กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่ 260 หลอกยังไงก็คือหลอก



บทที่ 260 หลอกยังไงก็คือหลอก

หญิงชราสวมเสื้อคลุมกำมะหยี่ขนมิ้งค์ ที่มีลวดเงินพันไว้ด้าน หลังศีรษะอย่างเรียบร้อย ในมือถือกระเป๋า เหน็ดเหนื่อยจากการ เดินทาง และดูเหมือนว่าเธอเพิ่งจะมาถึงที่นี่ ใบหน้าของ ซูจ้าน เปลี่ยนเป็นสีเขียวทันที เขาหันไปมอง จงจึงห้าวในใจก็คิดว่า เป็นเพราะคำพูดล้อเล่นของเขาในวันนั้น จึงเอาที่อยู่ของตัวไป บอกคุณย่าของเขา

จงจิ่งห้าวขี้เกียจที่จะสนใจเขา เขาถึงแม้จะไม่เบื่อเลยที่จะบ่น

“ไม่ต้องมองแล้ว ที่ฉันพูด” เสิ่นเผยชวน มองเห็นหญิงชราก็ ตกใจขึ้นมายกใหญ่ ไม่กี่วันก่อนหน้านี้คุณย่าโทรศัพท์หาเขา พร้อมกับร้องไห้ไป เส้นเผยชวนไม่มีทางเลือก จึงบอกที่อยู่ของ ตัวเองตอนนี้ไปหมดเลย ใครจะไปคิดว่าคุณย่าจะมาถึงที่นี่เลย

“นาย…” ซูจ้าน กัดฟันด้วยความเกลียดชัง ทำไมไปบอกที่อยู่ กับคุณย่าได้ล่ะ?

เกิดถูกคุณย่าจับได้ เขาก็ไม่มีอิสระแล้ว

“นายอะไรล่ะ” หญิงชราคว้าเข้าที่หูของซูจ้าน และลากเข้าไป ข้างใน “ไอ้เด็กเวร ไหนล่ะเมียของแก ฉันดูหลอกง่ายนักใช่ไหม? ไหนบอกแต่งงานสิ้นปี ฉันก็อยากจะเห็นแฟนของแก หน้าตาจะ เป็นยังไง”

หลินซินเหยียนถูกทำให้สับสน โดยฉากนี้อย่างกะทันหัน
จงจึงห้าวโน้มตัวลงมาเพื่ออธิบายคลี่คลายความสับสนของ เธอ อยู่ข้างหูเบาๆ “คนนี้คือคุณย่าจ้านพ่อแม่ของเขาจากโลก ไปตั้งแต่ยังเด็ก คุณย่าก็เป็นคนเลี้ยงดูเขา

หลินซินเหยียนเข้าใจได้ในทันที

มิน่าล่ะตอนที่เห็นคุณย่า สีหน้าของซูจ้านก็เปลี่ยนไป

เป็นครั้งแรกที่เห็นซูจ้าน กลัวใครมากขนาดนี้

“โอ๊ย โอ๊ย คุณย่า คุณย่าผมผิดไปแล้ว ไว้หน้าผมหน่อย คน ตั้งเยอะแยะ ยังจะมาบิดหูผมอีกน่าขายหน้าจะแย่” ซูจ้านกำลัง ยอมรับผิด พร้อมกับร้องขอความเมตตา

หญิงชราเหลือบมองไปทางนั้น สายตาเหลือบมองไปที่ฉินยา และสุดท้ายมองค้างไปยังหลินซินเหยียน มองขึ้นลงพร้อมกับยิ้ม ออกมา “คุณคือ…”

“พี่สะใภ้ผม” ไม่รอคำตอบจากหลินซินเหยียน ซูจ้าน ก็ชิงตอบ ก่อน เพราะกลัวว่าคุณย่าจะเปลี่ยนตัว

เธอเองก็ไม่ได้ยินว่าจะมีใครแต่งงาน สายตาของเธอได้ ทำการประเมินอีกครั้ง ถึงได้พบว่า จงจึงห้าวยืนอยู่ใกล้เธอคน นั้นมาก เหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง แต่ทว่าก็ไม่เข้าใจ ทั้งหมด เพื่อนทั้งสองของซูจ้าน เสิ่นเผยชวนจงจึงห้าวก็รู้จัก ทั้งหมด ทำไมไม่เคยได้ยินว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องแต่งงานกันเลย

“เธอแต่งงานทั้งที ทำไมไม่เชิญหญิงชราคนนี้ไปร่วมดื่มเหล้า ในงานแต่งบ้างล่ะ
ตอนที่จงจิ่งห้าวและหลินซินเหยียน แต่งงานกัน ไม่มีอะไรเลย สักอย่าง มีแค่ทะเบียนสมรส และยังให้กวนจิ้งพาหลินซินเหยียน ไปทําอีก

คนที่รู้ว่าจงจึงห้าวแต่งงานแล้ว ก็คงจะมีแค่คนใกล้ชิดเท่านั้น นี่แค่หนึ่งคำถามนี้ ก็ทำให้จงจึงห้าวไม่อยากให้ถามต่อแล้ว

หากเขารู้ว่าตัวเองจะมีวันนี้ ต้องมีงานแต่งที่ยิ่งใหญ่ พาหลิน นเหยียนเข้าประตูงานแต่ง ให้ทุกคนรู้ว่าเขาแต่งงานแล้ว ภรรยา ของเขาคือหลินซินเหยียน

“ในตอนนั้นไม่จัดงานแต่งค่ะ ดังนั้น” หลินซินเหยียน ตอบแทนจงจิ่งห้าว

“อ๋อ แบบนี้นี่เอง…” ณ เวลานั้นหญิงชราจึงพบว่าข้างกายของ เธอนั้นมีเด็กน่ารักสองคนยืนอยู่เป็นเพราะว่าวันนี้อากาศเย็น เด็กสองคน สวมเสื้อขนเป็ด หลินลุยสวมเสื้อสีเขียวอ่อนพัน ด้วยผ้าพันคอขนเป็ด ด้านล่างเป็นกระโปรงสั้นสีดำ รองเท้าบูท มัดผมหางม้าเปิดหน้าผาก ในเวลานี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและ สว่างสดใส ริมฝีปากของเด็กน้อยเป็นสีชมพู และเขาทำหน้ามุ่ย เล็กน้อยเมื่อพูด ช่างดูน่ารัก

“สวัสดีค่ะคุณย่า” หลินลุยซีปากหวานนัก เพียงแค่เปิดปาก เรียกคนได้แล้ว

หญิงชราจับหน้าอก รู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักเกินไปแล้ว แถมยัง ดูสวยมากอีกต่างหาก
คุณย่าส่งเสียงออกมา ซูจ้าน รีบวิ่งมาตัดบททันที “อ่ะ อ่ะ

เลอะเทอะแล้ว เด็กเรียกคุณย่าไม่ได้นะ ซูจ้าน นั่งลงตรงหน้าหลินลุยซี อธิบายความสัมพันธ์ “เสี่ยวลุย หนูเห็นไหม นี่เป็นคุณย่าของลุง ลุงกับพ่อของหนูเป็นรุ่นเดียวกัน

ใช่ไหม”

หลินลุยซีไม่เข้าใจว่าซูจ้านกำลังพูดถึงอะไร

เด็กน้อยกะพริบตาปริบๆ คุณอาซูเรียกว่าคุณย่า เธอเรียก คุณย่าก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ

“เสี่ยวลุ่ย” เสิ่นเผยชวน พูดแทรกขึ้น “จากนี้หนูไม่ต้องเรียก จ้านว่าลุงแล้ว หนูต้องเรียกเขาว่าพี่ชาย แบบนี้ก็ไม่งงแล้วใช่ ไหม”

“เสิ่นเผยชวน! ” ไม่ทันใด ซูจ้าน ก็จุดติดแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะ เขาเป็นคนบอกที่อยู่กับคุณย่า เขาก็คงไม่ถูกจับได้ไม่ใช่เหรอ?

ยังมีหน้ามาบอกให้เสี่ยวลุ่ยเรียกเขาพี่ชายอีก

ความอาวุโสของเขา ไม่ใช่สักพักก็ถูกลดลงมาแล้วเหรอ

“แกตะโกนอะไรของแก แล้วยังจะมาแกล้งเด็กอีก” หญิงชรา คว้าไปที่หูของซูจ้าน และบิดลง “อย่ารังแกเผยชวนแทนฉัน

“เฮ้ เฮ้ ผมเป็นหลานของคุณย่านะ คุณย่าจะเข้าข้างใคร” ซู จ้าน กำลังได้รับอันตรายทุกรอบด้าน
“เผยชวน จะไม่โกหกฉันเหมือนแก ฉันบอกเลยว่า สิ้นปีถ้าแก ไม่แต่งงาน ฉันจะหักขาแก ดูสิ ดูสิ…”

คุณย่าเปิดหูของเขาให้เด็กเขาดูเด็กน้อยสองคน “น่ารักจริงๆ เลย จุ๊ จุ๊…

ตอนที่เห็นหลินซีเฉินคุณย่าก็ทำเสียงจะไม่หยุด เด็กชายก็ดู หล่อเหลา มองดูอย่างละเอียดก็เหมือนกันกับจงจึงห้าวไม่มีผิด โครงหน้าเล็ก เหมือนกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน

ไม่ต้องแนะนำอะไรมานัก เธอก็รู้เด็กทั้งสองเป็นลูกของจงจึง

ห้าวอย่าแน่นอน

ซูจ้านทำปากจิ๊จ๊ะ ใครจะกล้าเหมือนจงจึงห้าวแบบนี้? โชคดี ชะมัด อยู่เงียบๆ ก็ได้ลูกแฝดมาหนึ่งคู่ แถมยังเป็นแฝดหญิงชาย อีก แค่นี้ก็พอแล้ว และที่สำคัญ ลูกทั้งสองคนได้สืบต่อข้อดีของ พ่อกับแม่มาอีก เด็กผู้ชายก็ฉลาด เด็กผู้หญิงก็น่ารัก ทั้งหมดนี้ ถูกจงจิ่งห้าวครอบครองทั้งหมด

“คุณย่าไม่ต้องคิดนะ ถึงแม้ว่าผมแต่งสะใภ้ ก็ไม่สามารถมีลูก แฝดชายหญิงได้หรอก”

ทําคุณย่าตาโตอีกครั้ง ห้า แฝดชายหญิง?

เธอมองไปที่พินิจพิจารณาไปที่หลินลุยซี แล้วมองไปที่หลินซี เฉิน ดูเหมือนว่าหลินเฉินจะสูงกว่าเล็กน้อย เดิมทีเธอคิดว่าเด็ก ทั้งสองเป็นพี่น้องท้องเดียวกันเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเป็นแฝดชาย หญิง หญิงชราคิดไม่ถึงเลยจริงๆ “แกดูนี่ ดูสิ ไม่เคยได้ยินมา ก่อน ว่ามีเด็กที่น่ารักถึงสองคน ชาติที่แล้วทำเรื่องอะไรมาบ้างถึงได้มีเด็กน้อยน่ารักถึงสองคน” ซูจ้านอยากจะตบปากตัวเอง เสียจริงๆ เดิมทีเพราะเรื่องที่ไม่แต่งงาน คุณย่าก็เพ่งเล็งเขาอยู่ แล้ว ตอนนี้ยังรู้ว่าจงจิ่งห้าวมีลูกแฝดหญิงชายอีก ก็อิจฉาจนแทบ บ้าแล้ว ไม่รู้ว่าจะบีบบังคับอะไรเขาอีก

ซูจ้านตกอยู่ในสถานการณ์ที่อนาถนัก

“ห้าว พวกเรากลับช้าลงอีกหนึ่งวันได้ไหม?” ถึงแม้ว่าซูจ้าน เองไม่พอใจการบีบบังคับของคุณย่า แต่นั่นก็คือคุณย่าของเขา เป็นคนที่เขารักมากที่สุด ตอนนี้อายุของท่านก็เยอะมากแล้ว เดิน ทางมาไกลขนาดนี้ เขาต้องการให้ท่านได้พักผ่อน

จงจิ่งห้าวอารมณ์ดี พร้อมกับฮึมฮัมเพลงเบาๆ

เขาคือประธานจงของห้างสรรพสินค้าที่แน่วแน่และเด็ดขาด และก็เป็นคนธรรมดา เขาก็คือพ่อแม่คนหนึ่ง ได้ยินคนอื่นชื่นชม ลูกตัวเองก็ย่อมดีใจเป็นธรรมดา

พูดมาถึงตรงนี้ก็ยังอยากขอบคุณหลินซินเหยียน ที่ให้เขาได้ ทำหน้าที่พ่อของลูก ให้เขาได้มีลูกแฝดชายหญิงที่ทำให้คนได้ อิจฉา

เขากอดเอวของหลินซินเหยียน

หลินซินเหยียนจ้องเขา คนเยอะแยะ มองแล้วอาจจะดูไม่ดี เธอ รีบร้อนถอนมือออกจากร่างกายอย่างแนบเนียน มือของจงจิ่ง ห้าวหายไป เขาไม่ยินดีเลยสักนิด เมื่อเวลาที่จะขึ้นไปบนตึก หลิน ซินเหยียนย่อลงและอุ้มลูกสาวของเธอขึ้นมา และห่างออกมาส องก้าว เธอยิ้ม “ซูจ้าน คุณดูแลคุณย่าเถอะ เช้าขนาดนี้คงยังไม่ได้ทานข้าว ตอนนี้ห้องอาหารยังพอมีอาหารเช้าอยู่

“ครับพี่สะใภ้” ซูจ้านจับมือของหญิงชราไว้” ไปครับคุณย่า

เช้าแบบนี้ยังไม่ได้ทานอะไรมาใช่ไหม ผมพาคุณย่าไปกินเอง” หญิงชรายิ้มให้กับหลินซินเหยียนแล้วมองไปยังเด็กที่อยู่ใน อ้อมแขนเธออีกครั้ง มีความสุขเกิดขึ้นภายในใจ ถึงแม้ว่าจะ

ไม่ใช่ซูจ้านก็ตาม

ซูจ้าน เสิ่นเผยชวน จงจิ่งห้าว ถึงจงจึงห้าวจะอายุมากที่สุด แต่ พวกเขาสามคนก็ห่างกันไม่มากนัก ห่างแค่ปี สองปีเพียงเท่านั้น

เธอชี้ไปที่เสิ่นเผยซวน และชี้ไปที่ซูจ้าน “นี่พวกแกสองคน ไม่ ฉลาดเหมือนจึงห้าว ดูพี่สะใภ้สิ จมูกเป็นจมูก ตาเป็นตา แล้วดู เด็กสองคนนี้สิ และดูพวกแกสองคน มีอะไรบ้าง? ”

หลินชินเหยียน

เธอรู้สึกทำตัวไม่ถูก ถูกคนอื่นชมตรงๆ ต่อหน้าขนาดนี้ เสิ่นเผยชวนกุมขมับ แล้วทำไมถึงพูดถึงเขาขึ้นมาอีกแล้วเนี่ย ซูจ้านทำหน้าหมดหวัง

ก็ใช่ เขาไม่มีความสามารถที่จงจึงห้าวมี แต่ไม่ต้องพูดออกมา ชัดเจนขนาดนี้ก็ได้?

มันเจ็บปวด เข้าใจไหม

ที่มีความสุขที่สุด ในนี้ก็คงจะเป็นจงจึงห้าวล่ะ เขายกมุมปาก ขึ้นเล็กน้อย ขอบตาเป็นประกาย จะมีอะไรน่าภาคภูมิใจไปกว่าการที่ถูกคนอื่นชมภรรยาและลูกๆ ล่ะ

“คุณย่าครับพวกเราไปกันเถอะ ไปเถอะ” ซูจ้านลากเธอไป “ไปที่หลังไม่มีอะไรให้กินแล้วนะ”

“แกสักแต่จะกิน หาเมียไม่ได้ ฉันจะถลกหนังแก!” หญิงชรา พูดเสียงแข็ง

ซูจ้านยิ้มทะเล้น” คุณย่าถลกหนังผม แล้วใครจะดูแลคุณย่า เล่า? ”

“ฉันไม่ให้แกดูแลฉันแน่ แล้วฉันจะไปอยู่บ้านพักคนชราไม่ได้ เหรอ” หญิงชราพูดอย่างชัดเจน

หลินซินเหยียนยิ้ม ก็พอจะรู้แล้วแหละว่าจ้านนิสัยเหมือนใคร ประเมินได้ว่าเหมือนคุณย่านี่เอง

สุขสันต์

นิสัยดีแบบนี้ เส้นผมที่ใกล้จะขาวไปทั้งหัวแล้ว แต่ยังดูมีพลัง มากกว่า หนุ่มสาวหลายคน

หลินซินเหยียนอุ้มเด็กน้อย ตอนที่เตรียมตัวขึ้นตึก พบว่าฉัน ยายืนอยู่ข้างๆ เธอ หน้าตาดูไม่ค่อยดีนัก

เธอส่งลูกสาวให้กับจงจึงห้าว “คุณดูพวกเขาสองคนไปก่อน เธอต้องการคุยกับฉินยาเป็นการส่วนตัว

ในตอนที่จงจึงห้าวรับลูกสาวมา เขยิบหน้าเข้ามาใกล้หูของ หลินซินเหยียน กระซิบว่า “ภรรยาของผมเก่งมาก ให้ผมดูแลลูกสองคนในคราวเดียว”

หลินซินเหยียน หันไปมองเขา นายคนนี้

เขารีบถอยห่างกลับมาอย่ารวดเร็ว เหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่ได้ พูดอะไรเลย มือหนึ่งอุ้มลูกสาว อีกมือหนึ่งกุมมือลูกชาย “ไป เถอะพวกเรา”

“ฉันกับนายไปด้วยกัน” เสิ่นเผยชวนขึ้นไปพร้อมกัน นี่ต้องรอ เพิ่มอีกหนึ่งวัน ไม่มีเรื่องอะไรให้ทำแล้ว ต้องหาเรื่องทำฆ่าเวลา แล้วล่ะ “พวกเราสี่คนมาช่วยกันจัดโต๊ะเถอะ”

“ทำไมต้องจัดโต๊ะล่ะครับ” หลินซีเฉินถามขึ้น

เงินเผยชวนตอบไปว่า “แน่นอนว่าต้องเล่นไพ่ จงจิ่งห้าวเหลือบสายตาไปที่เขา “อยากเล่น ก็ออกไปเล่นข้าง นอก”

อย่าสอนสิ่งไม่ดีให้ลูกของเขา

เสิ่นเผยชวนยิ้ม “ฉันก็แค่ล้อเล่นน่า

“คุณอาเงิน พวกเราสองคนมาเล่นแม่นปืนกันเถอะ” หลินซี เฉินปล่อยมือจากจงจึงห้าว วิ่งไปทางเส้นเผยชวน ช่วงนี้เขาเจอ เกมที่สนุกเล่นแล้ว แต่ยังไม่มีฝ่ายตรงข้าม

แค่ได้ฟังชื่อ เสิ่นเผยชวน ก็รู้สึกว่าน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ได้ เลย”

ทั้งสองใจตรงกัน จึงตกลงขึ้นไปบนตึกก่อนใคร
ด้านล่างตึก หลินซินเหยียนเดินไปหยุดต่อหน้าฉันยา “พวก เราไปคุยกันข้างนอกเถอะ”

จินยาพยักหน้ารับ

ด้านนอกนั้นมีลมพัด หลินซินเหยียนกระชับเสื้อคลุม หญิงสาว สองคนเดินไปบนถนนอย่างช้าๆ

ข้างๆ หูได้ยินเสียงลมพัด ฟู ฟู

หลินซินเหยียนไม่ได้เริ่มประเด็นที่จะพูด เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วน ตัวของฉินยา เธอไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง

ผ่านไปสักพัก ฉินยาเริ่มพูดก่อน “ฉันกับซูจ้าน มันไม่ใช่เรื่อง จริง”

เธอสารภาพออกมาว่า “ฉันกับเขาดื่มหนักกันทั้งคู่ ไม่ทันได้

ระวังถูกเธอมาเจอเข้า ฉันขอโทษ เขาแกล้งหลอกว่าเรากำลังคบ

กันอยู่”

หลินซินเหยียนเข้าใจแล้ว เธอก็รู้สึกว่ามันผิดปกติ ตอนที่ คุณย่าของซูจ้านมา ซูจ้านไม่ได้แนะนำฉันยาให้ท่านรู้จัก

“คุณคิดว่ามันเป็นยังไง ฉันดูแล้วจ้า….

“หลอกยังไงก็คือหลอก เขาไม่ชอบผู้หญิงอย่างฉัน” ฉันยา แสดงความรู้สึกเธอออกมา

หลินซินเหยียนไม่ได้พูดอะไรต่อ บางครั้งเธอเองก็รู้สึกว่า จ้านก็มีใจชอบพอฉินยาอยู่เหมือนกัน แต่ว่าความรู้สึกแบบนี้ เธอเคารพการตัดสินใจของเจ้าตัว รองเท้าพอดีไม่พอดีเท้า มีแค่คน ใส่เท่านั้นที่จะรู้

ในฐานะเพื่อนและญาติ ตราบใดที่ดูแลอย่างเหมาะสม ก็ไม่ สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้

สิ่งนี้ถึงเรียกว่าเคารพ

เธอกอดไหล่ฉินยา “ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง ฉันจะอยู่เคียง

ข้างเธอ”

ฉันยายิ้ม เธอชอบหลินซินเหยียน เพราะว่าเธอรู้การดูแล ความรู้สึกของคนอื่น

ครีด คริด—

ในตอนนี้ โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินซินเหยียนดังขึ้นมา เธอ หยิบมันขึ้นมาดูหมายเลขผู้โทร…


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ