บทที่ 264 รู้สึกเหมือนฝันไป
“พวกคุณทําอะไรกันอยู่ครับ?” ราวกับเป็นเสียงที่ดังออกมา จากอกของเขา มันค่อนข้างทุ้มลึก
หลังเงียบไปสามวิ หลินซินเหยียนก็พยายามทำหน้านิ่งๆ “เขา ส่งฉันกลับมาค่ะ”
จงจึงห้าวขาออกมาทีหนึ่ง แล้วพูดออกมาพร้อมกับนัยน์ตาสี ดำ ที่รู้สึกว่าสงบแต่ก็ดูไม่สงบ “ส่งคุณกลับมา แล้วมันจำเป็น ต้องใกล้กันขนาดนั้นด้วยเหรอครับ นี่ผมตาฝาดไป หรือมีคนที่ คิดไม่ซื่อกันแน่ครับ
พอฟังมาถึงตรงนี้ หลินซินเหยียนก็รู้สึกว่าตากระตุก ชายคนนี้
ใจแคบจริงๆ
“จิ่งห้าว……
“คุณเข้าไปด้านใน” เขาขัดจังหวะหลินซินเหยียนที่ตั้งใจจะ อธิบาย
หลินซินเหยียนรู้สึกใจเสียไปแบบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าโรงแรม ไปด้วยความหนักใจ
“ประธานไป๋ เชิญคุณลงมาก่อน เรามาคุยกันหน่อยครับ” น้ำ เสียงของเขาฟังดูสงบกว่าปกติ ความสงบนี้มันถูกแสดงออกมาแค่ภายนอกเท่านั้น
ไปยื่นหนังลงจากรถด้วยความช่วยเหลือของเกาหยวน จงจิ่ง ห้าวไม่ได้มองเขา แต่เดินไปยังพื้นที่สีเขียวที่อยู่ข้างโรงแรม ไป ยื่นหนังตามหลังไป
“ประธานจง มีอะไรจะคุยกับผมครับ?”
จงจึงห้าวหยุดลงอย่างกะทันหัน เขาหมุนตัว แล้วเข้ามาจับคอ เสื้อของไปยื่นหนิงไว้ เขาออกแรงค่อนข้างมาก จนทำให้ร่างกาย ของไปยื่นหนิงลอยขึ้นจากรถเข็น
“คำเตือนของผม คุณฟังไม่เข้าใจรึไง?”
ลำคอของไปยื่นหนึ่งถูกบีบรัดไว้อย่างแน่น คำพูดที่ถูกเปล่ง ออกมาจากล่าคอที่ตีบตัน “ผมเปล่านะ ผมคิดว่าประธานจง เข้าใจผิดแล้วครับ ที่ผมนัดเจอคุณหลิน ก็แค่มีเรื่องต้องถามเธอ เท่านั้นครับ”
จงจึงห้าวยิ้มเยาะเย้ย บ่งบอกว่าเขาไม่เชื่อ ถึงหลินซินเหยียน จะไม่มีใจ แต่ไปยื่นหนิงนั้นมีใจเห็นๆ
“เกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนนั้น ผมแค่อยากให้คุณหลินยอมพูด ออกมา ทุกอย่างมันก็จะกระจ่าง เราก็ไม่ต้องเวลาเสียกำลังไป ตรวจสอบอีก เรื่องมันผ่านมานานขนาดนั้นแล้ว จะให้ไปตรวจ สอบมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย…..
จงจิ่งห้าวออกแรงที่มือเพิ่มมากขึ้นไปอีก เขาดึงอีกฝ่ายเข้ามา ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้วพูดอย่างดุดันด้วยท่าทางที่เหนือกว่า “ผมสนใจเรื่องของเฉิงซิ่วก็จริง แต่ผมไม่มีทางบังคับเธอให้พูดใน สิ่งที่เธอไม่ต้องการพูดแน่นอน คุณมาล้ำเส้นของผมเข้า ส่วน เรื่องการร่วมมือกันของเรานั้น เป็นอันยุติตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เราใช้ความสามารถของใครของมันไป
พูดจบจงจิ่งห้าวก็ปล่อยมือออกไปยื่นหญิงกระแทกลงไปนั่ง กับรถเข็น ทําเอารถเข็น โยกไปหลายที เหมือนมันจะพังลงไปเลย
ไปยื่นหนิงรู้สึกไม่พอใจ “ประธานจง คุณเคยคิดบ้างมั้ย ถ้า เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นมีคนตั้งใจปิดบังเอาไว้ คุณคิดว่า เราจะ สามารถสืบหาข้อมูลได้สักแค่ไหนเชียว? หรือว่า ต้องใช้เวลาอีก นานแค่ไหนกว่าจะสืบหาจนพบ?”
เท้าของจงจิ่งห้าวหยุดชะงักลง แล้วยิ้มออกมาอย่างเย็นชา “สืบไม่ได้แล้วมันจะยังไง?”
เขาไม่เหมือนกับไปยื่นหนิง การที่ไปยื่นหนึ่งต้องการสืบเรื่องที่ เกิดขึ้นตอนนั้นให้รู้ให้ได้ ก็เพื่อที่จะแก้แค้นเรื่องนิ้วที่ถูกตัดไป ของพ่อบุญธรรม ส่วนจงจึงห้าวนั้น ก็แค่รู้สึกสนใจในตัวเฉิงซิ่ว เท่านั้น
ทำไมเธอถึงต้องปิดบังนามสกุลของตัวเองด้วย แล้วจงฉีเฟิงรู้ เรื่องนี้รึเปล่า?
เขารู้ ในตัวเฉิงซิ่วต้องมีความลับเก็บไว้แน่นอน เขาอยากรู้ แต่เขาก็ไม่มีทางไปบังคับหลินซินเหยียนให้พูดมันออกมาเด็ด ขาด
ความจริง ในใจเขานั้นกลัวที่จะได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นเขารู้สึกได้ พฤติกรรมที่หลินซินเหยียนมีการเปลี่ยนแปลงต่อเขา มันเกี่ยวข้องกับความลับนั่น
ความลับที่ทําให้พฤติกรรมของเธอเปลี่ยนไปได้ เขารู้ว่ามัน ต้องไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา เกรงว่า เรื่องนั้นเขาอาจจะมีส่วน เกี่ยวข้องด้วยก็ได้
เขารู้สึกปวดหัว ทั้งอยากรู้และกลัวที่จะได้รู้
ภายในโรงแรม เนื่องจากคุณย่าของซูจ้านมา ซูจ้านจึงสั่ง อาหารเอาไว้ เพื่อเป็นการต้อนรับคุณย่า จึงได้เรียกทุกคนมาใน ห้องวีไอพีห้องใหญ่สุดของโรงแรม คนนั่งกันจนเต็ม ขาดแค่จง จิ่งห้าวคนเดียว
หลินซินเหยียนอุ้มลูกสาวเอาไว้ เธอเอามือไปลูบผมของ ลูกสาวเพื่อปกปิดความเครียดในใจ เธอไม่รู้ว่าจงจิ่งห้าวกับไป ยื่นหนึ่งจะมีการกระทบกระทั่งกันขึ้นรึเปล่า
“ผมขอแนะนำให้คุณคนรู้จักก่อนนะครับ ท่านนี้ คือคุณย่าของ ผม คุณย่าเป็นคนที่เลี้ยงดูผมตั้งแต่แบเบาะจนถึงโต” ซูจ้าน แนะนำอย่างยิ่งใหญ่
แต่หญิงชรากลับไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเลย “ใครบ้างที่ ไม่รู้ว่าฉันเป็นย่าของแก ยังต้องให้แกมาแนะนำอีกเหรอ? ที่นี่ก็ ไม่มีคนนอก แกบอกฉันมานะ ที่แกบอกว่าจะแต่งงานตอนสิ้นปี แล้วแฟนสาวของแกล่ะ!”
ซูจ้านก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วดูห่อเหี่ยวไป ราวกับมะเขือที่ ถูกลูกเห็บตก ใส่
หญิงชราคนนี้เหมือนราวกับปีศาจ ค่าก็แฟนอยู่ไหนสองคำก็ แฟนอยู่ไหน? สิ้นปีแกจะแต่งงานได้จริงๆ ใช่มั้ย? ถามไปถามมา ตั้งหลายรอบ ก็ยังเป็นแค่ช่วงเช้าอยู่ดี
เขารู้สึกว่าตัวเองถูกกดดันจนแทบบ้าแล้ว
จนอยากจะหาผู้หญิงสักคนมาแต่งงานซะตอนนี้เลย ทำให้ หญิงชราหยุดบ่นสักที
เสิ่นเผยชวนมองดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ฉินยาไม่สนใจอะไร ไม่ พูดอะไร และไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา แค่พูดคุยกับหลินซีเฉินที่ นั่งอยู่ข้างของเธอเป็นพักๆ
เห็นได้ชัดว่าหลินซินเหยียนมีเรื่องในใจ ดูไม่มีอารมณ์ร่วมเลย
หญิงชรามองไปรอบห้อง หลินซินเหยียนเธอไม่กล้าหวังแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ฉินยาเท่านั้น “เธอชื่ออะไรเหรอ?”
ฉินยาหันไปมองหน้า ซูจ้าน แวบหนึ่ง แล้วหันไปมองหน้าหญิง ชรา “ฉันชื่อฉินยาค่ะ”
“ฉินยาเหรอ? เธอแซ่ฉิน และชื่อยาใช่มั้ย? หญิงชราถามด้วย ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ฉินยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ”
หญิงชราถามต่อไปอีกว่า “แล้วเธอมีแฟนรึยัง?”
ยังไม่ทันที่ฉินยาจะได้ตอบ เสิ่นเผยชวนก็ตอบแทนเธอขึ้นมา ก่อน “มีครับ”
หญิงชราเศร้าสร้อยลงไปทันที ในใจคิด ทำไมไม่รอแต่งงาน กับบ้านของบ้านเธอก่อนนะ จะมีแฟนเร็วขนาดนี้ทำไม?
เฮ้อ เฮ้อ หญิงชราถอนหายใจอยู่ในใจ
ฉินยาหันไปมองเสื่นเผยชวน
เสิ่นเผยชวนกางสองมือออก “คุณกับซูจ้านเป็นคนบอกพวก เราเองไม่ใช่รึไง ว่าพวกคุณกำลังคบกันอยู่นะ?”
ซูจ้าน “.….
หญิงชราสายตาเป็นประกาย ฉินยากับซูจ้านกำลังคบกันอยู่ อย่างนั้นเหรอ?
หรือก็คือ หลานชายของเธอมีแฟนแล้วสินะ?
ป้าบ!
เสียงป้าบดังขึ้น หญิงชราตบเข้าที่กลางหลังของซูจ้านอย่างจัง แล้วบ่นไปยิ้มไปว่า “ทำไมแกถึงไม่บอกกับย่าห้ะ?”
ซูจ้านหายใจเข้าลึกๆ แล้วแอบมองไปที่ฉินยา ไม่กล้าแม้แต่จะ ส่งเสียงอะไรทั้งนั้น
“อั้ยยะ” หญิงชราดีใจมาก เธอยืนขึ้นจากที่นั่ง เดินมาตรงหน้า ฉินยา มองซ้ายมองขวา ถึงแม้มายืนคู่กับหลินซินเหยียนแล้ว เธออาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่พอมองดูดีๆแล้ว หน้าตาก็ ใช้ได้เหมือนกัน หน้าทรงวี ตาดวงโตๆ สีขาวๆ ยังสาวมาก
หญิงชราดึงมือของฉินยามากุมไว้ในมือของตัวเอง “เธอคบอยู่กับซูจ้านแล้วทำไมถึงไม่บอกฉัน หรือว่าเขารังแกเธอใช่มั้ย? ฉันจะบอกอะไรเธอนะ ถ้าซูจ้านมันกล้ารังแกเธอ เธอก็บอกฉันได้ เลย เดี๋ยวฉันตีมันเอง
“ไม่ใช่นะคะ….…….
“คุณย่าครับ คุณย่า คุณย่าอย่าทำให้แฟนผมต้องตกใจนะ ครับ” ซูจ้านรีบเข้ามาขัด “ที่ผมไม่กล้าบอกคุณย่า ก็เพราะกลัว ย่าจะตื่นเต้น”
“คุณย่า นั่งก่อนครับ” ซูจ้านนั้นไม่ยอมให้ฉันยาได้พูด พอเธอ จะพูด เขาก็จะขัดจังหวะทันที
ฉินยาโกรธจนหน้าแดง คนคนนี้มันไม่รักษาคำพูดนี่นา ก่อน หน้านี้เธอก็เคยพูดกับเขาอย่างชัดเจนแล้วนี่
“ดี ดี ดี” หญิงชรามองมาที่ฉินยา ยิ่งมองยิ่งพอใจ พูดคำว่าดี ออกมาสามครั้ง เห็นได้ชัดว่าดีใจแค่ไหน พอใจในตัวฉินยาแค่ ไหน
นี่คือการหลอกลวง คือการลักพาตัว เธอไม่มีทางยอมให้ จ้าน ใช้เธอมาหลอกลวงหญิงชราเด็ดขาด
“ซูจ้านคุณออกมากับฉันหน่อย” เธอต้องพูดให้ชัดเจน ซูจ้านตบๆ ที่ไหล่ของหญิงชรา “ผมขอออกไปคุยกับฉินยา แบบหนึ่งนะครับ เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
“มีอะไรก็พูดกันตรงนี้เลยสิ ทำไมต้องออกไปด้วย?” หญิงชรา ยังอยากพูดคุยกับฉินยาอยู่เลย อยากรู้เรื่องครอบครัวของเธอ
ซูจ้าน หน้าจริงจัง “ทำไมครับ เราจะแอบคุยกันหน่อยคุณย่า ก็จะฟังด้วยเหรอครับ?”
“ไม่ฟัง ไม่ฟัง” หญิงชรารีบโบกมือ
หลานชาย โตขนาดนี้แล้ว กว่าจะหาแฟนได้ จะปล่อยให้มาเลิก กันเพราะตัวเองไม่ได้
แบบนั้นมันจะได้ไม่คุ้มเสีย
ตอนที่ฉินยาเดินผ่านซูจ้าน เธอก็ดึงแขนเสื้อของเขาที่หนึ่ง “เร็วๆ เข้า” ซูจ้านพูดอธิบายกับหญิงชรา “เธอเขินนะครับ เธอหน้าบาง
เพราะกลัวว่าเธอจะอาย ผมเลยไม่ได้บอกเรื่องที่เธอเป็นแฟนกับ
ผมให้คุณย่าไงครับ เดี๋ยวผมขอไปปลอบเธอก่อนนะครับ”
“ไปเถอะ” หญิงชราโบกมือ ไปปลอบแฟน เธอเห็นด้วยสองมือ เลย
พอพูดกับหญิงชรารู้เรื่องแล้ว ซูจ้านค่อยออกจากห้องไป เห็น ฉันยายืนหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงทางเดิน เขาหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะ เดินเข้าไปหาเธอ
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ