กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 466 การเจอกันครั้งสุดท้าย



บทที่ 466 การเจอกันครั้งสุดท้าย

หลี่จึงคิดไม่ถึงเลยว่าหลินซินเหยียนจะมาหาถึงบ้าน แต่ก็เห็น แก่ความสัมพันธ์ของเธอกับจงจิ้งห้าว เธอจึงให้การต้อนรับอย่าง อบอุ่นเหมือนเดิม

“มาคนเดียวหรอ? “หลี่จึงถาม

หลินซินเหยียนตอบลืมออกไป

“ใครมันมาหาเวลานี้กัน……”เหวินซึ่งเดินออกมาจากห้อง หนังสือ ทว่าพอเห็นหลินซินเหยียนจึงชะงักคำพูดลงทันที

สีหน้าเขาเปลี่ยนไปราวกับว่าแปลกใจเหมือนกันที่เธอมาหา

ถึงบ้าน เขาเหลือบมองไปที่ข้างหลังเธออย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อไม่

เห็นจงจิ่งห้าว เขาจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

“มาทําไม? “เขาถามด้วยท่าทีเฉยชา

หลินซินเหยียนยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนพร้อมกับมองจ้อง ไปที่เขาโดยไม่พูดไม่จา

ผู้ชายคนนี้มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเธอมากมายหลาย อย่าง แทนที่เธอจะรู้สึกดีใจหรือตื่นเต้นที่ได้เจอญาติ

ทว่ามันกลับมีแต่ความรู้สึกห่อเหี่ยวที่หลงเหลืออยู่ในใจเพียง

เท่านั้น
เหวินชิงถูกจ้องเขม็งจนรู้สึกอึดอัด เขาจึงละสายตาออกจาก เธอมองฉันขนาดนี้มีอะไรรึเปล่า? ”

เธอยังคงไม่ละสายตาออก แต่กลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ พยายามข่มอารมณ์เอาไว้”ฉันขอคุยกับคุณซักครู่หน่อยได้ ไหม?

เหวินซึ่งทำหน้าบึง”เขาสั่งให้เธอมาหรอ? ” เขานึกในใจว่าจงจึงห้าวคงสั่งให้เธอมาคืนดีกับเขา เมื่อคิดแบบนี้เขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ไม่ใช่ เขาไม่รู้ว่าฉันมา

เหวินชิงขมวดคิ้วแล้วทำสีหน้าเยือกเย็นขึ้นมาเล็ก น้อย ระหว่างฉันกับเธอมีอะไรให้ต้องคุยกันอีก”

“คุณกับฉันเป็นศัตรูกันหรอ? จะคุยกันสักสองสามประโยค มันจะเป็นไรไป”จู่ๆความรู้สึกสงบในจิตใจก็เหมือนถูกคลื่นลูก ยักษ์โหมซัดเข้ามา มันไม่ใช่เพราะความเย็นชาของเหวินชิงที่ ทําร้ายจิตใจของเธอ แต่มันเป็นเพราะสายสัมพันธ์ในครอบครัว ที่ซับซ้อนนี้ต่างหากที่มันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ

เหวินชิงเม้มปากแน่นแล้วนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา

หลี่จิ้งยิ้มร่าพร้อมกับเดินเข้ามาในวงสนทนา จากนั้นก็ดึงชาย เสื้อของเหวินชิงเบาๆ เธอก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล บางทีอาจจะมี เรื่องที่จําเป็นต้องคุยกับคุณก็ได้ นี่คุณจะเห็นเธอเป็นศัตรูจริงๆ หรอ? ”
ใบหน้าที่วิ่งตึงของเหวินซิงเริ่มคลายลง หลี่จิ้งลากเขาไปที่ ห้องหนังสือ จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับหลินซินเหยียน เธอก็เข้า มาด้วย ”

เธอกเหวินซิงนั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็พูดขึ้นเบาๆ “นี่คุณจะไม่ สนใจจงจึงห้าวแล้วจริงๆหรอ? เขาเป็นลูกคนเดียวของน้องสาว คุณนะ อยากจะตัดความสัมพันธ์กับเขาจริงๆหรอ? ฉันรู้หรอกว่า คุณไม่อยาก เพราะงั้นถ้าไม่อยากก็เลิกทำหน้าแบบนี้สักที เดี๋ยว เกิดทะเลาะกันใหญ่โตอีก คนที่เสียใจก็คงเป็นคุณนั่นแหละ

หลี่จิ้งเข้าใจสามีตัวเองดี ดังนั้นจึงพูดจุดอ่อนเขาได้ทุก ประโยค ในที่สุดสีหน้าของเหวินซึ่งก็โอนอ่อนลง เขาเงยหน้า มองภรรยา คุณออกไปก่อน

เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าหลินซินเหยียนมีอะไรจะพูดกับเขา ถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่

หลี่จิ้งตบไหล่สามีเบาๆ จากนั้นก็หันไปยิ้มให้หลินซินเห ยียน”เอาเครื่องดื่มอะไรไหม? ”

หลินซินเหยียนส่ายหน้า”ไม่เป็นไร

“ถ้างั้นเชิญนั่งตรงนี้ได้เลย หลี่จิ้งลากเก้าอี้มาไว้ที่ข้างหลังเธอ

หลินซินเหยียนเอ่ยขอบคุณแล้วนั่งลง ระหว่างเธอกับเหวินซึ่งมี โต๊ะชาทรงสี่เหลี่ยมวางขวางอยู่ หลี่จึงเดินออกจากห้องหนังสือ ไปพร้อมกับปิดประตูลง

“ว่ามาสิ มีเรื่องอะไรจะคุยกับฉัน”เหวินชิงเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน
เธอเม้มปากลงพลางมองไปที่เหวินชิงด้วยท่าที่จริงจัง ฉันกับ คุณเราไม่ใช่ศัตรูกัน แม้แต่ในอนาคตก็ไม่ใช่

เมื่อสบตาเธอเหวินซิงก็อึ้งไปนิดหน่อย จากนั้นก็รู้สึกไม่ สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะมีคำถามอยากจะถามคุณ และก็หวังว่า คุณจะตอบฉันมาตามความจริงเธอมองสำรวจเขาด้วยแววตาที่ ประหม่าและหวาดกลัว

เธอกลัว กลัวว่าการตายของเฉิงซิ่วจะเกี่ยวข้องกับเขา

โดยตรง

แต่ไม่ว่าคำตอบที่ออกมามันจะมันจะดีหรือร้าย เธอก็ไม่อาจ หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าได้

เธอไม่มีทางเลือก เธอเอ่ยขึ้นเสียงสั่นเล็กน้อย คุณเป็นคนฆ่า

เฉิงยูซิ่วใช่ไหม?

เหวินชิงไม่พูดไม่จาเอาแต่มองเธอ จากนั้นก็หรี่ตาลง นี่คือสิ่ง

ที่เธอจะถามหรอ? ”

หลินซินเหยียนพยักหน้า แล้วตอบออกไปอย่างแน่วแน่เพื่อ เป็นการยืนยัน”ใช่”

หลังจากนั้นไม่นานเหวินชิงถึงได้เอ่ยขึ้น”ใช่” เมื่อได้ยินคำตอบของเหวินซิง เธอก็พบว่าที่จริงตัวเองนั้นอ่อนแอมาก เธอรีบก้มหน้าลงเพื่อปกปิดความเจ็บปวดจากการที่ ต้องเผชิญหน้ากับความจริงอย่างฉับพลัน

เธอกัดริมฝีปากไว้แน่นพลางกลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดชีวิต เธอเคยนึกถึงสถานการณ์ในทางที่เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว แต่ว่าพอได้เจอเข้าจริงๆถึงได้รู้ว่าเธอไม่อาจทำใจยอมรับมัน ได้เลย

เธอไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปเจอจงจึงห้าวได้ยังไง และไม่รู้ว่าจะ มีหน้าไปเจอเฉิงซิ่วที่พึ่งเสียไปได้ยังไง เธอจะต้องรู้สึกยังไงหรือ ทําหน้าแบบไหนกันหรอ

“เมื่อก่อนฉันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับจงจึงห้าวเป็น พรหมลิขิตที่สวรรค์กำหนดไว้ จนกระทั่งตอนนี้ฉันถึงได้รู้ว่า นี่มัน ไม่ใช่พรหมลิขิต มันคือเวรกรรม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของ คนในครอบครัวเธอทั้งนั้น

ทั้งแม่ของเธอ และคุณลุง…….

เธอเงยหน้ามองเหวินชิงช้าๆ แม้จะใช้แรงทั้งหมดที่มีพยายาม ขมร่างกายที่สั่นเทิ้มไว้แต่มันก็ไม่อาจควบคุมได้ เธอเริ่มหายใจ ลำบากจึงใช้มือจับพนักเก้าอี้ไว้แน่น เส้นเลือดผุดขึ้นมาที่หลัง ฝ่ามือ อย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกได้ว่าเธอพยายามอดทนอดกลั้นไว้ อย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ เธอฝืนยิ้มออกมา มันเป็นรอย ยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้า “ถ้าเกิดว่าเลือกได้ ฉันก็ขอไม่มีส่วน เกี่ยวข้องกับตระกูลเหวินอย่างเด็ดขาด”
เธอผ่อนคลายลง แม้แต่ในวันข้างหน้าด้วย

“นี่ นี่เธอหมายความว่ายังไง เธอจะเกี่ยวข้องกับตระกูลเหวิน ได้ไง? “น้ำเสียงของเหวินซึ่งแสดงถึงความกังวลออกมาโดย ไม่รู้ตัว

หลินซินเหยียนหยิบจดหมายในกระเป๋าออกมา แต่ก่อนที่จะ ยื่นให้เหวินซิง เธอก็เอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง ฉันยังไม่ได้เปิดอ่าน และ ไม่รู้ด้วยว่าข้างในเขียนอะไร แต่ไม่ว่าข้างในจะเขียนอะไร ฉันก็ หวังว่าคุณกับฉันจะไม่เกี่ยวข้องกัน

พูดจบเธอก็เอาจดหมายฉบับนั้นวางลงบนโต๊ะ

“ฉันหวังว่าจะไม่ได้เจอคุณอีก และหวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ที่เราเจอกัน”

พูดจบเธอก็รีบเดินอ้าวออกจากห้องหนังสือไป หลี่จิ้งที่ กำลังเตรียมข้าวเย็นอยู่อยากให้หลินซินเหยียนอยู่ทานด้วย จาก นั้นก็ให้เธอเรียกจงจึงห้าวมา แบบนี้พวกเขาจะได้กลับมาคืนดี กันเร็วๆ

“เธอโทรเรียกจงจึงห้าวมาทานข้าวเย็นที่นี่ด้วยสิ”หลี่จิ้งพูด ขึ้นเพื่อแสดงน้ำใจ

หลินซินเหยียนไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เธอเหมือนกับ หุ่นกระบอกที่ถูกเชิด ให้เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอคิด แค่ว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ขณะที่เดินมาถึงหน้าประตู หลี่จ้านก็เข้ามาพอดี เขารีบเดินเข้ามาหา ทำไมมาคนเดียวล่ะครับ..……..

เธอมองไปยังคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ ร่างที่อยู่ตรงหน้า เริ่มเลือนราง…….แสงสว่างที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆริบหรี่ ตัวเธอก็เริ่ม เดินโซเซไปมา

เมื่อเห็นหลินซินเหยียนเดินโซเซไปมาเหมือนกับจะล้มลง หลี่ จ้านก็รีบวิ่งเข้ามาประคองทันทีที่เธอเซล้มลง

เหนื่อย เหนื่อยมาก เธอเงยหน้ามองคนที่กำลังอุ้มเธออยู่ช้าๆ สายตาของเธอยังคงพร่าเลือน เสียงของเธอก็ดูอิดโรย มาก ทำไมถึงกลับมาล่ะ?”

“ผมเป็นห่วงคุณ พ่อผมทำอะไรคุณรึเปล่า? “หลี่บ้านดูท่าทาง โมโหมาก มากจนแทบจะพุ่งตัวเข้าไปทะเลาะกับเหวินซิงให้ได้ ยังไงยังงั้นเลย

หลินซินเหยียนดึงชายเสื้อเขาไว้พลางส่ายหน้าไม่ได้ทำ อะไร”ร่างกายของเธออ่อนล้าเหมือนกับถูกสูบพลังออกไปหมด ขาทั้งสองข้างก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เธอพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้าย เบังคับให้ตัวเองลุกขึ้น”ช่วยฉันหน่อย”

“ครับ”หลี่จ้านดูออกว่าเธออิดโรยมากจึงถามขึ้นด้วยความ กังวลไปโรงพยาบาลไหมครับ?

เธอส่ายหน้าปฏิเสธประคองฉันไปที่รถ

เธอต้องการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูแรงที่เสียไป เธอจะกลับบ้านไป สภาพนี้ไม่ได้
ไม่อยากนั้นคนอื่นจะดูออกว่าเธอไม่ปกติ หลี่จานทนดูต่อไปไม่ไหวจึงอุ้มเธอเดินไปที่รถ

บอดี้การ์ตเปิดประตูออก หลี่บ้านก็โน้มตัวลงแล้ววางเธอลงที่ เบาะรถ

จากนั้นก็ขึ้นมานั่งด้วย เพราะเป็นห่วงเธอ

หลินซินเหยียนหลับตาลงพลางยกมือขึ้นมานวดขมับไปด้วย เธอกำลังพยายามยื้อสติตัวเองไว้ เธอเอ่ยกับบอดี้การ์ดออก ไปเอาน้ำมาให้ฉันหนึ่งขวด

เนื่องจากในรถมีน้ำอยู่แล้ว บอดี้การ์ดจึงเอื้อมมือไปหยิบแล้ว ยื่นให้เธออย่างรวดเร็ว เธอเปิดฝาออกแล้วดื่มไปหลายอีก คอที่ แห้งผากเริ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นมานิดหน่อย เธอลืมตาขึ้นแล้ว มองไปที่หจ้าน”ฉันต้องกลับแล้ว”

“คุณกับพ่อของผมไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆหรอ? “ไม่ใช่ว่าหล จ้านไม่เชื่อในสิ่งที่หลินซินเหยียนพูด แต่เนื่องจากสภาพเธอดูไม่ ค่อยดีนัก แถมยังมาเป็นแบบนี้หลังจากก้าวออกมาจากบ้าน ตระกูลเหวินอีก เขาเลยอดไม่ได้ที่จะคิดว่าต้องมีเรื่องร้ายๆเกิด ขึ้นแน่ๆ

หลินซินเหยียนส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง มันจะค่ำแล้ว ฉัน ควรกลับได้แล้ว”

เมื่อเธอพูดอย่างนี้ หลี่จ้านจึงทำได้แค่เดินลงรถไป เขาไม่อาจ ตามหลินซินเหยียนไปที่คฤหาสน์ได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าที่ไหนเป็นเจอจงจึงห้าว

เขาเดินลงรถไปพร้อมกลับปิดประตูให้เรียบร้อย

“ไปเถอะ”หลินซินเหยียนเอ่ยปากสั่งด้วยท่าทีนิ่งเฉย

บอดี้การ์ดจึงสตาร์ทรถแล้วขับออกไป

ไม่นานรถก็มาหยุดอยู่ที่คฤหาสน์ เธอไม่ได้รีบลงรถ ทว่ากลับ ตบหน้าตัวเองเบาๆเพื่อให้ดูมีเลือดฝาดขึ้นมาพอให้รู้สึกว่า สามารถเผชิญหน้ากับทุกคนได้ จากนั้นถึงเปิดประตูลงจากรถ

ตอนที่ลงจากรถแล้ว เธอก็เห็นว่ามีรถอีกสองคันจอดอยู่ที่ลาน หน้าบ้าน


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ