาได้อีก ” พนันอะไรล่ะ ”

” พนันว่าคุณต้องจีบหม่ามีของผมกลับมาไม่ได้อย่างแน่นอน หลินซีเฉินเงยหน้าขึ้นมา ก็โดนคำว่าไม่ค่อยโง่เท่าไหร่ ของ 11 จงจึงห้าวยั่วโมโหเข้าให้แล้ว

เหอะ เขาสาบานได้ เขาจะไม่ยอมให้คนคนนี้จีบหม่ามีของเขา กลับมาได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ผู้ชายคนนี้มันอวดดีเกินไปแล้ว!

จงจิ่งห้าวเม้มปากแน่น เขาเงียบไปสักพักก่อนจะเปิดปากพูด ” เธออยากให้ไอ้คนพิการนั่นรักกับหม่ามีของเธออย่างนั้นหรอ

หลินซีเฉินปากแข็ง ” ถึงตัวจะพิการ แต่ก็ยังดีกว่าใจพิการนั่น แหละ ”

จงจิ่งห้าวเงียบจนไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมา

นี่จะหมายความว่าใจของเขานั้นพิการเหรอ

เจ้าลูกชาย…. ”

” ผมง่วงแล้ว ” หลินซีเฉินไล่แขก เห็นได้ชัดว่าเด็กน้อยไม่ยอม ฟังคำนี้เขาจะพูดอีกแล้ว
เพื่อขัดขวางไม่ให้จงจึงห้าวพูดต่อ หลินเฉิน ก็เข้าไปคุดคู้อยู่ ในผ้าห่ม คลุมโปง แล้วหลับตา แสดงท่าที่ปลอมๆ ออกมาว่า เด็กน้อยกำลังหลับอยู่

จงจิ่งห้าวไม่เคยรู้สึกว่าเขาไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้กับเรื่องไหนมา ก่อน จะมีเพียงแค่หลินซินเหยียนกับหลินเฉินเท่านั้น ที่ทำให้ เขาไม่รู้จะต้องทำยังไง สักวิธีเดียวก็ไม่มี

” ฉันรู้ว่าเธอยังไม่หลับ ไม่ว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ตอนแรก หย่ากับหม่ามีของเธอไป มันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นฉัน ไม่รู้….ว่าเธอท้อง

เขาไม่ใช่ไม่รู้ว่าเธอท้อง แต่ไม่รู้ต่างหากว่าที่เธอท้องคือลูก ของตัวเอง

แต่เขาไม่ควรพูดแบบนั้น

ท้องก่อนแต่ง ถ้าพูดแบบนั้นกับลูก คงจะไม่ดีกับหลินซินเหยี

ยนเท่าไหร่นัก

” คุณไม่รู้ว่ามีพวกเราอยู่ นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง คุณขอเธอแต่งงาน

คุณก็ต้องรับผิดชอบสิ มีสิทธิ์อะไรมาทิ้งเธอ มีสิทธิ์อะไรมาขอเธอ

หย่า ถ้าคุณไม่ได้ชอบเธอ แล้วคุณจะแต่งงานกับเธอทำไมตั้งแต่

แรก ทำไม ” หลินซีเฉินเดือดปุดๆ จนพูดความในใจออกมาจน

ได้ ” ผมเกลียดคนแบบคุณที่สุดเลย หม่ามีสอนผมมาตั้งแต่เด็กๆ

ว่าเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง จะต้องแบกรับหน้าที่เอาไว้ ต้องมีความ

รับผิดชอบ และอย่าโกหก แต่ว่าคุณ ทำออกมาได้ยังไง ”

คำอธิบายที่จะพูดออกมามีเป็นพันเป็นหมื่นประโยค แต่จงจึงห้าวไม่พูดอะไรออกมาเลยสัก

ถ้าบอกไป เรื่องการแต่งงานของเขาหลินซินเหยียนเป็น เพียงเพราะแลกเปลี่ยน

ถ้าบอกไป เด็กน้อยกับหลินลุยมีมาก่อนที่หลินซินเหยียน แต่งงานจะไหม

ถ้าเป็นอย่างนั้น มันจะไม่เป็นการทำร้ายความรู้สึกของลูก

เหรอ จงจึงห้าวห่ม

ดีด้วยล่ะ ”

หลินพอใจของตัวเอง

ที่โผล่ออก” ถ้าไม่อยากให้หม่ามออกมาแล้วเห็นเธอ

ไม่สบาย ห่ม

หลินซีเฉินตอนแรกที่ไม่ยอม ไม่ได้เอาผ้าห่มออก กลับหม ผ้าแต่โดยดี

จงจิ่งห้าวไปตรงจุดอ่อนของเขาเสียแล้ว เด็กน้อยไม่อยากให้หม่าต้องเป็นห่วงเขา ดังนั้นเลยยอมผ้าอย่างว่าง่าย สามวันต่อมา
ขณะที่หลินซินเหยียนได้ลองลงมือทำผ้าไหมกวางตุ้งตามขั้น ตอนการทำวัสดุด้วยตัวเองอยู่นั้น ก็ถูกผู้อาวุโสบอกให้หยุดทํา ” เธอตามฉันมา ”

” ไปไหนเหรอคะ ” แรงในการทำงานของหลินซินเหยียนก็เริ่ม มา มันเธอจะเริ่มรู้ขั้นตอนสำคัญของวิธีการทำ ผ้าไหมกวางตุ้ง แล้ว เมื่อถึงจุดที่พีคที่สุด มันทำให้เธอไม่อยากไปจากตรงนี้

” เธอมากับฉันเธอก็รู้แล้ว ” ผู้อาวุโสไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะไป ทำอะไร แล้วก็ไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่เมื่อพูดจบก็เดินออก จากประตูบ้านไป

หลินซินเหยียนก็นึกขึ้นมาได้ว่า เขาเคยบอกเธอเรื่องที่น้อง สาวของเขาจะกลับมา ตอนนี้สติสตางค์เธอก็กลับมาแล้ว เธอรีบ วางมือลงจากงานที่ทำอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วรีบตามผู้อาวุโสออก ไป

เรือนด้านหลังมีประตูที่สามารถออกไปได้ พื้นที่สูงไม่เสมอกัน นัก กับถนนโคลนที่แสนจะขรุขระเส้นหนึ่ง ที่มีหญ้าและเถาวัลย์ ต่างๆ ผุดขึ้นมาพันเท้าบ้างในบางจังหวะที่พวกเขาก้าวเดิน แต่ก็ ยังดีที่ถนนเส้นนี้ไม่ได้ยาวนัก ประมาณสิบนาทีกว่าๆ พวกเขาก็ มาถึงถนนใหญ่ ถึงแม้จะเป็นถนนใหญ่แต่มันก็เป็นแค่ถนนที่เต็ม ไปด้วยน้ำโคลนที่ไม่กว้างใหญ่มากเท่าไหร่ หากเทียบกับถนน คอนกรีตในเมืองก็คงสู้ไม่ได้

ที่ทำให้หลินซินเหยียนรู้สึกมึนงงก็คือ เธอมาที่นี่ก็สิบกว่าวัน แล้ว เรือนไม้ทั่วทุกที่ก็ดูเรียบง่าย แต่พอพวกเขามาถึงริมถนนนั้นก็เจอเข้ากับรถสีดำคันหนึ่ง ทั้งคันมีสีมันวาว มีเส้นสะท้อนจาก แสงเงาที่ดูลื่นไหลแต่กลับมีความเด่นสง่าของโรลส์-รอยซ์ เธอไม่วายจำต้องหันหน้าไปมองผู้อาวุโส ” อาจารย์คะนี่คือรถ

ของอาจารย์เหรอคะ ” ผู้อาวุโสส่ายหน้า ” ไม่ใช่หรอก ของน้องสาวฉัน เธอกำลังรอ พวกเราอยู่ ไปกันเถอะ พวกเราขึ้นรถกัน”

ใจของหลินซินเหยียนเต้นตึกตัก แต่ว่าเพื่อค้นหาความจริง เธอเลยเอี้ยวตัวแล้วขึ้นรถไป

รถเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วมาก และมุ่งไปตามเส้นทางของ ถนนที่เต็มไปด้วยโคลนและไม่กว้างมากนัก รถเริ่มขับเข้าไป เรื่อยๆ แมกไม้ในคราวนี้ช่างมีความหลากหลาย ถึงแม้จะเริ่มเข้า หน้าหนาวแล้ว แต่ก็ยังมีพืชหลายชนิดที่แม้ฤดูกาลจะเปลี่ยนแต่ก็ ยังคงเขียวชะอุ่ม กิ่งและใบที่เจริญงอกงาม เติบโตจนปกคลุม แสงแดด ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยังรู้สึกว่าอากาศในนั้นเริ่มหนาว เย็น

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงรถก็จอดลง

ด้านหน้าเป็นพื้นที่ที่ถูกสร้างโดยบ้านหลังใหญ่อันกว้างขวาง ตัวบ้านดูมีเอกลักษณ์และก็เป็นเรือนสี่ประสานที่สวยงามทันสมัย เลยทีเดียว

ช่างต่างกับบ้านไม้ราวฟ้ากับเหว

หลินซินเหยียนลงจากรถ ก่อนจะยืนอยู่หน้าประตู แล้วแหงนหน้ามอง ” ที่นี่คือที่ไหนเหรอคะ ”

ผู้อาวุโสยืนอยู่หน้าประตู ก่อนจะเอามือไขว้หลัง แล้วมองไป ยังตัวบ้าน ” บ้านใหญ่ของตระกูลเฉิงน่ะ ”

” เฉิงเหรอ ” หลินซีนเหยียนเรียกเขาว่าอาจารย์มาโดยตลอด แม้แต่ชื่อของเขาเธอก็ไม่รู้

ยิ้ม ฉันชื่อ เฉิงเงิน ส่วนน้องสาวของฉันชื่อ เฉิงตู่ซิ่ว ”

เวลานี้สมองของหลินซินเหยียนได้ระเบิดภายในพริบตา

ยู่ซิ่วเหรอ เฉิงซิ่วเนี่ยนะ

ใช่คนเดียวกันหรือเปล่า

หากเป็นคนเดียวกัน ถ้างั้นที่นี่ก็ซ่อนความลับอะไรเอาไว้ยังงั้น

น่ะเหรอ

” ตามฉันเข้ามาเถอะ อยากให้เธอรอนาน ”

เฉิงยูเวิน เดินนำเข้าไปก่อน เมื่อสติของหลินซินเหยียนกลับ เข้ามาแล้วก็รีบเดินตามเข้าไป


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ