กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่314 มาให้ฉันลองจับท้องเล็กๆ นั่นดูหน่อยซิว่ามันโตขึ้นรึยัง



บทที่314 มาให้ฉันลองจับท้องเล็กๆ นั่นดูหน่อยซิว่ามันโตขึ้นรึยัง

เด็กสองคนนี้แซ่หลินอย่างนั้นเหรอ?

ใช้แซ่ตามใครกัน?

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” น้ำเสียงของเหวินชิงจริงจังขึ้นมาทันที

ลูกใช้แซ่เดียวกับพ่อ ประเพณีแบบนี้เหมือนมันจะซึมซับเข้าไป ในกระดูกแล้ว โดยเฉพาะคนรุ่นก่อนๆ จะยิ่งให้ความสำคัญกับ เรื่องนี้

ทันใดนั้น หลินซินเหยียนก็ยกซุปเข้ามา เธอยังไม่ทันได้วางลง เหวินชิงก็อดไม่ได้ที่จะรีบถามไป “เด็กๆ ใช้แซ่ตามเธอเหรอ?”

เรื่องงานแต่งของจงจิ้งห้าวเขาเคยได้ยินมานิดหน่อย เนื่องจากตอนนั้นจงจึงห้าวไม่ยอมรับ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เล่าเรื่อง ของหลินซินเหยียนให้เขาฟัง ตอนนั้นเขาเองก็ยุ่งมาก จึงไม่ค่อย รู้เรื่องตัวตนและภูมิหลังของหลินซินเหยียนมากนัก

หลินซินเหยียนชะงักและงงไปแบบหนึ่ง คำถามของเหวินชิง นั้นมาได้กะทันหันเกินไป

“เรื่องนี้พูดแล้วมันยาวครับ ถ้าต้องไล่เรียงขึ้นมา ผมนั่นแหละ ที่ทำผิดต่อพวกเธอ ส่วนเรื่องที่ใช้แซ่ตามใครนั้น ผมกลับรู้สึกว่า เธอเป็นคนที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดู ใช้แซ่ตามเธอก็ดีเหมือนกัน ครับ” จงจิ่งห้าวต้องมองออกอยู่แล้วว่าเหวินชิงค่อนข้างติดใจเรื่องนี้ จนถึงขั้นไม่ค่อยชอบใจด้วยซ้ำ

เขาจับมือของหลินซินเหยียนต่อหน้าเหวินชิง ดึงเธอมานั่ง

ข้างๆ

“ตอนที่หย่ากันตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังตั้งท้องอยู่ ต่อมา พอได้รู้…. เหตุการณ์ระหว่างนั้นเขาไม่ได้พูดออกมาอย่าง ชัดเจน เป็นการแสดงออกว่าเรื่องนี้มันเป็นความผิดของเขา แซที่ ลูกๆ ใช้ตอนนี้ เขาก็จะไม่ไปเปลี่ยนมัน

ถ้าหากว่า จะต้องมีใครสักคนที่ใช้แซ่เดียวกับเขา มันก็ต้องมี อีกคน ยังไงหลินซินเหยียนก็รับปากเขาแล้ว

ส่วนเรื่องการแต่งงานและหย่าร้างของจงจึงห้าวนั้น เขาก็ พอได้รู้เรื่องมาบ้าง แต่งงานกันได้ไม่นานก็หย่ากันแล้ว

ดูจากอายุของลูกๆ แล้วมันก็ดูจะเป็นแบบนั้น

“ความอกตัญญูนั้นมีสามอย่าง แต่การไม่มีทายาทถือเป็นเรื่อง ใหญ่สุด ถึงแม้ในตัวของเสี่ยวเฉินจะมีเลือดของแกไหลเวียนอยู่ แต่ว่า การที่ไม่ได้ใช้แซ่เดียวกับแก ต่อไปจะทำยังไงกับฐานะของ เขา? เป็นของตระกูลจงหรือเป็นของตระกูลหลิน?” เหวินซึ่งยังคง รู้สึกว่าเด็กทั้งสองควรเปลี่ยนแ

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจเรื่องที่ ลูกๆจะใช้แซ่เดียวกับแม่ได้

จงจิ่งห้าวกุมมือของหลินซินเหยียนแน่นขึ้นกว่าเดิม ปลายนิ้ว ถูกไถอยู่ที่หลังมือของเธอ จนหลินซินเหยียนต้องหันมามองเขา
เขาไม่ได้มองเธอ ให้เธอมองเห็นเพียงแค่ใบหน้าด้านข้าง เปี่ยมด้วยความมั่นใจของเขาเท่านั้น เมื่อมองจากมุมนี้ขนตาของ เขานั้นช่างเด่นชัดเหลือเกิน

เสียงของเขาแผ่วเบา แต่กลับให้ความรู้สึกที่หนักแน่น “เรา สองคนเป็นสามีภรรยากัน เป็นดั่งคนคนเดียวกันครับ”

เหวินซึ่งรู้สึกห่อเหี่ยว “พ่อ…….

“พ่อของแกว่ายังไงบ้าง?” เรื่องนี้จงเฟิงยังต้องพูดอะไร

บ้าง จงเพิ่งรู้รายละเอียดความเป็นไปเป็นมาของเรื่องนี้มากกว่า เหวินชิง ดังนั้น จึงไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องแซ่ที่เด็กๆ ใช้

ยังไงหลายปีมานี้ เป็นหลินซินเหยียนที่เลี้ยงพวกเขามาตัวคน เดียว ต่อไปถ้าหลินซินเหยียนจะเปลี่ยนแซ่ให้พวกเขาเขาก็จะ ดีใจมาก แต่ถ้าไม่อยากเขาก็จะไม่บังคับ

“เขาแก่หงาเหงือกแล้ว ถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกจนแยกแยะ อะไรไม่ได้” พอพูดถึงจงเพิ่งเหวินซิงก็โมโหขึ้นมา เหวินซึ่งยัง คงฝังใจกับเรื่องที่เหวินเสียนตายไปไม่นานเขาก็ไปแต่งงานกับ เฉิงยู่ซิ่วไม่ยอมหาย

ร่างกายของหลินซินเหยียนเกิดเกร็งขึ้นมา เธอเข้าใจดีว่าผู้ หญิงที่เหวินชิงพูดถึงนั้นคือใคร

จงจิ่งห้าวรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเธอ ในใจพอจะ รู้อยู่ว่าทำไมเธอถึงมีการตอบสนองแบบนี้

ความสัมพันธ์ของเธอกับชั่วดีถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?
แค่ได้ยินคนพูดถึงก็ยังตื่นเต้นขึ้นมาได้

“เรื่องมันก็หลายปีมาแล้ว ฉันก็ไม่อยากพูดถึงมันมาก ฉันรู้ว่า แกเองก็ไม่อยากยอมรับ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันจำเป็นต้องบอก แก” เหวินชิงทำสีหน้าจริงจัง “ตอนที่พ่อของแกแต่งงานกับเธอ เขาเคยรับปากฉันไว้เรื่องหนึ่ง แต่ ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นน่าจะทำ สัญญานั้นไปแล้ว.…………..

“กินข้าวกันก่อนค่ะ มีอะไรไว้ค่อยคุยกันหลังกินข้าวเสร็จก็ได้ อยู่ดีๆ จะพูดถึงอดีตทำไมคะ?” หลี่จิ้งวางเหล้าไว้หน้าเขา

เหวินชิงคิดไปครู่หนึ่ง จงจึงห้าวก็ไม่ได้มาบ่อยๆ ถ้าพูดไป เดี๋ยวจะหมดอารมณ์กินข้าวกันพอดี เขาจึงพูดกับหลี่จิ้งไปว่า “ตามที่คุณว่า เทเหล้าให้ผมหน่อย

หลี่จิ้งยิ้มออกมา รินเหล้าให้เขาแก้วหนึ่ง จากนั้นก็หันมารินให้

จงจิ่งห้าวจนเต็มแก้ว

“วันนี้อารมณ์ดี เธอก็ดื่มเป็นเพื่อนลุงของเธอเยอะๆ หน่อย หลี่จิ้งพูดไปยิ้มไป

จงจิ่งห้าวพยักหน้า

หลินซินเหยียนที่อยู่ข้างเขากำลังนั่งเหม่อลอย เมื่อกี้ที่เหวินชิง ยังไม่ได้พูด ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เฉิงซิวโทรหาเธออย่างแน่นอน

เรื่องก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมเขายังกำแน่นไม่ยอม ปล่อยอีก?

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เหวินเสียนก็เป็นคนควบคุมคนเดียว ตอนนี้กลับให้เฉิงซิ่วมารับผิดชอบแทน

เธอรู้สึกว่าแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย

เฉิงซิ่วเสียสละมากเกินไป

“มีเวลาว่างก็พาเด็กๆ มาได้นะ” หลี่จิ้งตักน้ำซุปให้หลินซินเห ยียน ผู้ชายกินเหล้า พวกเธอก็ไม่กิน เลยกินข้าวก่อน “ไม่รู้ว่าเธอ ชอบกินอะไร และไม่รู้ว่าอาหารพวกนี้จะถูกปากเธอรึเปล่า

คำพูดของหลี่จิ้งมาขัดจังหวะความคิดของหลินซินเหยียนเข้า เธอดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ฉันเป็นคนกินง่าย อาหารพวกนี้ ต่างก็ดีมากเลยค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น เธอก็ไม่ต้องเกรงใจ คิดซะว่านี่เป็นบ้านของตัว เองนะ”

“ค่ะ”

หลี่จึงค่อนข้างเอาใจใส่ คอยคีบกับข้าวให้เด็กๆ อย่างไม่ขาด

สาย

เหวินชิงไม่ได้พูดถึงเรื่องของเฉิงซิ่วบนโต๊ะอาหาร เรื่องที่คุย กับจงจิ่งห้าวก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกครอง ทิศทางโดยรวมใน การพัฒนาของในและต่างประเทศ

“เรื่องที่พวกเขาคุยกันเราก็ฟังไม่รู้เรื่อง” หลี่จิ้งคีบผักให้หลิน นเหยียน “ปล่อยให้พวกเขาคุยกันไป เราก็กินของเราไป หลินซินเหยียนขาออกมาทีหนึ่ง แล้วตอบค่ะไปอย่างสุภาพแต่ในใจนั้นเป็นกำลังกังวลอยู่ เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่จงจึงห้าวรู้ว่า ผ้าไหมกวางตุ้งเป็นของตระกูลเฉิงแล้วจะเป็นยังไง

เพราะเขารู้ดี ว่าเธอเชี่ยวชาญเทคนิคการทำผ้าไหมกวางตุ้ง แล้ว

ด้วยสติปัญญาและทัศนวิสัยของเขา จะต้องคิดได้แน่นอนว่า เรื่องนี้จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไปเฉิง เธอกลัวว่า จะปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ได้

เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังเครียดหนัก มุมหนึ่งก็อยากให้จงจึง ห้าว แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่อยากให้รู้สาเหตุที่อยากให้เขารู้ก็เพื่อ ไม่อยากให้ชีวิตของเขาต้องค้างคา ถ้าชีวิตนี้ไม่ได้รู้ว่าแม่แท้ๆ ที่ให้กำเนิดตัวเองนั้นเป็นใคร มันจะเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดแค่ ไหน?

สาเหตุที่ไม่อยากให้เขารู้ก็เพื่อไม่อยากให้ความยากลำบาก และอดทนของเฉิงซิ่วตลอดหลายปีนี้ต้องสูญเปล่า

หลังกินข้าวเสร็จ เหวินชิงก็เรียกจงจึงห้าวตามเขาไปที่ห้อง หนังสือ ส่วนเธอก็อยู่ที่ห้องรับแขกกับเด็กๆ หลี่จึงเปิดทีวีให้ เด็กๆ ดู กลัวพวกเขาจะรู้สึกเบื่อ

เธอหั่นผลไม้ไว้บนโต๊ะ “กินผลไม้” หลี่จิ้งเรียกเด็กๆ ทั้งสอง

หลินลุยซีทำปากจู๋ แล้วพูดออกมาหวานๆ ว่า “หนูอิ่มแล้วค่ะ” ตอนที่พูดยังเอามือมาลูบที่ท้องด้วย หลี่จึงถูกสาวน้อยทำให้ หัวเราะ “ไหนมาให้ฉันจับดูหน่อยซิว่าท้องเล็กๆ นั่นโตขึ้นมายัง”

อาจจะเป็นเพราะจั๊กจี้ เด็กสาวจึงได้หัวเราะออกมา หลินซินเหยียนมองไปยังห้องหนังสือเป็นพักๆ ถึงในใจจะรู้สึก ร้อนรน แต่ก็ไม่กล้าแสดงสีหน้าอะไรออกมาให้ หลี่จิ้งเห็น

“เมื่อกี้คุณลุงเขาอยากพูดอะไรเหรอคะ?” หลินซินเหยียนอ ยากลองถามข้อมูลจากปากของหลี่จึงได้บ้าง

“น่าจะเป็นเรื่องของจิ๋วมั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องของ พวกเขาค่อนข้างดี ตอนที่เหวินเสียนเสีย เขาขังตัวเองไปสามวัน ไม่กินไม่ดื่ม ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาร้องไห้ ก็คือตอนที่เหวินเสียน จากไปนี่แหละ ถึงจะดูเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็มีมุมที่อ่อน โยนเหมือนกัน เขายังคงติดใจเรื่องที่จงเพิ่งแต่งงานใหม่มา โดยตลอด มีอคติกับยู่ชั่วคนนั้นเป็นอย่างมาก

หลี่จิ้งนั้นแต่งเข้ามาก่อนที่เหวินเสียนจะเสียได้ไม่นาน บวกกับ เหวินชิงก็ไม่เคยพูดกับเธออย่างจริงจัง เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เธอจึงไม่ค่อยชัดเจนนัก

หลี่จิ้งถอนหายใจออกมา “จนตอนนี้ก็ยังปล่อยวางไม่ได้ ฉัน บอกเขาว่าเรื่องก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างก็แก่ๆ กันแล้ว ไม่ต้องไปติดใจเอาความแล้ว แต่เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหัวรั้น ฉัน เองก็เกลี้ยกล่อมเขาไม่ได้เหมือนกัน”

หลินซินเหยียนพูดเสริม “ใช่ค่ะ เรื่องที่ผ่านมานานขนาดนั้น แล้ว เรื่องที่ควรปล่อยวางก็ต้องปล่อย การที่คิดมากเกินไปมันไม่ ค่อยดีต่อร่างกายเท่าไหร่
“ให้บ้างที่ไม่พูด แต่เขาก็ไม่ยอมฟัง ฉันว่ายซิ่วนั้นเป็นคนดี มาก บางทีก็รู้สึกว่าเธอน่าสงสารมาก ทั้งชีวิตไม่สามารถมีลูกได้ สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง การที่ตั้งท้องไม่ได้ แล้วมันจะถือว่าเป็นผู้ หญิงได้ยังไง มันจะกลายเป็นสิ่งที่ติดข้างในใจเธอไปตลอดชีวิต” หลี่จิ้งรู้สึกสะเทือนใจ


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ