กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่313สามารถส่งมอบกิจการให้กับลูกสาวได้



บทที่313สามารถส่งมอบกิจการให้กับลูกสาวได้

“ไม่กลับมาแล้ว บอกว่ามีงานอีเวนต์ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคือ อะไร รู้แค่ว่าเขายุ่งมาก และไม่รู้ว่าไม่มีเวลาจริงหรือแค่อ้างว่า ไม่มีเวลา แต่ยังไงก็คือไม่กลับมา” ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนรองเท้า ให้หลินลุยซี ด้านในไม่ได้ตกแต่งได้สวยงามอะไรนักมันค่อนข้าง เรียบง่าย ในบ้านไม่มีคนรับใช้เลย ผู้หญิงคนนี้เป็นคนจัดการทุก อย่างเอง ยังดีที่บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่นัก

ผู้หญิงคนนี้ก็คือภรรยาของเหวินชิงหลง เนื่องจากฐานะของ เหวินชิง บวกกับตอนนี้สถานการณ์กำลังตึงเครียด เบื้องบนตรวจ สอบอย่างเข้มงวด ผู้หญิงคนนี้ทำตัวไม่เป็นที่สนใจ กลัวว่าจะไป สร้างปัญหาให้เหวินชิงเข้า เหมือนจะได้ยินเสียงที่ดังขึ้น คนที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก็เก็บ

หนังสือพิมพ์ลงไป แล้วมองมาทางนี้

ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไป “พวกเขามาถึงแล้ว เด็กๆ ก็น่ารักน่า เอ็นดูมากเลยค่ะ พวกคุณคุยกันก่อนนะคะ ฉันยังเหลืออาหารอีก สองอย่างที่ยังทำไม่เสร็จ ฉันขอเข้าไปก่อนนะคะ”

เหวินซึ่งยกมือหนึ่ง “คุณไปทำเถอะครับ”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเคยได้ยินเฉิงซิ่วพูดถึงเหวินชิงคนนี้รึเปล่า จึงได้มีความรู้สึกที่สนใจมาก ในจังหวะที่เหวินชิงเอา หนังสือพิมพ์ลงนั้น หลินซินเหยียนก็หันไปมอง
เนื่องจากภายในบ้านนั้นมีเครื่องปรับอากาศ เขาจึงใส่แค่เสื้อ สเวตเตอร์ ปอยผมทั้งสองข้างเป็นสีขาว ดูแล้วอายุน่าจะพอๆ กับ จงฉีเฟิง แค่ความรู้สึกที่สัมผัสได้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาจจะเป็นเพราะเขาเติบโตมาแบบทหาร ตอนที่ไม่แสดงสีหน้า แบบนี้ มันทำให้รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียส

ส่วนจงฉีเฟิงนั้นค่อนข้างอ่อนโยน

หลินซินเหยียนคิดในใจ จงฉีเฟิงนั้นต้องมีความรู้สึกกับเฉิง ซิ่วแน่ๆ ลองจินตนาการดู สมมติว่าต้องอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตัว เองไม่ได้รัก แล้วมันจะตกตะกอนออกมาได้ยังไงล่ะ?

ในเวลาเดียวกัน เหวินซึ่งก็มองมาที่หลินซินเหยียนเหมือนกัน เธอไม่ได้แต่งตัวมาเป็นพิเศษ เธอมาในหน้าสด แต่ผิวพรรณของ เธอดี จึงไม่ได้กระทบกับความรู้สึกสบายตาที่มีให้คนอื่นเลย ผม ดำยาวของเธอถูกรวบเป็นทรงหางม้า เผยให้เห็นใบหน้าอย่าง ชัดเจน ดวงตาที่เป็นประกาย จมูกที่สูงชัน ริมฝีปากที่แดงไม่น้อย ใบหน้าของเธอไม่มีจุดไหนที่ดูโดดเด่นออกมา แต่เมื่อองค์ ประกอบแบบนี้มารวมอยู่ในที่เดียว ก็ทำให้เธอดูสวยอย่างน่า ตกใจ

สายตาของเหวินชิงเป็นประกายเล็กน้อย มองจนตกอยู่ใน ภวังค์ไปครู่หนึ่ง

ได้เสียงเรียกคุณลุงครับของจงจึงห้าวที่ดึงสติเขากลับคืนมา เขากวักมือเรียกเด็กๆ ทั้งสอง “มานี่เร็ว มาให้ฉันดูหน่อย

หลินซีเฉันเดินเข้าไปอย่างกล้าหาญโดยไม่มีความเขินอายเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีความเกรงกลัวเหวินชิงที่ดูแข็งกระด้าง เลยสักนิด

คนที่เป็นทหาร ต่อให้อ่อนโยนลงมา มันก็ยังดูไม่น่าเข้าใกล้ เหมือนกับคนทั่วไปอยู่ดี

แต่หลินลุยซีนั้นมีอาการกังวลนิดหน่อย ไม่กล้าเดินเข้าไป จง

จิ่งห้าวลูบหัวของเธอ “ไปสิ”

เหมือนน้ำเสียงที่ทุ้มลึกของเขาจะทำให้เด็กน้อยรู้สึกปลอดภัย เธอรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไป

เหวินซึ่งมองดูเด็กน้อยทั้งสอง มองซ้ายทีขวาที สุดท้ายก็พยัก หน้า “ดี ดี ดี”

เหวินชิงพูดดีออกมาติดต่อกันสามคำ เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์

ดีแค่ไหน

“ข้างนอกหนาวมากใช่มั้ย?” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงไป มาก

“ไม่มากครับ ตอนนั่งอยู่ในรถก็ไม่รู้สึกหนาวเท่าไหร่ครับ” หลินซีเฉินตอบ

เหวินชิงหัวเราะออกมาเสียงดัง น้อยมากที่จะเจอเด็กที่ไม่กลัว เขา เพราะตอนที่เขาไม่ยิ้ม มันทำให้เขาดูจริงจังมาก

มือใหญ่ๆ ของเขาวางลงบนบ่าของหลินซีเฉิน คลำๆ ไปที่ กระดูกของเด็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “เด็กคนนี้หน่วยก้าน ใช้ได้” เขาจ้องมองหลินซีเฉิน “อยากที่จะไปใช้ชีวิตกับฉันในกองทัพรีเปล่า?”

ในตอนนั้นหลี่จิ้งก็ออกมาพอดี ในมือยกกาแฟร้อนๆ มาด้วย เธอหันไปมองเหวินชิง “คูณนี่ก็อยากเห็นใครก็จะดึงเข้ากองทัพ อย่างเดียวสิคะ ลูกชายของเราก็ถูกคุณทำให้ตกใจกลัวจนหนีไป แล้วไม่ใช่รึไง?”

พอนึกถึงลูกชายเหวินซึ่งก็ทำเสียงอึดอัดออกมา

หลี่จิ้งวางกาแฟลงบนโต๊ะ “พวกเธอรีบนั่งเร็ว ในนี้ก็ไม่ใช่ คนนอก ไม่ต้องเกรงใจ

คำพูดนี้ตั้งใจพูดให้หลินซินเหยียนฟัง หลินซินเหยียนยิ้มออก มาอย่างสุภาพ

จงจึงห้าวดึงมือเธอให้นั่งลง “เธออายุน้อยกว่าผมครับ”

เหมือนต้องการจะสื่อว่า ถ้าตรงไหนที่เธอทำได้ไม่เหมาะสมก็

อย่าถือสาเลย

หลี่จิ้งอึ้งไปแบบหนึ่ง ถึงได้เข้าใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดู แล้วอายุก็ยังน้อย”

เหมือนนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ

“เธอไม่ต้องใส่ใจไปนะ ลุงของเธอก็เป็นคนแบบนี้แหละ ตอน นั้นจึงห้าวก็ถูกเขาพาไปเป็นทหารอยู่หลายวันเลย แต่ตระกูลจงมี เขาเป็นทายาทแค่คนเดียว จําเป็นต้องลงมาสืบทอดกิจการของ ครอบครัว เลยไม่ได้อยู่ต่อ” หลี่จิ้งตบๆ ที่มือของหลินซินเหยียน เพื่อบอกให้เธอไม่ต้องไปใส่ใจคำพูดของเหวินชิง
เหวินซึ่งทําเสียงฮึดฮัด “การเป็นทหารแล้วมันไม่ดีตรงไหน? จึงห้าวในตอนนั้นทำผลงานได้ดีแค่ไหน? ถ้าไม่ออกมาซะก่อน ตอนนี้อาจจะประสบความสำเร็จมากกว่าผมแล้วก็ได้ น่าเสียดาย จริงๆ”

ตระกูลจงมีทายาทแค่จงจึงห้าวคนเดียว ถึงเหวินชิงดึงดันแค่ ไหน ต่อให้เป็นลูกชายของน้องสาวก็ตาม แต่สุดท้ายเขาก็แซ่จง ไม่ได้แช่เหวิน

เหวินชิงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจมาก

วันนี้ได้มาเห็นลูกๆ ของเขา จึงได้มีใจขึ้นมาอีกครั้ง

หลี่จิ้งเป็นคนที่นอนอยู่ข้างหมอนเขา เธอจึงรู้จักเขาเป็นอย่าง ดี และได้พูดห้ามเขาไปว่า “ตอนนี้จึงห้าวก็มีลูกชายคนนี้แค่คน เดียว ถ้าเกิดไปเป็นทหารจริงๆ แล้วกิจการครอบครัวที่ใหญ่ ขนาดนั้น ใครจะมาดูแลล่ะคะ?”

หลี่จิ้งก็ยังถือว่าหัวโบราณอยู่ เธอไม่ได้มองหลินลุยซีจะเป็น คนที่รับช่วงต่อกิจการครอบครัวได้เลย เพราะหลินลุยซีเป็นเด็กผู้ หญิงต่อไปก็ต้องแต่งงานออกเรือน

จงจิ่งห้าวอุ้มลูกสาวมานั่งที่ตัก แล้วพูดออกมาคำหนึ่งว่า “ลูกสาวก็เหมือนกันครับ

เขาไม่ได้มีแนวคิดที่ว่ามีแค่ลูกชายเท่านั้นที่จะสืบทอดกิจการ ได้ ที่สำคัญกับลูกผู้หญิง เขายิ่งรักใคร่มากขึ้นไปอีก

ต่อไปอนาคตถ้าลูกสาวสนใจ ก็แบ่งกิจการกันคนละครึ่งอย่างเท่าเทียมกัน

ส่วนถ้าหลินซีเฉันรู้สึกสนใจในการทหารละก็ เขาก็สามารถ มอบกิจการให้ลูกสาวดูแลได้

“เธอสนใจที่จะไปเข้ากองทัพกับฉันมั้ย? มีปืน ให้ถือด้วยนะ?” เหวินชิงถามหลินซีเฉิน

“ปืนจริงๆ เหรอครับ?” หลินซีเฉินถาม

เหวินซิงเอามือตบเข้าไปที่หน้าอก “มันแน่นอนอยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นผมก็สนใจครับ ใช้มือถือปืนยาว เล็งไปที่คนชั่ว มันเท่มากจะตาย” ตอนที่หลินเฉินพูด ยังใช้มือทำท่าแบบที่ กําลังถือปืนด้วย

ทําท่าทางอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทำเอาเหวินชิงถึงกับหัวเราะดัง ลั่น เขาดีใจมาก เขาเงยหน้าขึ้นมามองไปที่จงจิ่งห้าว “พวกเธอ อายุยังน้อย ยังมีลูกอีกคนได้ คนนี้ฉันขอแล้วกัน”

หลี่จิ้งพูดขัดเขา “ยกให้คุณแล้วมีประโยชน์อะไร ตอนนี้เขายัง เด็กมากเลยนะคะ”

“งั้นผมรอเขาโตกว่านี้อีกหน่อยก็ได้นี่” เหวินชิงนั้นอยากให้ หลินซีเฉินรับช่วงต่อจากเขาจริงๆ แวบแรกที่เห็นหน้า เขาก็รู้สึก ถูกชะตามากแล้ว

“เอาละไปที่ห้องอาหารกันเถอะ อาหารทำเสร็จหมดแล้ว” หลี่ จิ้งลุกขึ้นไปยกอาหารที่ห้องครัว หลินซินเหยียนลุกตามขึ้นมา “เดี๋ยวฉันไปช่วยนะคะ”
จงจิ่งห้าวพยักหน้า

“ไปห้องอาหารกัน” เหวินชิงจูงมือหลินซ์เงิน

โต๊ะทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีเก้าอี้หกตัวล้อมรอบเท่าจำนวนคน พอดี

เหวินชิงนั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะ ให้หลินซีเฉินนั่งข้างๆ เขา

ในห้องครัว หลี่จิ้งจ้องมองหลินซินเหยียน “ที่นี่เธอไม่ต้อง หรอก รีบไปนั่งเถอะ แปบเดียวฉันก็ยกเสร็จแล้ว”

หลินซินเหยียนเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างมือ “ยังไงฉันก็ไม่มีอะไรทำ อยู่ดี มาช่วยคุณยกจะเสร็จเร็วๆ ค่ะ”

หลินซินเหยียนพูดมาแบบนั้นแล้ว หลี่จิ้งจึงไม่อยากปฏิเสธอีก เลยต้องให้เธอช่วย อาหารที่หลี่จิ้งเตรียมไว้มีเยอะมาก ตอนที่ยก ทุกอย่างออกไป ก็วางเต็มโต๊ะไปหมดแล้ว

เหวินชิงอารมณ์ดีมาก บอกให้หลี่จิ้งเอาเหล้าออกมา จะได้ดื่ม กับจงจิ่งห้าวสักสองแก้ว “เอาเหล้าเหมาไถขวดนั้นที่ผมสะสมไว้ ออกมาให้หน่อย

หลี่จิ้งถลึงตาใส่มองเขาที่หนึ่ง ไม่ใช่เพราะเขาอยากได้เหล้า แต่เป็นการเยาะเย้ยเขา “จงจึงห้าวเป็นมหาเศรษฐี มีเหล้าอะไรที่ เขาไม่เคยดื่มอีกล่ะ?”

เหวินชิงถอนหายใจออกมา “นั่นมันเหล้าที่ดีที่สุดที่ผมมีแล้ว ไม่ใช่รึไง? วันนี้บรรยากาศมันได้ ผมอารมณ์ดี ให้คุณเอาเหล้า ให้หน่อย ยังจะมาพูดมากอะไรนักหนา รีบไปเอามาเร็ว”
เหมือนเขาจะคิดอะไรได้ มองมาที่จงจึงห้าวแล้วถามไปว่า “ลูก ทั้งสองคน ออะไรบ้าง ฉันยังไม่รู้เลย

จงจึงห้าวยังไม่ทันได้ตอบ หลินลุยซีก็ช่วยเขาตอบไปก่อนแล้ว “หนูชื่อหลินลุยซีค่ะ ส่วนพี่ชายของหนูซื่อหลินซีเฉิน”

อาจจะเป็นเพราะเจอกันมาได้สักพัก เด็กสาวจึงไม่ได้ดูกลัวเห

วินชิงเหมือนกับตอนแรกแล้ว

สีหน้าของเหวินชิงเปลี่ยนไปทันที

หลินเหรอ?


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ