บทที่ 467 จูบคุณแค่นี้ต้องมีเหตุผลด้วยหรอ
คันแรกคงเป็นของเสิ่นเผยชวน ส่วนคนที่สองก็คงเป็นของจง จิ่งห้าว
หลินซินเหยียนมองเข้าไปข้างในคฤหาสน์ พวกเขากลับมา แล้ว
เธอหลับตาลงเบาๆ แล้วยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงได้เดินถือ กระเป๋าเข้าไป แต่เนื่องจากกลัวว่าบอดี้การ์ดจะหลุดปาก เธอจึง หันกลับไปมองเขาลืมไปยังว่าต้องพูดยังไง? ”
“วันนี้คุณนายไปร้านเสื้อผ้ามาครับ”บอดี้การ์ดเอ่ยตอบ
หลินซินเหยียนพยักหน้าลงด้วยความพอใจ จากนั้นก็แสร้งทำ เป็นยิ้มแย้มแจ่มใสแล้วเดินเข้าไป
ป้าหยูกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเย็น ในห้องครัว เด็ก ทั้งสองก็ไม่ได้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น เห็นทีคงต่างคนต่างเล่นอยู่ในห้อง เธอเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน จากนั้นก็หยิบถุงเอกสาร ออกมาจากกระเป๋า แล้วเอาไปวางไว้ที่ด้านล่างสุดของลิ้นชัก พอ เสร็จแล้วก็นำกระเป๋ากลับไปวางไว้ที่เดิมแล้วเข้าไปล้างมือใน ห้องน้ำ เมื่อส่องกระจกดูเธอก็รู้สึกว่าหน้าเธอซีดมาก ดูท่าทาง เหมือนคนไม่ค่อยสบาย ฉะนั้นเพื่อที่จะทำให้หน้าตัวเองดูมีเลือด ฝาดขึ้นมา เธอจึงล้างหน้าด้วยน้ำร้อนแบบที่ค่อนข้างร้อนเลยทีเดียว ล้างซ้ำไปซ้ำมา ในที่สุด ใบหน้าเธอก็เริ่มแดงระเรื่อดูมี เลือดฝาด
พอเช็ดหน้าเสร็จเธอก็เดินลงมาชั้นล่าง ไฟในห้องหนังสือ สว่างอยู่ แสดงว่าพวกเขาคงจะอยู่ในห้องหนังสือ เธอเดินเข้าไป ในห้องครัวแล้วยืนอยู่ที่หน้าเครื่องชงกาแฟ เธอเทเมล็ดกาแฟลง ในเครื่องบดกาแฟอัตโนมัติ จากนั้นก็ถามขึ้นเหมือนไม่ได้ ตั้งใจ พวกเขากลับมาเมื่อไหร่หรอคะ?”
“พึ่งกลับมาเองค่ะป้าหยูตอบ
“ทำไมคุณหนูถึงไปร้านเสื้อผ้านานจังคะ? “ป้าหยูเหลือบมอง ท้องของเธอ”คุณหนูพึ่งจะดีขึ้นเอง ต้องใส่ใจดูแลสุขภาพ ร่างกายให้ดีสิคะ”
ตอนที่หลินซินเหยียนออกไปเธอได้บอกกับป้าหยูไว้ว่าเธอจะ ไปร้านเสื้อผ้า
ป้าหยูก็เลยถามแบบนี้
เธอยิ้มพลางพูดขึ้น “หนูรู้ว่า ครั้งหน้าจะระวังให้มากกว่านี้ค่ะ” เธอเดินไปหยิบถ้วยกาแฟและถาดจากตู้ในห้องครัวช้าๆ
ป้าหยูเหลือบมองเธอแล้วพูดขึ้น “เดี๋ยวป้าเอาไปให้พวกเขา เอง คุณหนูไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
หลินซินเหยียนยิ้มพูดขึ้น”ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเอาไปให้เอง เธอเทกาแฟที่ชงเสร็จแล้วลงในแก้วกาแฟ จากนั้นก็เอาไปวางบนถาดแล้วยกไปที่ห้องหนังสือ
เมื่อเดินไปถึงหน้าประตูห้องหนังสือ เธอถือถาดไว้มือหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็กำลังยกขึ้นเตรียมจะเคาะประตู ทว่าก่อนที่จะ เคาะลงไป เสียงซูจ้านก็ดังลอดออกมา
“เหวินเสียนนี่เห็นแก่ตัวจริงๆเลย ในเมื่อไม่เห็นด้วยกับการ แต่งงานตั้งแต่แรก แถมยังอยากจะมีครอบครัวดีๆเป็นของตัวเอง และได้อยู่กับคนที่ตัวเองรัก แต่กลับไปหาผู้หญิงอื่นมาให้สามีตัว เองซะงั้น เห็นทีก็คงจะมีแต่ครอบครัวที่แปลกๆแบบตระกูลเหวิน เท่านั้นแหละที่จะผลิตคนแบบนี้ออกมาได้ ”
หลินซินเหยียนที่อยู่อีกฝั่งของประตูรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจ และความรังเกียจจากคำพูดและน้ำเสียงของซูจ้านได้อย่าง ชัดเจน
“พ่อนายก็เหมือนกัน ทำไมไม่พูดออกมาตั้งแต่แรก มัว
ซูจ้านอยากจะพูดต่อ แต่ก็ถูกเสิ่นเผยชวนห้ามไว้พลางสาย หน้าใส่เขา
ซูจ้านรู้สึกอึดอัดคับข้องใจมาก เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้มันต้อง เกี่ยวข้องกับเหวินชิงแน่ๆ รอให้คนที่ไปสืบหาเบาะแสหาคนทำ เจอก่อนเหอะ และพอสืบสวนได้ว่าเหวินซึ่งเป็นคนบงการเมื่อไหร่ เขาจะคิดทั้งบัญชีเก่าและใหม่รวมกันให้หมดแน่!
ถึงแม้ตอนนั้นจะมีทั้งคนร้ายที่หลบหนีไปได้และตายในที่เกิด เหตุ แต่ถ้าเกิดว่าเคยใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองล่ะก็ ยังไงก็ต้องสืบหาข้อมูลภูมิหลังของพวกมันได้สักสองสามคน อีกอย่างพวกเขายัง เป็นคนที่เมืองต้องการนำตัวไปสอบสวนด้วย ฉะนั้นตอนนี้ ปัญหาที่เหลืออยู่แค่เรื่องเวลา
แต่วันนี้พวกเขาก็ไม่ได้ออกไปเสียเที่ยว เพราะหาเบาะแสได้ เพิ่มอีกอันหนึ่ง ตอนนั้นที่หลินซินเหยียนถูกปล้น ผู้ชายที่เสียชีวิต ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์คนนั้น ลูกพี่ลูกน้องของเขามีส่วนร่วม กับเรื่องนี้ด้วย เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาได้หลบหนีกลับไปที่บ้านเกิด ของเขา ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาได้ส่งคนออกไปตามหาแล้ว
ส่วนเบาะแสอื่นๆพวกเขากำลังตามหาอยู่
เพลง–
จู่ๆก็มีเสียงของตกแตกดังขึ้นมาจากด้านนอก บ้านและเงิน เผยชวนหันมองไปที่ประตูพร้อมกันทันที ส่วนจงจึงห้าวที่ยืนเหม่อ อยู่ตรงบานหน้าต่างที่สูงจรดเพดานก็หันมามองช้าๆ
เสิ่นเผยชวนเดินไปเปิดประตูออกก็เห็นว่าหลินซินเหยียนกำลัง นั่งยองๆเก็บเศษแก้วกาแฟที่ตกแตกอยู่ที่พื้น เมื่อเธอหน้ามืด ไปแถมยังเวียนหัวมากๆด้วย ถาดกาแฟที่ถือมาจึงหลุดมือตกลง ไปบนพื้น น้ำกาแฟสาดกระจายเต็มพื้นไปหมด แม้แต่ที่กระโปรง ของเธอก็มีคราบกาแฟสีดำเปื้อนอยู่ด้วย
หลินซินเหยียนก้มหน้าลงได้ยินป้าหนูบอกว่าพวกคุณอยู่ใน ห้อง ฉันก็เลยอยากจะชงเครื่องดื่มให้พวกคุณดื่มสักหน่อย แต่ สุดท้ายไม่ทันระวังก็เลยทําตกแตกจนหมด”
เธอเก็บเศษแก้วด้วยท่าทีรีบร้อนทำให้เธอไม่ทันระวังจึงถูกเศษแก้วที่แหลมคมบาดเข้าที่นิ้ว มันเกิดเป็นรอยแผลเล็กๆ สัก พักเลือดก็ไหลออกมา
เสิ่นเผยชวนเป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุดตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บจึง ยื่นมือออกไปช่วยประคองเธอ ทันใดนั้นเองจงจึงห้าวก็เดินเข้า มา เสิ่นเผยชวนก้าวเข้าไปจับมือเธอแล้วโอบไหล่ประคองเธอลุก ขึ้น เลือดยังคงไหลออกจากแผลของเธออยู่
หลินซินเหยียนเงยหน้ามองเขา “ฉันนี่มันนับวันยิ่งไร้ประโยชน์ จริงๆ อะไรก็ทำไม่ได้
เขาก้มมองที่แผลที่นิ้วมือของเธอ จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็ก น้อยพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา ป้าหนูไปเอากล่อง ปฐมพยาบาลมาให้หน่อย
พอได้ยินที่จงจึงห้าวพูด ป้าหนูที่กำลังหยิบไม้ถูพื้นกับถังขยะ เพื่อเอามาทําความสะอาดก็รีบทิ้งของในมือแล้ววิ่งไปเอากล่อง ปฐมพยาบาลทันที
หลินซินเหยียนหันกลับไปมองป้าหยู หนูไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้อง เอากล่องปฐมพยาบาลมาหรอก”
แผลเล็กนิดเดียวไม่เห็นจำเป็นต้องใช้กล่องปฐมพยาบาลเลย จงจิ่งห้าวมองเธอด้วยท่าทีสุขุม ละนิ่งมาก
เธอหันกลับมาสบตากับเขา และแสร้งทำเป็นยิ้มออกมาแผล นิดเดียวเอง แทบจะไม่ต้องฆ่าเชื้อหรือเย็บแผลเลยด้วยซ้ำ คุณ ให้ป้าไปเอากล่องปฐมพยาบาลมา เดี๋ยวพวกเขาก็ฆ่าตายหรอก…….
ทันทีที่เธอพูดจบ จู่ๆเขาก็งับนิ้วของเธอเข้าปาก แล้วปล่อยให้ เลือดจากแผลของเธอไหลอยู่อย่างนั้น หลินซินเหยียนเบิกตา โพลงมองเขา” คุณ…….
เขาใช้ปลายลิ้นกดลงที่ปากแผลบนนิ้วมือของเธอ สัมผัสที่นุ่ม และชุ่มชื้นนี้ทำให้เธอสั่นไปทั้งตัว
ตรงนี้มีคนอยู่ตั้งเยอะแยะ เธอพยายามอดทนไว้อย่างสุด ความสามารถ คิ้วของเธอนี่แทบจะขมวดเป็นขึ้นเป็นปมแล้ว
เส้นเผยชวนก้มหน้าลงพลางเอามือลูบจมูกไปมา จากนั้นก็ดึง ซูจ้านเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้นเบาๆ “พวกเราไปข้างนอกกันเถอะ”
ป้าหนูที่กำลังไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาไม่รู้ว่าควรจะเข้าไป
ดีรึเปล่าจึงยืนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เส้นเผยชวนเดินมาตบบ่าเธอ
เบาๆ “ไม่ต้องใช้แล้ว”
“จริงด้วย”ป้าหยูเอากล่องปฐมพยาบาลกลับไปวางไว้ที่เดิม
ที่หน้าประตูห้องหนังสือ หลินซินเหยียนมองไปที่เขา ความเข้ม แข็งที่เธอสร้างขึ้นมาพังทลายลงอย่างไม่มีชิ้นดี น้ำตาเริ่มเอ่อล้น ออกมา ในใจเป็นคนอบอุ่นมากแท้ๆ แต่ต่อหน้ากลับแสร้งทำ เป็น “คุณทําผมขายหน้าแล้ว พวกเขาคงกำลังพวกเราอยู่ แน่ๆ”
จงจิ่งห้าวไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรกับท่าทางของเธอ แต่เมื่อรู้สึก ว่าเลือดคงไม่ไหลออกมาอีกแล้วถึงได้ผละออก เขาพาหลินซินเหยียนเข้าไปในห้องหนังสืออย่างเงียบๆ จากนั้นก็ดึงทิชชู่ออกมา เช็ดที่มือของเธอ
หลินซินเหยียนทําท่าจะขัดขืน ทว่ากลับถูกเขาจับไว้แน่น อย่า
ดิน”
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดแหย่เธอออกไปไม่เจ็บสักหน่อย คุณจะ
ร้องไห้ทำไมเนี่ย?
“ใครบอกว่าไม่เจ็บ เธอเริ่มร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ เดิมก็กลั้น ไว้ไม่ได้อยู่แล้ว พอรู้ความจริงเข้า เธอก็เลยกลัวที่จะเผชิญหน้า กับเขา
ยิ่งเขาเป็นห่วงมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวด มากกว่าเดิม
รู้ไหมว่าเธอทำใจไม่ได้
ทันใดนั้นเธอก็เขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วกอดคอเข้าไว้ จากนั้นก็ ประทับริมฝีปากลงไป ริมฝีปากของเขาค่อนข้างเย็นนิดหน่อยแต่ ว่ามันนุ่มมาก แถมยังมีกลิ่นคาวเลือดบางๆ ซึ่งมันก็คือของเธอ นั่นเอง
หลินซินเหยียนจูบเขาโดยที่เธอเองก็ไม่ได้ชำนาญในการจูบ มากนัก เธอเริ่มรุกเขาหนักขึ้นไปเรื่อยๆ
ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจของกัน และกันได้ เธอหลับตาลง หยดน้ำตารินไหลออกมาตามขนตา ของเธอ
จงจิ่งห้าวประคองใบหน้าของเธอไว้ จากนั้นก็ใช้ปลายนิ้วปาด เช็ดคราบน้ำตาที่ติดอยู่ตรงหางตาของเธอออกแล้วเอ่ยขึ้นอย่าง อ่อนโยน คุณเป็นอะไร? ”
เธอสูดจมูกแล้วหลบตาลง แค่จูบคุณแค่นี้ก็ต้องมีเหตุผลด้วย หรอ? *
จงจึงห้าวอุ้มเธอมานั่งแล้วโอบเอวเธอไว้ วันนี้ไปไหนมา? ไป เจอใครมารึเปล่า?”
หลินซินเหยียนเอนตัวซบลงที่อกของเขาแล้วกะพริบตา
ปริบๆ ไปร้านเสื้อผ้ามา
“แค่นี้เองหรอ? “จงจึงห้าวเลิกคิ้วขึ้น เนื่องจากวันนี้เขาได้รับ โทรศัพท์จากโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าเธอไปตรวจร่างกาย และเธอก็มีไข้นิดหน่อย แต่ว่าทารกในครรภ์มีพัฒนาการดีมาก และอาการก็คงที่มากๆด้วย เพราะงั้นนี่ก็เป็นข่าวดีนี่นา
แล้วทำไมเธอถึงต้องโกหกล่ะ? หรือว่าตอนที่ไปโรงพยาบาล จะเจอจวงจื่อจีนเข้าให้แล้ว
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วโอบหัวหลินซินเหยียนเข้าไป ซุกในอกพร้อมกับคลำที่หน้าผากเธอ โชคดีที่มันไม่ร้อนมาก จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง คุณคิดแค่เรื่องลูกของเราก็ พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นอย่าไปคิดมากเลย อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้หรอก”
จงจิ่งห้าวนึกว่าที่เธอสูญเสียการควบคุมตัวเองไปนั่นเป็น เพราะเธอรู้เรื่องจวงจื่อจิ่นเข้า ดังนั้นก็เลยพูดออกมาแบบนี้
หลินซินเหยียนรับรู้ได้ว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร แต่เธอก็ไม่ได้ อธิบายให้เขาฟัง เธอเงยหน้ามองเขา”พรุ่งนี้คุณว่างไหม พวกเรา ไปเปลี่ยนนามสกุลของเด็กๆกันเถอะ”
เธอไม่ได้นามสกุลหลิน เพราะงั้นเธอไม่อาจปล่อยให้ลูกใช้ นามสกุลหลินตามตัวเองได้
อีกอย่างจงจึงห้าวเป็นพ่อของพวกเขา ดังนั้นควรจะเปลี่ยนไป
ใช้นามสกุลของเขา
เขาก้มมอง “หม ทำไมอยู่ๆดีถึงคิดจะเปลี่ยนนามสกุลล่ะ? เขาโอบเอวเธอแน่นขึ้นอีก “พวกเราเป็นสามีภรรยากัน คุณและ ผมต่างก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
หลินซินเหยียนกลัวว่าตัวเองจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้ เธอจึง เอาหน้าซุกเข้าไปในอกเขาแล้วกดเสียงต่ำลง พยายามทำให้ดู ผ่อนคลายมากที่สุด เพื่อให้คนฟังรู้สึกว่ามันปกติ การที่ให้ลูกใช้ นามสกุลตามพ่อนั้นเป็นธรรมเนียมของประเทศนั้น อีกอย่างพวก เขาก็ใกล้จะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาแล้ว ฉันไม่อยากให้มีคนมา เถียงหรือว่าเดากันเรื่องตัวตนของพวกเขา”
ที่เธอพูดมาก็มีเหตุผล
จงจิ่งห้าวทำท่าทางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จงเฉินก็ฟังดูไม่ค่อย เพราะเลย”
“คุณตั้งชื่อให้พวกเขาใหม่สิ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาพวกเขาไป เปลี่ยนที่สถานีตำรวจท้องถิ่น”เธอเอาหน้าแนบกับหน้าอกเพื่อฟัง เสียงหัวใจที่เต้นขึ้นลงอย่างแข็งแรงและมีพลังของเขา เธอสูดดมกลิ่นบนร่างกายของเขาไปทั่ว
เพราะในอนาคต —เธออาจไม่มีโอกาสนี้แล้ว
จงจึงห้าวหยิบปากกาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา แล้วถอดปลอก ปากกาออกด้วยนิ้วเดียว จากนั้นก็หยิบกระดาษ4 ออกมาแผ่น หนึ่ง ปลายปากกาจรดลงบนกระดาษสีขาวนวล เขาพูดพิมพ์ ออกมา ผมนามสกุลจง……
ลายมือของเขาสวยงามและทรงพลังมาก เขาขีดเขียนตัว อักษรลงบนกระดาษไม่กี่คำ “ผมจะคงตัวอักษรเดิมไว้ จากนั้นก็ ใส่ชื่อของคุณไว้ตรงกลาง…….
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ