บทที่ 449 ให้ฉันกอดสักพัก
จงจิ่งห้าวเชยตามองเธอ ความรู้สึกและความทุกข์ที่อธิบายไม่ ได้กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในใจ
ตอนนี้ที่เธอต้องการความช่วยเหลือ เขากลับไม่ได้อยู่ข้างๆ
เธอ
เวลานั้น เธอคลอดพวกเขาคนเดียว ต้องลำบากมากแน่ๆ
มือที่ทำไว้ของหลินลี่ย ค่อยๆ คลายออก
น้ำเสียงของหลินซินเหยียนอ่อนโยนกว่าเดิม “ต่อให้อนาคต หม่ามีมีทารกน้อยอีกมากมาย แต่ว่าเสี่ยวลุ่ยและเสี่ยว ไม่มี ใครแทนที่ได้ พวกว่ามีพวกหนู ถึงจะมีฉันในตอนนี้
เด็กผู้หญิงสะอึกแล้วหันไปมองเธอ
หลินซินเหยียนยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ นิ้วมือลูบใบหน้า ของเธอเบาๆ “เสี่ยวลุ่ย เป็นลูกรักของหม่าม หม่าอยากให้เธอ เติบโตอย่างมีคุณภาพ หม่ามีหวังให้เธอเป็นเด็กที่เข้มแข็ง กล้า หาญ เพราะว่าแด๊ดดี้และหม่าไม่สามารถอยู่กับหนูตลอดไป โลกนี้วิเศษมาก และมีหลายทาง หนูต้องเดินด้วยตัวเอง หม่ามี รักหนู ดังนั้นจึงเข้มงวดกับหนู”
หลินลุยซีปล่อยมือ ลูบท้องน้อยของเธอ เพราะเดือนยังน้อย แทบจะไม่รู้สึก เธอสูดจมูก “ในนี้มีทารกน้อยจริงๆ เหรอคะ?”
หลินซินเหยียนก้มหน้า สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เธอ กอดลูกสาว “ใช่แล้ว เสี่ยวลุ่ยก็อยู่ในท้องของหม่ามีแบบนี้ ค่อยๆ โตทีละนิด
เด็กผู้หญิงสงสัย ยื่นมือไปลูบ ยังคงไม่รู้สึก “อนาคตเสี่ยวลุยจะเป็นพี่สาวแล้ว ทารกน้อยจะเล็กมาก เสียว สุ่ยต้องดูแลถุงจะเติบโต
ใบหน้าของเด็กผู้หญิงแนบลงกับท้องน้อยของหลินซินเหยียน ถูไปมา โดยที่มีเสื้อกันอยู่ “หนูเป็นพี่สาว?”
“ใช่แล้ว หนูเป็นพี่สาว” หลินซินเหยียนยิ้มแล้วลูบผมของ ลูกสาว “เสี่ยวลุยของฉันโตแล้ว จะขึ้นชั้นประถมแล้ว และจะเป็น พี่สาวแล้ว จําได้ว่าตอนที่เสี่ยวลุ่ยเพิ่งคลอด เหมือนหนูตัวเล็ก ค่อยๆ โต หม่ามกลัวจะเลี้ยงไม่ได้
เด็กผู้หญิงกอดเธอแน่น “หม่ามี
“ยังจําได้หรือเปล่าว่าตอนเด็กๆ เธอกินอะไร?” หลินซินเหยีย นกุมใบหน้าของลูกสาว มองเธอ “จำได้ไหม?”
เด็กผู้หญิงพยักหน้า “จำได้ค่ะ” “แล้วรู้ไหมว่าพี่ชายกินอะไร?”
“รู้ค่ะ เสี่ยวลุยรู้ หม่ามกลัวเสี่ยวลุยกินไม่อิ่ม เอานมให้เสียว ลุ่ยกิน พี่ได้กินแค่นมผง
“งั้นหนูว่า หม่ามีรักหนูหรือไม่?”
เด็กผู้หญิงซุกอยู่ในอ้อมกอดของเธอไม่พูด สะอึกเบาๆ
“ขอโทษค่ะ…….
“เสี่ยวลุยไม่ผิด ฉันรู้ว่าเสี่ยวลุยห่วงอะไร ไม่ว่าจะเป็นหม่ามี หรือแด๊ดดี้ หนูล้วนเป็นลูกรักของพวกเรา ไม่มีใครแทนที่ได้
เด็กผู้หญิงกอดแขนของหลินซินเหยียนแน่นกว่าเดิม
ก๊อกๆ
เฉิงซิ่วเคาะประตู เธอยืนอยู่หน้าประตู อาหารค่ำเรียบร้อย แล้ว ออกมากินข้าวเถอะ”
หลินซินเหยียนอุ้มลูกสาว “ได้แล้ว ห้ามร้องไห้อีกแล้ว เสี่ยว ลุยร้องไห้ขึ้นมาจะไม่สวยนะ
หลินลุยซีเช็ดหน้า “หม่ามีปล่อยหนูลง หนูไม่อยากให้ทารก
น้อยจากไป”
หลินซินเหยียนยิ้ม หอมแก้มลูกสาว “หม่ามีจะระวัง แต่ก็อยาก อุ้มเสี่ยวลุ่ย เสี่ยวลุยโตแล้ว ฉันเกือบอุ้มไม่ไหวแล้ว ตอนนี้ยังอุ้ม ได้ ต้องอุ้มเยอะๆ”
เด็กผู้หญิงซบไหล่ของเธอ รู้สึกมีความสุขมาก หม่ามีรักเธอ จงจิ่งห้าวโอบเอวของเธอ พูดกำชับ “เธอช้าๆ หน่อย” หลินซินเหยียนลืมหนึ่งคำ
เฉิงยู่ซิ่วก็อกสั่นขวัญแขวน สัญญาณของการแท้งบุตรสามารถ ปรากฏขึ้นอีกครั้งได้อย่างง่ายดาย ตามเธอ ก็เพราะกลัวเกิดอุบัติเหตุ
ระยะทางจากห้องหนังสือถึงห้องอาหารไม่ไกลมาก แต่หัวใจ ของจงจึงห้าวตระหนักอยู่ตลอดเวลา หมอสั่งไว้ว่าไม่ให้เธอ ลงพื้นแล้วเดิน แต่เธอกลับไม่ใช่แค่ลงมาเดิน ยังอุ้ม ‘เจ้าลูก ชิ้น อีก แม้หลินลุยจะไม่อ้วนมาก แต่ก็หนักสิบกว่ากิโล
ถึงห้องอาหาร จงจึงห้าวรับลูกสาว วางเธอลงบนเก้าอี้
หลินเฉินวาง โน้ตเพลงลง เดินมานั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง ถาม “เปียโนบ้านเราใครเป็นคนเล่นเหรอครับ?”
หลินซินเหยียนหันไป ตอบลูกชายด้วยรอยยิ้ม “เปียโนของฉัน เอง”
“หม่ามี้เล่นเปียโนเป็นด้วยเหรอครับ?” หลินซีเฉินเบิกตากว้าง สายตาของหลินลุยซีก็เต็มไปด้วยความคาดหวัง เสียงยังคง แหบจากที่ร้องไห้ “หนูไม่เคยเห็นหม่ามี้เล่นเปียโนเลย”
“เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ หม่ามีเล่นให้พวกหนูฟัง” หลินซินเหยียน ไม่อยากให้ลูกทั้งสองคนคิดว่าพวกเขาถูกเมินเฉยเพราะตัวเอง ตั้งครรภ์
และตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็อยู่แต่ในบ้าน
“ว้าว ได้เห็นหม่ามีเล่นเปียโน” เด็กทั้งสองดีใจมาก จงจึงห้าวหยิบทิชชูเปียกมาเช็ดหน้าให้ลูกสาว เต็มไปด้วย คราบน้ำตา
เด็กผู้หญิงหัวเราะแฮะๆ “แต้ดดี้”
สำหรับลูกสาวเขาไม่สามารถพูดอะไรตำหนิเธอได้
เฉิงซิ่วทำซุปกระดูกใหญ่ให้หลินซินเหยียนโดยเฉพาะ ใช้ไฟ อ่อนต้มสามชั่วโมงกว่า น้ำซุปมีสีขาวข้นและมีกลิ่นหอม ไม่ได้ใส่ วัตถุดิบอะไรมาก และไม่ได้ใส่เครื่องปรุงรสที่มาก ซุปต้นตำรับ
ป้าหยกถ้วยมา เฉิงซิ่วตักซุปให้หลินซินเหยียน “อันนี้เสริม แคลเซียม เธอดื่มเยอะหน่อย มิฉะนั้นถ้าหลายเดือนแล้ว จะมีการ เป็นตะคริวที่ขาได้
เธอนำซุปที่ตักเสร็จวางไว้ด้านหน้าหลินซินเหยียน
ป้าหยูยกอาหารมาวางบนโต๊ะ ได้ยินคำพูดของเฉิงซิ่ว ถาม ด้วยรอยยิ้ม “คุณรู้ได้ยังไงว่าถ้าหลายเดือนแล้วจะมีการเป็น ตะคริวที่ขา?”
เฉิงซิ่วแต่งงานกับจงฉีเฟิง บอกกับภายนอกว่าไม่เคยคลอด
ลูก
ผู้หญิงที่ไม่เคยตั้งครรภ์ รู้ได้อย่างไรว่าภายหลังจะเกิดตะคริว ที่ขา?
เฉิงซิ่วชะงัก คิดไม่ถึงว่าป่าหยูจะถามอย่างกะทันหันแบบนี้ ไม่รู้ควรตอบอย่างไรในเวลาทันที
ดีที่หลินซินเหยียนตอบสนองเร็ว “ฉันบอกเธอ ตอนที่ฉันท้อง เสี่ยวลุ่ยและเสี่ยวซีมีการเป็นตะคริวที่ขา
“อ่อ” ป้าหยูก็ไม่สงสัยอะไร เดิมทีก็เคยถามเฉยๆ
เฉิงซิ่วเผยรอยยิ้มที่แข็งทื่อ “ใช่ เหยียนเหยียนเคยบอกฉัน
จงจิ่งห้าวพิงเก้าอี้ ค่อยๆหลุบตาลง บดบังความซับซ้อนที่พุ่ง ออกมาจากใจ ขณะนี้เฉิงยู่ชั่วนำอาหารที่จงจึงห้าวชอบกินวางไว้ด้านหน้า
ของเขา ราวกับว่ามันเกิดขึ้น โดยไม่รู้ตัว
อาหารครบแล้ว เธอนั่งลงข้างๆ หลินลุยซี ตักอาหารให้หล่อน “ตอนนี้เสี่ยวลุยกินเองได้แล้ว ก่อนหน้านี้ยังให้คนป้อนอยู่เลย
หลินซินเหยียนยิ้ม “เสี่ยวลุ่ย โตแล้ว”
เหมือนได้รับคําชม เด็กผู้หญิงอารมณ์ดีมาก “หนูจะเป็นพี่สาว หนูก็ต้องโต อนาคตหนูจะป้อนข้าวให้น้อง
เฉิงซิ่วหัวเราะแล้ว เด็กคนนี้เมื่อกี้ยังหวงอยู่เลย ตอนนี้ก็หาย
แล้ว
“ให้หมากิน ท่านต้องกินเยอะๆ ให้ทารกน้อยโตไวๆ” เด็กผู้ หญิงตัดกุ้งที่เฉิงซิ่วตักให้วางไว้ในถ้วยของหลินซินเหยียน
“ว้าว ทำไมรู้สึกว่าแค่แป๊บเดียวเสี่ยวลุ่ยก็โตขึ้นแล้ว?” เฉิง ซิ่วลูบผมของหลานสาวอย่างอ่อนโยน
“เพราะว่าหนูจะเป็นพี่สาวแล้วนี่นา” ตอนนี้เด็กผู้หญิงคาดหวัง กับการเกิดของทารกน้อยแล้ว
นึกถึงความรู้สึกที่เขาเรียกตัวเองว่าพี่สาวจะเป็นอย่างไร
บรรยากาศบนโต๊ะดีมาก หลินซินเหยียนพบว่าจงจิ้งห้าวไม่ ขยับตะเกียบเลย
“นายเป็นอะไร?” หลินซินเหยียนตักอาหารวางบนจานของเขา “นี่เป็นอาหารที่นายชอบ……
เขายกมือขึ้นดูเวลา “ฉันมีนัดตอนแปดโมง พวกเธอกันเถอะ”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องอาหารไปที่ชั้นสอง
หลินซินเหยียนมองนาฬิกาบนกำแพง ตอนนี้เพิ่งเจ็ดโมง แม้ จะมีนัดแต่ตอนนี้ก็เป็นเวลาอาหารค่ำ ต้องหิวแล้ว
“แด๊ดดี้ไม่มีความสุขหรือเปล่าครับ ไม่พบเหรอครับว่าเขาไม่ พูดเลย?” หลินซีเฉินนั่งข้างๆ จงจึงห้าว พบว่าดูเหมือนเขาจะไม่มี ความสุขตั้งแต่คุณย่าบอกว่าหม่ามี้เป็นตะคริว
เฉิงซิ่วก็ไม่อยากอาหารแล้ว เดิมที่รู้ว่าหลินซินเหยียนตั้ง
ครรภ์ เธอดีใจมาก “เพราะฉันอยู่ที่นี่เหรือเปล่า……..
“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ อาจจะเพราะเรื่องของฉัน ค่อนข้างยุ่งยาก ช่วงนี้เขาเป็นแบบนี้ตลอด ฉันไปดูเขา พวกท่านกินก่อน
หลินซินเหยียนลุกขึ้น เธอสวมชุดยาวสีเขียวอ่อน บนเท้าสวม รองเท้าแตะนุ่มๆ เธอค่อยๆ เดิน ฝีเท้าก็มั่นคง
เฉิงซิ่วกำชับอย่างไม่วางใจ “เธอช้าๆ หน่อย หลินซินเหยียนยิ้มให้กับเธอ “ไม่ต้องห่วงค่ะ ไม่เป็นไร พวก ท่านกินก่อน”
เธอเดินถึงชั้นบน เพราะร่างกาย ดังนั้นฝีเท้าจึงเบามาก แทบ จะไม่มีเสียง เธอเปิดประตูเบาๆ
ในห้องไม่ได้เปิดไฟ มีเพียงแสงที่ลอดเข้ามาทางรอยแตกที่ ประตู
เธอเห็นจงจิ่งห้าวนั่งอยู่ขอบเตียง ก้มตัว แผ่นหลังที่กว้าง ตอน
นี้ดูเงียบและเหงา
เธอค่อยๆ เข้ามายืนอยู่ด้านหน้าของเขา ถามเสียงเบา
เธอยังไม่ทันพูด จู่ๆ ก็ถูกเขาดึงมาในอ้อมกอด แขนสองข้าง กอดเอวเธอแน่น ใบหน้าซุกอยู่ที่ท้องของเธอ หลินซินเหยียนตกใจ การกระทำของเขากะทันหันมาก มือทั้ง
สองข้างยกขึ้น
“ให้ฉันกอดสักพัก” เสียงของเขาต่ำมาก อุดอู้ เหมือนมีเรื่อง
ในใจ
แขนของหลินซินเหยียนค่อยๆ วางลง นิ้วเรียวยาวแทรกเข้าไป ในผมของเขา ออกแรงเบาๆ ทำให้ใบหน้าของเขาแนบเข้าใกล้ ตัวเองมากขึ้น
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ