บทที่ 280 คิดบัญชี
ฉินยาลังเลไปนิดหน่อย “เอ่อคือ ฉัน……..
“คุณได้ยินที่พวกเราคุยกันแล้ว?” สีหน้าร้านไม่ค่อยดี สำหรับอดีตของเขา เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้
ตอนแรกฉินยาอยากพูดว่า เธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่พอเห็น สีหน้าไม่ดีของซูจ้าน เธอก็ขี้ขลาดไปทันที ไม่รู้เพราะอะไร เธอ กลัวซูจ้าน โกรธ “ฉันเพิ่งกลับมา พวกคุณพูดเรื่องอะไร? คุณย่า ตั้งใจให้ฉันออกไป เพื่อจะคุยกับคุณเรื่องฉันเหรอ?”
สีหน้าซูจ้านดีขึ้นบ้าง “อืม บอกให้ผมดีกับคุณ ใช่แล้ว ทำไม คุณไม่ซื้ออะไรเลยก็กลับมาแล้ว?
“ฉันรีบออกไป ไม่ได้เอาอะไรไปเลย ไม่มีเงิน” ฉินยาหลบ
สายตาของเขาเล็กน้อย ไม่สบายใจและละอายใจที่ตัวเองพูด
โกหกเมื่อกี้
แต่ในสายตาของซูจ้าน คิดว่าเธอคงรู้สึกเขิน จึงยิ้มแล้วหยิบ กระเป๋าตังค์จากกระเป๋าให้เธอ “ให้”
จินยาเงยหน้ามองเขา “คุณเอาหนึ่งร้อยให้ฉันก็พอ ไม่ต้อง เอากระเป๋า ให้ฉัน
ซูจ้านจับมือเธอขึ้นมายัดกระเป๋าตังค์ให้เธอ “พวกเราเป็นตัว เมียกัน ของผมก็คือของคุณ
จินยามองเขาดึงมือกลับโดยสัญชาตญาณ
ชูจ้านยิ้ม “แค่นี้ก็ตื้นตันแล้ว? ผมยังไม่ได้เอาสมบัติทั้งหมดให้ คุณเลย คุณจะเอาใจง่ายเกินไปไหม
ฉินยาขึงตาใส่เขา “ฉันไปแล้ว”
“อืม”
ซูจ้านมองเธอเดินจากไป ปิดประตูเดินเข้าห้องผู้ป่วย เวลา เดียวกัน มือถือในกระเป๋าก็ดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมา คนที่ โทรมาคือเสิ่นเผยชวน เขากดรับสาย ไม่รอเสิ่นเผยชวนพูด ซู จ้านก็ถามก่อน “ไอ้สารเลวนั่นตายหรือยัง?”
“คิดว่าคงตายยาก อยู่ในห้องผ่าตัด คุณย่าเป็นยังไงบ้าง? เงินเผยชวนโทรมาเพื่อจะถามว่าคุณย่ามีอันตรายไหม
ซูจ้านถึงเก้าอี้ข้างเตียงมานั่ง “ไม่เป็นไรแล้ว แค่บาดเจ็บเล็ก
น้อย หมอบอกให้นอนดูอาการหนึ่งคืนก็กลับได้
“อืม” เสิ่นเผยชวนพูดจบก็ไม่วางสาย มีอะไรอยากพูดแต่พูด ไม่ออก
“นายอยากพูดอะไรก็พูด ยังมาซ้ำๆอึ้งๆ?”
“คือว่า โทรศัพท์นี้พี่สะใภ้ให้ฉันโทร” คิดไปครู่หนึ่ง เสิ่นเผย ชวนก็คิดว่าต้องพูดให้ซูจ้านฟัง “พี่สะใภ้คงคิดว่าเรื่องนี้เธอ เป็นต้นเหตุ กลัวคุณย่าเป็นอะไร ก็เลยให้ฉันโทรศัพท์ให้นาย เพื่อถามสถานการณ์ดู
ซูจ้านเข้าใจ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับหลินซินเหยียน
คุณย่าเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ เพราะอุบัติเหตุ ถูกเหอยเจ๋อจับ ตัวก็เป็นอุบัติเหตุ อีกอย่าง หลินซินเหยียนก็เพราะว่าคุณย่าถึง เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในอันตราย
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ ฉันรู้จักแยกแยะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไว้ดึกหน่อย ฉันจัดการเรื่องทางนี้เสร็จ ค่อย ไปเยี่ยมคุณย่า…….
“ไม่ต้องแล้ว ทุกคนก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว มีเวลานายก็นอน พักสักหน่อย พรุ่งนี้พวกเราก็ต้องไปแล้ว นี่ก็ปลายปีแล้ว นาย ออกมาตั้งนานแล้ว ทางหน่วยงานกลับไปแล้วนายก็ต้องไป รายงาน”
เสิ่นเผยชวนตอบเสียงลืมแล้วก็วางสาย
ซูจํานวางสายแล้วเก็บมือถือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง คุณย่า มองเขาแล้วถาม “ใครโทรมาเหรอ?”
“เสิ่นเผยชวน โทรมาถามอาการย่า ผมบอกเขาแล้วว่าย่าไม่ เป็นไร” ซูจ้านห่มผ้าให้คุณย่า “เรื่องในอดีตมันผ่านไปแล้ว เรื่อง ของพ่อกับแม่ ย่าอย่าเล่าให้ฉันยาฟังนะ”
“เธอไม่ใช่คนนอก” คุณย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง “ผมรู้สึกขายหน้า ไม่อยากให้เธอรู้” ซูจ้านสีหน้าไม่ค่อยดี ขอแค่พูดถึงเรื่องในอดีต เขาก็จะเป็นแบบนี้
คุณย่าคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ใช่ความผิดของเขา “ถ้าอย่างนั้น เราคิดจะปิดแบบนี้ตลอดชีวิตเหรอ? เธอเป็นภรรยา ที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันตลอดชีวิตนะ เราต้องเชื่อใจเธอ ไม่ว่าเธอจะ เชื่อใจเราหรือไม่ เราก็ต้องแสดงทัศนคติก่อน ชีวิตคู่ กลัวอะไร ที่สุด? กลัวความไม่เชื่อใจ
คุณย่าอายุมากแล้ว แต่สมองก็ยังชัดเจน มีชีวิตอยู่นาน ก็มอง ทุกอย่างจนชัดเจนแล้ว
ไว้ค่อยคุยกัน รอผมเตรียมพร้อมก่อน” ซูจ้านไม่อยากพูด อะไรอีก ตั้งใจเปลี่ยนเรื่อง “ย่าเหนื่อยมากแล้ว พักผ่อนเถอะ
คุณย่ารู้สึกไม่วางใจในทัศนคติของเขา “เราก็แต่งงานแล้วนะ ยังมีอะไรที่ไม่พร้อมอีก? ทำไม หรือว่าในใจเรายังคิดถึงหลิว เฟยเฟยคนนั้นอยู่?”
“ผมเปล่า ทำไมย่าถึงพูดถึงเธอ?” ซูจ้านรู้สึกว่าวันนี้คุณย่าผิด
ปกติ พูดถึงเรื่องพ่อแม่ก่อน ตอนนี้ก็พูดถึงเรื่องรักแรกของเขา นี่
อยากทําอะไร?
“คุณย่า ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ถ้าไม่สบายก็บอก ผมจะ รีบไปเรียกหมอมาดู…..
“สาปแช่งยาเหรอ?” คุณย่าเอามือตบไปที่ตัวบ้าน ซูจ้านพูดเบาลง “ไม่อย่างนั้นทำไมย่าถึงพูดแต่เรื่องในอดีต คุณย่าพูดเสียงหนักแน่นขึ้น “ก็เพราะเป็นห่วงเราไง
ซูจ้านห่มผ้าให้คุณย่า “ผมโตขนาดนี้แล้ว รู้จักแยกแยะ ย่า ดูแลสุขภาพ ก็คือการห่วงใยที่ดีที่สุดสำหรับผม”
คุณย่าถอนหายใจแรง พูดจากันเขาไว้ก่อน “ซูจ้าน ย่าขอบอก นะ ย่าชอบจินยา จากนี้ไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเจอกับคน แบบไหน ห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาด”
“ผมรู้ ย่าวางใจได้” ซูจ้านไม่ได้ใส่ใจมาก คุณย่าก็เป็นแบบนี้
ขี้บ่น
ผ่านไปสักพัก ฉินยาก็ซื้อของกินกลับมา เธอวางอาหารไว้บน โต๊ะ “ฉันไม่คุ้นเคยกับที่นี่ เดินไปสักพักถึงหาเจอ
วางของแล้ว เธอก็ยืนกระเป๋าตัง ให้ซูจ้าน “คืนกระเป๋าให้คุณ”
“ไว้ที่คุณละกัน” ซูจ้านไม่รับ เปิดเปาะเปี๊ยะที่เธอซื้อมาเอาเข้า ปากไปสองชั้น เขาเคี้ยวไปไม่กี่ครั้งก็กลืนลงไป แล้วดื่มน้ำดันลง ไป “คุณอยู่เป็นเพื่อนกับว่าที่นี่ ผมออกไปทำธุระหน่อย”
ฉินยาตอบรับ
ซูจ้านออกไป ฉันยาก็ช่วยคุณย่าปรับเตียงนอน ให้หัวสูงขึ้นนิด หน่อย จากนั้นก็เดินเข้าไปยกข้าวต้มขึ้น นั่งลงบนเก้าอี้ ป้อนให้ คุณย่ากิน “คุณย่ากินข้าวต้มค่ะ
คุณย่ายิ้มแย้ม อ้าปากกินข้าวต้ม
เขาขยับตัวได้ แต่ตอนนี้อยากให้ฉินยาดูแลตัวเอง ฉินยาถือข้าวต้มไว้แน่ใจว่าข้าวต้มไม่ร้อนแล้ว ก็ยื่นเข้าปากคุณย่า
ข้าวต้มถ้วยเล็กๆ จินยาป้อนทีละค่า เธอหยิบกระดาษมาแผ่น หนึ่งเช็ดปากให้คุณย่า คุณย่านอนเอนเล็กน้อยไม่อยากขยับตัว เพลิดเพลินกับการดูแลของฉินยา
“หนูว่าบ้านออกไปทำอะไร?” คุณย่าถาม
ฉินยาเก็บโต๊ะ “หนูก็ไม่รู้
“งั้นหนูไม่ถามเหรอ?” คุณย่าก็ถามขึ้นมาอีก
ฉินยาไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้คิดมากกับคำพูดของคุณย่า ทิ้งถ้วย ข้าวต้มลงถังขยะ “เขาบอกว่ามีธุระไม่ใช่เหรอคะ? งั้นก็คงไป จัดการธุระ เขาน่าจะรู้จักแยกแยะ ฆ่าไม่ต้องเป็นห่วง
ฉันยานึกว่าคุณย่ากังวลซูจ้าน ล้างมือเสร็จก็เดินเข้าไปปรับ เตียงลง ให้คุณย่าพักผ่อนอย่างสบาย “หนูอยู่เฝ้าคุณย่าตรงนี้ เอง มีอะไรก็เรียกหนูได้ ตอนนี้คุณย่านอนพักก่อนนะคะ
คุณย่าเองก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว พูดไปสักพักก็รู้สึกเหนื่อย ทัศนคติ ของฉันยาเธอพอใจมาก
ซูจ้านไปไหนก็ไม่ถาม นั่นแสดงว่าเชื่อใจเขา แต่ซูจ้านกลับไม่พูดเรื่องของตัวเอง กลับไม่ได้เปิดเผยทุก อย่างให้เธอ
คุณย่าอดถอนหายใจไม่ได้
ซูจ้านเดินออกจากห้องผู้ป่วยก็กดเบอร์โทรหาเงินเผยชวน
ไม่นาน โทรศัพท์ก็ถูกรับขึ้นมา
“นายอยู่ไหน?”
“โรงพยาบาลไง” เสิ่นเผยชวนรู้สึกแปลกใจ เมื่อกี้ในโทรศัพท์ ก็บอกไปแล้วว่าช่วยเหลือเหอรุ่ยเจ๋ออยู่ไม่ใช่เหรอ?
“ฉันถามว่านายอยู่โรงพยาบาลไหน ฉันไปหานาย” ที่นี่คุณย่า มีคนดูแล เขามีเวลา ต้องไปคิดบัญชีกับเหอยเจ๋อ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ