กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่329 ฉันช่วยนายไม่ได้หรอก



บทที่329 ฉันช่วยนายไม่ได้หรอก

หลินซินเหยียนก้มหน้าลง ก็เห็นไข่นกพิราบ’เม็ดนั้นบนมือ ของลูกสาว

ตอนนั้นเธอออกไปอย่างเร่งรีบ ของก็ลืมไว้บนเตียงนอน หลิน ลุยซีเดินขึ้นไปหาเธอ กลับพบว่าไม่มีคนอยู่ แต่เห็นบางอย่าง ส่องแสงวิบวับอยู่บนเตียง

เด็กหญิงตัวเล็กนั้นชอบเพชรแวววาวนี้มาก เธอไม่รู้ราคาของ มัน เพียงแค่คิดว่ามันสนุกดี

หลินซินเหยียนไม่รู้จะทำอย่างไร เธอหันกลับไปมองจงจึงห้าว เพื่อถามความเห็นของเขา นี่ไม่ใช่ของเล่นธรรมดา เธอตัดสินใจ เองไม่ได้

อีกอย่าง ของนี้จะเอามาเป็นของเล่นได้อย่างไร?

จงจิ่งห้าวกลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร กลับกันต่อให้หลิน ซินเหยียนไม่ชอบ ขอแค่ลูกสาวชอบเขาก็ดีใจแล้ว

เขาลูบหัวลูกสาวเบาๆ “ชอบหรอ?”

เด็กหญิงตัวเล็กพยักหน้าจริงจัง “หนูชอบค่ะ แวววาวมาก หนู ยังไม่เคยเห็นก้อนหินที่แวววาวขนาดนี้มาก่อน แด๊ดดี้ หม่ามี พวกคุณไปเก็บมันมาจากไหนหรอคะ?”

เธอเองก็อยากไปเก็บมันสักเม็ด
สวยมากเลย

เด็กผู้หญิงน่ะนะ ต่างก็ชอบของที่ชมพูๆ สว่างๆแวววาว หลินซินเหยียน ”

ก้อนหิน?

เธอนั่งยองๆ มองดูลูกสาวและสอนเธออย่างอดทน “เสี่ยวลุ่ย อันนี้น่ะไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา ไม่ได้เก็บมาและมันก็หายากมาก ด้วย ไม่สามารถเอาออกไปเล่นข้างนอกได้ หม่ามีจะเก็บให้หนูนะ รอลูกโตแล้ว หม่ามี้ถึงจะคืนให้หนูดีมั้ยจ๊ะ? ”

หากนําสิ่งนี้ออกไปข้างนอก และปล่อยให้คนโลภเห็นมันเข้า มันจะไม่คุ้มกับการสูญเสียที่จะนำภัยพิบัติมาสู่เธอ

เด็กหญิงน้อยไม่เข้าใจเท่าไร เพียงแต่เข้าใจว่า หินก้อนนี้ดู

เหมือนจะมีราคา

เธอก้มหน้ามองไข่นกพิราบ มันแวววาวจริงๆ

เธอชอบมันมาก

หลินซินเหยียนดูออกว่าลูกสาวของเธออาลัยอาวรณ์ เธอถอน หายใจเล็กน้อย “หม่ามีไม่ใช่ว่าจะไม่ให้หนูนะจ๊ะ แต่ว่าของ ค่อนข้างจะมีราคา ถ้าหนูถือออกไปข้างนอก มีคนไม่ดีมาเห็นเข้า ก็จะมาแย่งของหนูไป ใช่มั้ย?”

เด็กหญิงดูเหมือนจะจิตนาการได้ว่ามีคนจะมาแย่งของของเธอ เลยกอดมันไว้ในอ้อมกอด
การกระทํานั้นทำให้หลินซินเหยียนทำหน้าไม่ถูก

ก่อนหน้านี้ทำไมเธอไม่รู้ว่าเธอชอบของที่มันแวววาวขนาดนี้

“งั้นห้ามถือออกไปเล่นข้างนอก ตกลงไหม?” แน่นอนว่าตอนนี้ คงกล่อมเธอไม่สําเร็จ รอจนเธอไม่ค่อยสนใจมันแล้ว ค่อยเก็บ ให้เธอละกัน

แต่เด็กหญิงกลับลังเล คำพูดที่ว่าจะโดนคนแย่งไปนั้น ทิ่มแทง เธอเล็กน้อย ถ้าหากโดนแย่งไปล่ะ งั้นเธอก็ไม่มีแล้ว

เธอยังคงลังเลเล็กน้อย แล้วยื่นไปตรงหน้าหลินซินเหยียน “หม่ามี้ หม่ามีช่วยหนูเก็บมันเถอะ รอให้หนูโตขึ้น หม่ามีค่อย คืนให้หนู”

หลินซินเหยียนบีบหน้ารูปไข่กลมๆของเธอ “เชื่อฟังแบบนี้ เป็น เด็กดีจริงๆ”

เด็กหญิงยิ้มจนเห็นฟันขาวๆ เล็กๆของเธอ

“คุณชาย คุณผู้หญิงคะ ” ป้าหยูเดินเข้ามา “คุณท่านเรียก พวกคุณไปพบที่ห้องหนังสือค่ะ”

หลินซินเหยียนให้ลูกสาวของเธอไปเล่น แล้วหันกลับมามอง จงจิ่งห้าว

เมื่อสบตากัน จงจิ่งห้าวจึงพูดเบาๆว่า “ฉันรู้แล้ว”

หลินซินเหยียนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จงฉีเฟิงเรียกพวกเขา แน่นอนว่าต้องมีเรื่องแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย
จงจิ่งห้าวลูบไหล่ของเธอ “มีผมอยู่”

ใจของเธอสงบลง

เดินไปถึงห้องหนังสือ จงจึงห้าวเงยหน้าขึ้นเคาะประตูภายใน ห้องมีเสียงดังออกมาว่าเข้ามา เขาและหลินซินเหยียนจึงผลัก ประตูเข้าไป

ในห้องหนังสือนั้นมีเพียงจงฉีเฟิงแค่คนเดียว เขากำลังฝึก เขียนอักษร เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา เขาก็วางพู่กันในมือลง แล้วเชิญให้พวกเขานั่ง

“เด็กสองคนนั้นก็ใกล้จะถึงวัยเข้าเรียนแล้ว พวกเธอตั้งใจไว้ ว่าอย่างไร?” อันที่จริงจงเฟิงอยากจะถามว่าทำไมไม่ให้เด็ก สองคนนั้นไปเรียนอนุบาล คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการเรียน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าหลายปีมานี้หลินซินเหยียนดูแลเด็กสองคนนี้ แค่คนเดียว คงจะมีหลายอย่างที่ไม่สะดวก ดังนั้นเขาจึงไม่ถาม อะไรมาก

ผ่านปีนี้ไป พวกเขาก็จะครบ6ขวบแล้ว ครึ่งปีก็จะสามารถเข้า เรียนได้แล้ว เขาครุ่นคิดว่าสามารถเข้าเรียนอนุบาลได้แล้ว ให้ พวกเขาได้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการเรียน

“ผมได้วางแผนไว้แล้ว” จงจึงห้าวคิดไว้ตั้งนานแล้ว อีกอย่าง ได้จัดเตรียมไว้เมื่อปีก่อนเรียบร้อยแล้ว

หลินซินเหยียนมองเขา ทำไมไม่เคยได้ยินเขาเคยพูดถึงเลย? ปีใหม่ที่ผ่านมานี้ยังไม่มีโอกาส ตอนแรกเขาตั้งใจจะพูดกับเธอวันนี้ แต่เพราะว่าเรื่องของจวงจื่อจีน จึงไม่มีโอกาสที่จะพูด

“วอชิงตัน?” จงฉีเฟิงลองถาม

การศึกษาและสภาพแวดล้อม โรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ถือว่าดี ที่สุด ที่สำคัญคือว่านเชิงกรุ๊ปเป็นผู้ลงทุน ครูในนั้นทั้งหมดเขา เชื่อใจได้ เด็กสองคนนั้นอยู่ในนั้นเขาก็วางใจ

มีสุภาษิตที่ว่า จากบรรพบุรุษถึงลูกหลานนั้นผูกพันระหว่างกัน บางทีอาจจะมีเหตุผล เขาเป็นห่วงเด็กสองคนนั้นมากกว่าจงจึง ห้าวในตอนนั้นเสียอีก

จงจิ่งห้าวกล่าวอืม

จงฉีเฟิงพูด “พวกเธอยุ่งเรื่องของพวกเธอเถอะ หลังจากนี้เรื่อง ดูแลเด็กสองคนนี้ก็ให้พวกฉันเป็นคนจัดการเถอะ”

จงจิ่งห้าวยุ่งเขารู้ หลินซินเหยียนเองก็เหมือนจะมีธุรกิจของ ตนเอง เรื่องดูแลเด็กสองคนก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาและเฉิง ยู่ซิ่วสองคน

เพราะนึกถึงช่องว่างที่จงจึงห้าวมีต่อเฉิงซิ่ว ดังนั้นเฉิงซิ่ว

เลยไม่เข้ามาในห้องหนังสือ กลัวว่าจงจึงห้าวจะไม่เต็มใจ อันที่จริง ระยะเวลาที่อยู่ที่นี่ เขานอกจากจะไม่พูดกับเฉิงซิ่ว

แล้ว กลับไม่ได้มองด้วยสายตาเย็นชาอย่างแต่ก่อน

เขาไม่ยอมที่จะปล่อยวางนั้นเพราะว่าเหวินเสียน หลินซินเหยียนยอมเชื่อฟังที่พวกเขาจัดการ เธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับสถานการณ์ภายในประเทศ อีกอย่าง ถ้าเป็นจงจึงห้าว จัดการนั้นเธอก็เบาใจ

ความคิดเห็นตรงกัน การสนทนาครั้งนี้ค่อนข้างที่จะราบรื่น อย่างไรเสียจุดประสงค์ของพวกเขาก็เหมือนกัน เพื่อสิ่งที่ดีแก่ เด็กๆ

คุยเสร็จ จงจิ่งห้าวและหลินซินเหยียนก็ออกจากห้องไป เตรียมที่จะขึ้นข้างบน เสียงกริ่งที่ประตูก็ดังขึ้น

ป้าหยูไปเปิดประตู ซูจ้านยืนอยู่หน้าประตูโยกเยกไปมา บน ตัวไม่ได้สวมเสื้อคลุม มีเพียงชุดสูทบางๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่น แอลกอฮอล์

ป้าหนูรู้จักเขารู้ดีถึงความสัมพันธ์ของเขาและจงจึงห้าว ป้าหนู หันหน้ากลับมา “คุณผู้ชายคะ คุณซูจ้านค่ะ ดูเหมือนจะเมาแล้ว ด้วย”

จงจิ่งห้าวขมวดคิ้ว ดื่มเมาแล้วมาที่นี่ทำไม?

“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้… ซูจ้านยืนพิงประตูตะโกนออกมา หลินซินเหยียนเดินเข้าไป ถึงเห็นสภาพของเขา ดูเหมือนจะดื่ม มาไม่น้อย

จงจึงห้าวมองเขาอย่างรังเกียจ “เข้ามา”

ป้าหยุพยุงเขาเข้ามานั่งที่โซฟาห้องรับแขก หลินซินเหยียนเข้าไปในครัวชงน้ำผึ้งให้เขาดื่มหนึ่งแก้ว “ดื่มนํ้าผึ้งหน่อยนะจะได้หายเมา

ซูจ้านยิ้มหวาน “ขอบคุณพี่สะใภ้” เขารับแก้วมา แล้วดื่มรวด เดียวหมด

เขายื่นส่งให้หลินซินเหยียน “ผมขออีกแก้วได้ไหม?” หลินซินเหยียนรับมา ไปซงมาให้เขาอีกแก้วหนึ่ง ครั้งนี้เขาดื่ม

ไม่หมด

“พูดมาสิ เพราะเรื่องอะไร ทำไมนายถึงเป็นแบบนี้?” หลินซิน เหยียนนั่งลงข้างๆจงจิ่งห้าว

ซูจ้านทำท่าน่าสงสารมองไปยังหลินซินเหยียน “พี่สะใภ้ คุณ ต้องช่วยผมนะ ฉินยาไม่ต้องการผมแล้ว”

วันสิ้นปีฉินยายังปรากฏตัวที่ห้องผู้ป่วย อยู่กับเขาและหญิง

ชราเคาท์ดาวน์ปีใหม่ด้วยกัน หญิงชราก็ดูจะอารมณ์ดี

แต่ว่าสองวันนี้ เขาติดต่อฉินยาไม่ได้ เธอไม่ยอมพบเขา ถึง ขนาดหลบหน้าเขา

หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว “พวกคุณทะเลาะกันหรอ?”

คนที่เธอเป็นห่วงนั้นไม่ใช่ซูจ้าน หากแต่เป็นฉินยา

ด้านอารมณ์นั้น ผู้หญิงค่อนข้างละเอียดอ่อนและเปราะบาง มาก

เรื่องมาถึงขนาดนี้เขาไม่พูดความจริงไม่ได้แล้ว “ผมเคยมี แฟนเก่ามาก่อน ใช่มั้ยล่ะ พอกลับมาแล้ว พวกเราก็พบกันสองสามครั้ง….” แล้วเขาก็รีบอธิบายต่อ “ก็แค่พบกันเฉยๆ ไม่มี อะไรทั้งนั้น แต่ว่าฉันยาไม่เชื่อผม จะเลิกกับผมให้ได้เลย”

เรื่องนี้ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เธอก็เลือกที่จะอยู่ข้างฉันยา ซูจ้านกับฉินยาตกลงอยู่ด้วยกันแล้ว ทำไมจะต้องไปพบแฟน เก่าอีก?

“นายยังมีความรู้สึกกับแฟนเก่าอยู่หรอ?”

“ไม่มี แล้วทำไมยังต้องไปพบกันอีก?”

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามย้อนกลับที่เฉียบคมของหลินซินเห ยียน ซูจ้านถึงกับพูดไม่ออก อีกอักอยู่นานกว่าจะหาคำอธิบายที่ เหมาะสมได้ “ไม่ใช่แบบคนรัก แค่เพื่อนเฉยๆ…

“ฉันช่วยนายไม่ได้หรอก” หลินซินเหยียนเลือกที่จะตัดบทเขา เธอคุ้นเคยกับฉินยามาหลายปี พอที่จะเข้าใจนิสัยของเธอดี “เธอ ไม่ใช่คนที่จะอาละวาดอย่างไม่มีเหตุผล นายน่าจะไปโดนขีด จำกัดของเธอเข้า ไม่เช่นนั้น เธอคงไม่ตัดเยื่อใยเช่นนี้ เธอตกลง ที่จะแต่งงานกับนาย ก็ต้องมีความคาดหวังไว้แน่นอน อีกทั้งยัง เลือกที่จะตัดเยื่อใยอย่างไม่ลังเล แน่นอนว่านายจะต้องไป ทําร้ายจิตใจของเธอเข้าแล้วล่ะ”

“ใช่ ผมไม่ดีเอง” ซูจ้านยอมรับว่าตนเองผิด ไม่ควรจะปิดบัง เธอว่าไปพบหลิวเฟยเฟย แต่ว่า ก็ไม่ควรตีเขาด้วยไม้ให้ตายใน ครั้งเดียวสิ แค่โอกาสนิดหน่อยก็ไม่ให้เขาเลยหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ