บทที่476 คนที่ชื่อชาวหยุนมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับนามสกุลของพวกเด็กๆ หลินซินเหยียนรู้สึก
ว่าตัวเองควรจะพูดกับลูกของเธอให้ชัดเจน
เธอก็คิดในใจสักพักว่าจะเริ่มพูดยังไงดี พอนึกได้ก็พูดด้วยน้ำ เสียงนุ่มนวลกับพวกลูกๆ ” ประเทศของเราก็มีประวัติศาสตร์กว่า ห้าพันปีแล้ว เรียกได้ว่า เป็นประวัติศาสตร์ที่ยาวนานจริงๆ ใน สมัยก่อนก็จะมีประเพณีดั้งเดิม นั่นก็คือลูกจะต้องใช้นามสกุล เดียวกับพ่อ ก่อนหน้านี้แม่ก็เลยไม่ทันได้บอกลูกว่า แม่กับพ่อ ของลูกได้ไปเปลี่ยนนามสกุลของพวกลูกแล้ว ”
หลินซีเฉินเงยหน้าขึ้นมามองเธอ ในปากก็เคี้ยวอาหารจน ละเอียด แล้วกลืนลงไปจากนั้นก็พูดต่อว่า ” สิ่งที่แม่จะบอกกับ พวกเราคือเรื่องแค่นี้เหรอ ”
หลินซินเหยียนพยักหน้า เมื่อเห็นท่าทีเหมือนลูกชาย จะรู้เรื่อง แล้ว ก็เลยลองถามกลับไปครั้ง ” ลูกรู้ด้วยเหรอ ”
เรื่องนี้คงไม่มีใครรู้หรอกหน้า แต่ทำไมลูกถึงรู้ล่ะ
หลินซีเฉินก็หยิบตะเกียบคีบขนมกวนเข้าไปในปากแล้วเคี้ยว หยุบหยิบ ” ผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่า เรื่องเปลี่ยนนามสกุลจะช้าจะเร็วก็ ต้องเปลี่ยนอยู่ดี แม่ไม่พูดผมก็สังเกตได้ เพราะคนรอบข้างของ ผม เขาก็ใช้นามสกุลพ่อกันทั้งนั้น มีแค่ผมกับน้องสาวที่พิเศษกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้ก็ไม่พิเศษหรือแปลกตรงไหนแล้ว ตอนนี้ก็ ไม่มีใครรู้สึกแล้วว่าพ่อแต่งงานเข้าบ้านแม่
หลินซีนเหยียน ”
ถ้าเด็กคนนี้ทำไมถึงรู้เยอะเสียจริง แม้แต่สำนวนชายแต่งงาน เข้าบ้านหญิงก็ยังรู้อีก
หลินลุยซีพี่กำลังมุ่งมั่นกับการกินมาโดยตลอด ได้ยินคำที่พี่ ชายพูดออกมาแล้ว ก็กะพริบตาปริบๆ อย่างแปลกใจแล้วถาม ขึ้นมาว่า” ชายแต่งเข้าบ้านหญิงหมายความว่ายังไงเหรอคะพี่ ”
หลินซีเฉันไม่ต้องใช้ความคิดอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถตอบ ออกไปอย่างมั่นใจว่า ” ก็ปกติแล้วผู้หญิงจะแต่งงานกับผู้ชาย ที่มาสู่ขอก็เหมือนกับหม่ามีมี พ่อมาสู่ขอนี่คือเรื่องปกติ แต่ถ้า ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิงก็คือ ผู้หญิงเป็นฝ่ายขอผู้ชาย แล้วชาย จะต้องไปอยู่บ้านผู้หญิง เช่นเดียวกับที่หม่ามีไปสู่ขอพ่อคุณพ่อก็ เลยเรียกได้ว่าเป็นชายที่แต่งงานไปอยู่บ้านผู้หญิงยังไงล่ะ ”
เมื่อหลินลุยซีได้ฟังแล้วก็มึนงงสับสนไปหมด อะไรคือเดี๋ยว ผู้ชายเดี่ยวผู้หญิง แล้วใครแต่งงานกับใคร เด็กหญิงตัวน้อยสาย หัวไปมาเหมือนพยายามปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจเรื่องยากๆ พวกนี้แล้ว แต่ถามเอามาว่า ” ก็คือตอนนี้พวกเราไม่ได้แซ่หลิน แล้วใช่ไหม ”
” ก็ใช่น่ะสิ ” หลินซีเฉินพยักหน้า แล้วให้น้องสาวไปถามหลิน ซินเหยียน ” เธอก็ไปถามหม่ามีสิ ”
หลินซินเหยียนมองลูกชายด้วยสีหน้าแววตาที่ขบขัน ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้ไปฟังเรื่องพวกนี้มาจากไหนนักหนา
” หม่า ที่พวกเราใช้นามสกุลเดียวกับคุณพ่อแล้วใช่ไหมคะ เด็กสาวตัวจี๊ดในปากยังคงมีอาหารอยู่ เวลาพูดก็มีเสียงแจ๊บๆ หลินซินเหยียนลูกหัวของลูกสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพูด อย่างจริงจัง ” ใช่จ้ะ พวกลูก แซ่จง ชื่ออาจจะดูเปลี่ยนไปนิด หน่อย ลูกที่เป็นน้องก็ชื่อจงเหยียนซี ส่วนพี่ชายของลูกชื่อจงเหยี
ยนเฉินวันหลังเวลาที่แนะนำตัวกับคนอื่น ให้ใช้ชื่อนี้นะ เข้าใจ ไหม ” “แต่หม่ามี้ยังเรียกชื่อพวกเราเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เห็นจะ
เปลี่ยนตรงไหนเลย ” ลูกสาวถามยังอยากรู้อยากเห็น
หลินซินเหยียนถอนหายใจ เด็กคนนี้เปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อ ก่อนยังงงอยู่เลย ไม่รู้อะไรสักอย่าง ดูแค่เรื่องกินอย่างเดียว ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นช่างพูดช่างจาเสียแล้ว
ถึงมีบางครั้งที่จะดูพูดยากไปบ้าง แต่ว่า ก็ยังดีกว่าเมื่อก่อนล่ะ บะ
เธอเลยหันไปมองที่ลูกชาย หรือว่าจะเป็นไปตามประโยคนั้นที่ ว่า ‘ ใกล้ชาติเป็นสีแดง ใกล้หมึกเป็นสีดำ ถ้าอยู่กับลูกชายคน นี้ทั้งวัน เธอจะเปลี่ยนตัวเองจนเป็นเหมือนเขาไปอีกคนไหมเนี่ย
” หม่ามี้เรียกลูกด้วยชื่อนี้มาตั้งห้าปีแล้ว พอเปลี่ยนก็ไม่คุ้น ปาก แต่ว่าหม่ามีจะพยายามชินกับชื่อใหม่ของพวกลูกนะ ” เธอ พูดกับลูกสาวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
เด็กสาวตัวน้อยยกนมขึ้นมาดื่มสองสามอีก เพื่อจะกลืนอาหาร ในปากให้ลื่นคอ ” ถ้างั้นหลังจากนี้แม่จะเรียกหนูว่าอะไร เรียกเห ขียน หรือเรียก ชีล่ะ ”
เด็กน้อยกะพริบตาไปปรับๆ ก่อนจะออกความเห็นอย่างจริงจัง ” หนูว่ามันฟังไม่ค่อยลื่นหูเท่าชื่อเก่า ”
” ลูกรีบกินเถอะน่า ฟังหลายรอบเดี๋ยวก็ลื่นหูเองนั่นแหละ ขนาดบนโลกนี้มีคนชื่อลูกหมาตัวที่สองเลย พอใครได้ยินบ่อย เข้าเขาก็ชินกันหมดแล้ว ”
เด็กน้อยที่เพิ่งจะดื่มนมเข้าไปในปากเมื่อกี้ ก็แทบจะพ่นออก มา ก่อนจะเบิกตาโตยังไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แล้วมองไปที่หลินซิน เหยียน ” พ่อแม่ต้องไม่มีความรับผิดชอบแค่ไหนเนี่ย ถึงตั้งชื่อ ลูกแบบนี้ ”
” ไม่มีใครไม่รักลูกของตัวเองบ้างนะจ๊ะ คนสมัยก่อนนะ ความ คิดอาจจะโบราณคร่ำครึ เขาว่ากันว่าถ้าตั้งชื่อให้ดูต่ำต้อยกว่า หน่อยเด็กคนนั้นก็จะเลี้ยงง่ายเชื่อฟัง ” หลินซินเหยียนอธิบายให้ ลูกสาวฟังอย่างอดทน เพราะอยากให้เด็กน้อยรู้ว่าบนโลกนี้ไม่มี พ่อแม่คนไหนที่ไม่รักลูกของตัวเองพ่อแม่ จะต่างกันแค่อย่าง เดียวก็คือวิธีแสดงออกทางความรักที่ไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง
เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว หลินซินเหยียนก็พาลูกทั้งสองออกไป เพราะว่าไม่ได้มีสัมภาระอะไรก็เลยไม่ต้องเก็บของให้วุ่นวาย ตอนที่เธอออกมาก็หยิบแค่เสื้อคลุมตัวนอกมาหนึ่งตัวเท่านั้น และกระเป๋าถือที่ในนั้นมีเงินและบัตรอยู่ ไม่ว่าจะไปที่ไหนหากไม่มีเงินก็ไม่สามารถอยู่ได้ แถมยังพาลูกสองคนมาด้วยอีก แล้ว ยังมีของอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือเอกสารที่เหวินเสียนทิ้งไว้ให้เธอ
เธอจูงมือลูกทั้งสองลงลิฟต์ไปเมื่อถึงหน้าเคาน์เตอร์ ก็แจ้งคืน ห้อง พนักงานเคาน์เตอร์เมื่อเห็นลูกทั้งสองคนของเธอก็อดไม่ ได้ที่จะพูดชื่นชมมากมาอย่างเป็นมิตร ” ลูกทั้งสองคนของคุณโต มาหน้าตาดูดีหมดเลยนะคะเนี่ย ”
หลินซินเหยียนรับเงินมัดจำคืนมา ก่อนจะยิ้มให้พนักงาน เคาน์เตอร์ แล้วจูงมือลูกทั้งสองออกจากโรงแรม เพื่อไปยืนรอรถ ตรงริมถนน ยังดีที่บริเวณนี้มีคนอยู่มาก รถแท็กซี่ก็เลยมากตาม ไปด้วย ไม่ได้รอนานนัก เธอก็ได้นั่งรถแท็กซี่อย่างง่ายดาย
” พวกคุณจะไปไหนล่ะ “คุณลุงที่ขับรถแท็กซี่หันมามองพวก เขาที่อยู่ด้านหลัง
หลินซินเหยียนให้ลูกทั้งสองขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนจะตอบคนขับ
รถไปว่า ” JKกรุ๊ป ”
คนขับรถจึงเริ่มสตาร์ทรถและออกเดินทาง…..
อาจจะด้วยความที่อยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ลูกทั้งสองก็เลยแย่ง กันเพื่อที่จะนั่งข้างหน้าต่างและดูวิวข้างนอก หลินซินเหยียน พยายามดึงลูกชายออกมา ” เสี่ยว ลูกก็หลบให้น้องหน่อยสิจ๊ะ
” ไม่ได้เปลี่ยนชื่อแล้วหรอกเหรอ ทำไมยังเรียกว่าเสี่ยวซีอยู่ล่ะ หลินซีเฉินนั่งเข้าไปตรงที่นั่งข้างใน และยกที่นั่งริมหน้าต่างให้ กับน้องสาว
หลินซินเหยียนกุมขมับ ลืมไปแล้วจริงด้วยความเคยชินนี่มัน ยากจะแก้ไขจริงๆ ” หม่ามีจำได้แล้ว ครั้งหน้าจะเรียกว่าเหยียน เฉินนะ ”
” เรียกเงินเฉินเถอะครับ ดูสนิทสนมกว่า ” เด็กชายอดไม่ได้ที่ จะทําตัวออดอ้อนกับหลินซินเหยียน
หลินซินเหยียนทั้งหัวลูกชายเข้ามา แล้วจับลงที่หน้าผากเขา
หนึ่งที ” แม่จะเรียกตามที่ลูกบอกนะ เฉินเฉิน ”
คนขับรถที่อยู่ด้านหน้า มองพวกเขาจากกระจกหลัง ” เพราะ คุณมาที่นี่ครั้งแรกเหรอครับ ”
หลินซินเหยียนตอบ ” ใช่ค่ะ ”
คุณโชคดีมากเลยเนอะ ลูกทั้งสองคนโตมาหน้าตาน่ารัก ทั้งคู่ แต่ลูกชายหน้าไม่ค่อยเหมือนคุณเลย คงจะหน้าเหมือนพ่อ ล่ะสิ ”
ใบหน้าของหลินเฉินที่โตขึ้นมาแล้ว ดูคล้ายกับจงจึงห้าว
แทบจะทั้งหมด บางครั้งคำพูดคำจาการแสดงอารมณ์ทางสีหน้า ก็เหมือนกันอย่างกับแกะ เธอเอื้อมมือไปรูปใบหน้าทรงไข่ของ ลูกชายอย่างเบามือ ก็มองเข้าไปในใบหน้านี้ เหมือนเธอกำลัง เห็นใครอีกคน ภายในก้นบึ้งของหัวใจก็เกิดความรู้สึกหดหู่ใจแบบแปลกๆ
ที่นี่แหละครับ ถึงแล้ว ” ขณะที่ความรู้สึกนึกคิดของหลินซินเหยียนกำลังหลุดลอยไปไกล คุณลุงที่ขับรถก็จอดแท็กซี่อยู่หน้าตึกใหญ่ที่เชื่อมต่อกันอีก หนึ่ง แล้วบอกกับเธอว่า ” ถึงJKกรุ๊ปแล้ว ”
หลินซินเหยียนได้สติกลับมา ก็หยิบเงินในกระเป๋ายืนให้คน
ขับแท็กซี่ จากนั้นก็เปิดประตูแล้วพาลูกทั้งสองลงจากรถไป พอยืนอยู่ริมถนนก็สามารถมองเห็นตึกใหญ่โตได้อย่าง
ชัดเจน ที่บอกว่าเป็นตึกที่เชื่อมกันเพราะว่าตรงกลางของตึกทั้ง
สอง มีเหมือนสะพานกระจกใหญ่ๆ เชื่อมตึกทั้งสองอยู่
และระหว่างยอดตึกทั้งสอง ก็มีป้ายโฆษณาใหญ่โตมโหฬาร ติดไว้อยู่ บนนั้นเขียนตัวอักษรที่ดูทรงพลังสามสี่ตัว เป็นคำ ว่าJKกรุ๊ป
เธอหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก แล้วจูงมือลูกทั้งสองเข้าไป เด็ก น้อยทั้งสองมองนุ่นมองตามประสา เป็นเพราะว่ามาแปลกที่ โดยสัญชาตญาณแล้วก็ต้องสำรวจเสียหน่อย
เมื่อเดินผ่านโถงใหญ่แล้ว หลินซินเหยียนก็จูงมือลูกทั้งสองมา ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พนักงานตรงนั้นยิ้มและทักทายอย่าง เป็นมิตร ” ขอโทษนะคะแต่คุณคือใครคะ
” ฉันมาหาคนที่ชื่อชาวหยุน ”
พนักงานเคาน์เตอร์ตะลึงไปช่วงครู ไม่คิดเลยว่าจะมีคนเรียก ชื่อของประธานชาวผู้เป็นที่เคารพความทุกคนออกมาโต้งๆ แบบ นี้ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะมองหน้าเธอ แล้วถามต่อว่า ” ได้นัดไว้ไหม คะ ”
หลินซีนเหยียนส่ายหัว ” ไม่ค่ะ ”
ถ้างั้นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันคง ให้คุณเข้าไปไม่ได้ ”
พนักงานเคาน์เตอร์ยิ้มให้เธออย่างสุภาพ
ถ้างั้นฉันขอถามนะคะ เพราะคนที่นี่มีคนที่ชื่อว่าข่าวหยุนจริง ใช่ไหม ” หลินซินเหยียนก็ถามอีกครั้ง
เธออยากจะรู้ให้แน่ชัดว่าคนที่ชื่อข่าวหยุนมีตัวตนอยู่จริง
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ