กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่312 ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว



บทที่312 ดื้อรั้นมาตั้งแต่เด็กแล้ว

หลินซินเหยียนได้ยินความเจ้าเล่ห์บางอย่างที่แฝงอยู่ในนั้น หน้าแดงขึ้นมา เธอจึงตั้งใจเปลี่ยนเรื่องคุย “จะพาเด็กสองคนนั้น ไปด้วยมั้ยคะ?”

“ครับ”

“งั้นฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้พวกเขานะคะ” หลินซินเหยียนหมุน ตัวแล้วลงไปชั้นล่าง เหมือนกำลังหนีออกจากเขา

เด็กสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ หลินซินเหยียนก็มัดผมให้หลิน ลุยซี ผมของสาวน้อยเป็นลอนเองโดยธรรมชาตินิดหน่อย ถ้าไม่ มัด มันจะดูหยิก มัดทรงหางม้า เผยให้เห็นหน้าผากที่อวบอิ่ม ทำให้ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่ ใบหน้าเล็กๆ ของเธอดูสวยมาก ตอนนี้ โตเป็นสาว ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนจงจึงห้าว ยิ่งโตเป็นสาว โครงหน้า เล็กๆ นั่นก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นไปทุกที

หลังมัดผมให้ลูกสาวแล้ว หลอนซินเหยียนก็ใส่เสื้อกันหนาว

แบบจีนให้เธอ เฉิงซิ่วเตรียมไว้ให้เธอสำหรับใส่ในช่วงปีใหม่

สีแดงนั้นดูเป็นสิริมงคล เป็นงานสมัยใหม่ที่ผสมผสานสไตล์จีน

มีเอกลักษณ์ มีกระดุมถักอยู่ตรงส่วนหน้าของเสื้อกระดุมถักเม็ด

แรกมีจี้หยกแขวนอยู่ สีขาวน้ำนม ไม่มีตำหนิเลยแม้แต่น้อย มัน

เป็นทรงกลม ตรงกลางถักปมแบบจีน มีห้องอยู่ ดูสวยงามมาก

หลินซินเหยียน ใส่แล้วเหมือนตุ๊กตาเลย ผิวพรรณกับกล้าม เนื้อที่เหมือนเซรามิก ตาดวงโตๆ ทั้งสดใสและมีพลัง
เสื้อผ้าของหลินซีเงินก็ได้เฉิงซิ่วเตรียมให้เหมือนกัน แต่มัน กลับเป็นคนละสไตล์กับหลินลุยซีเลย เป็นองค์ประกอบที่ทันสมัย สไตล์สุภาพบุรุษ

เสื้อสเวตเตอร์ผ้าวูลสีเบจกับเสื้อเชิ้ตสีขาว ชุดสูทตัวเล็กๆ มี เสื้อโค้ทสีเข้มด้านนอก ราวกับสุภาพบุรุษชาวตะวันตกไม่มีผิด

“หม่ามี้ครับ เราจะไปไหนกันเหรอครับ?” หลินซีเฉินยืนอยู่ หน้ากระจก มองดูว่าตัวเองยังมีตรงไหนที่ไม่สมบูรณ์อีกมั้ย

“น่าจะไปเจอใครสักคนล่ะมั้ง?” เนื่องจากจงจิ่งห้าวไม่ได้บอก หลินซินเหยียนจึงไม่มั่นใจว่าคนที่เขาจะพาตัวเองไปเจอก็คือ เห

หลินซีเฉินหรี่ตามองมาที่หลินซินเหยียน “หม่ามีครับ”

“หือ?”

หลินซินเหยียนอุ้มลูกสาวลงจากเตียง กางเกงเลกกิ่งก็ใส่ เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ใส่รองเท้าก็เป็นอันเรียบร้อย

“ปีนี้คุณยายจะมาฉลองปีใหม่กับเรามั้ยครับ?” หลินเฉินถาม

เขาเติบโตขึ้นมาในสภาพครอบครัวที่มีจวงจื่อจีนกับหลินซิน เหยียนมาตั้งแต่เด็ก พอไม่ได้เจอจวงจื่อจีนนานๆ เข้า เขาก็รู้สึก คิดถึงขึ้นมาเหมือนกัน

“ใช่ค่ะ หม่ามี คุณยายล่ะคะ?” หลินลุยซียืนอยู่ข้างๆ หลินซิน เหยียน ยื่นมือมาดึงชายเสื้อของเธอ
พอนึกถึงจวงจื่อจิ่น หลินซินเหยียนก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที จนถึง ตอนนี้เธอก็ยังไม่เข้าใจว่าจวงจื่อจีนทำแบบนั้นไปทำไม

“เกรงว่าท่านจะไม่มีเวลามาฉลองปีใหม่กับเราหรอก” หลินซิน เหยียนจูงมือของเด็กทั้งสอง แล้วตั้งใจพูดไปว่า “ไป ไปใส่ รองเท้า”

เธอไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องของจวงจื่อจีนกับเด็กสองคนนี้ยังไงดี จึง เลือกที่จะหลีกเลี่ยง ไม่ยอมที่จะไปเผชิญหน้ากับมัน

จงจึงห้าวเดินออกมาจากห้องหนังสือ เขามาในชุดสูท มีเสื้อ

โค้ทพาดอยู่ที่แขน ดูท่าน่าจะคุยกับจงฉีเฟิงแล้ว

“ไปตอนนี้เลยมั้ยคะ?” หลินซินเหยียนถาม

จงจิ่งห้าวก้มลงไปดูเวลา แล้วตอบอมเบาๆ

“งั้นฉันจะไปใส่รองเท้าให้พวกเด็กๆ นะคะ” หลินซินเหยียนจูง มือเด็กๆไปที่ทางเข้าห้องโถง ใส่รองเท้าให้พวกเขา

จงจิ่งห้าวเอาเสื้อโค้ทขึ้นมาใส่ แล้วหยิบเสื้อนวมของหลินซิน เหยียนที่อยู่บนราว รอเธอใส่รองเท้าให้เด็กๆ แล้ว ก็เอามันใส่ ให้เธอ

หลินซินเหยียนยื่นแขนเข้าไปในแขนเสื้อ จงจึงห้าวช่วยเธอรูด ชิบ จัดๆ คอเสื้อ พอเหลือบไปเห็นกำไลหยกที่มือ ก็ได้บอกกับ เธอไปว่า “ตอนที่ถอดเสื้อ อย่าเผยมันออกมานะครับ”

สำหรับเฉิงซิ่วแล้วเหวินซึ่งก็ไม่ใช่เพื่อนที่ดีสักเท่าไหร่ ถ้า ไม่ใช่เพราะจงฉีเฟิงคอยประคับประคองไว้ เหวินซึ่งจะทำร้ายเธอถึงขั้นไหนแล้วก็ไม่รู้

ถึงแม้เขาจะไม่มั่นใจว่าเหวินชิง จะรู้รึเปล่าว่ามันเป็นของเฉิง

ซิ่ว แต่เขาจะให้เหวินชิงเห็นมันไม่ได้ เพื่อไม่ให้เกิดภาพที่ไม่ดี ในครั้งแรกกับหลินซินเหยียน ถึงจะบอกว่าหลังจากที่เหวินเสียนตายไป ทั้งสองครอบครัวไม่

ค่อยได้ติดต่อกัน แต่ฝั่งนั้นก็ดีกับเขาจริงๆ

เขาไม่อยากให้เรื่องของเฉิงซิ่วมาทำให้หลินซินเหยียนต้อง ผิดใจกับทางนั้น

หลินซินเหยียนดึงๆ แขนเสื้อ แล้วแสร้งถามไปอย่างไม่ใส่ใจ ว่า “เขามีความสัมพันธ์กับทางนี้ไม่ดีเท่าไหร่เหรอคะ?”

จงจิ่งห้าวเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

แต่หลินซินเหยียนก็ดูออก คงไม่ดีมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้น จงจึง

ห้าวคงไม่เตือนเธอเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ แบบนี้หรอก

เธอหายใจเข้าลึกๆ ด้วยความรู้สึกอึดอัดในใจ

ด้านนอกมีลม จงจิ่งห้าวอุ้มหลินลุยไว้ กดหัวของเธอไว้ใน เสื้อโค้ท ไม่ให้ลมหนาวพัดโดนใบหน้าของเธอ

คนขับเปิดประตูรถออก จงจึงห้าววางเด็กสาวไว้ในรถ ส่วน หลินซีเฉินนั้นไม่ยอมให้อุ้ม เขาปีนขึ้นรถไปเอง ภายในรถกว้าง มาก ถึงจะนั่งเข้าไปทั้งหมดก็ไม่ได้รู้สึกว่าเบียดเลย

คนขับถอยรถออกจากโรงจอดอย่างนิ่มนวล ขับไปตามถนน
ด้านนอกมีเสียงลมพัดผ่าน ดวงอาทิตย์ในช่วงหน้าหนาวนั่น ไม่สามารถขวางกั้นลมหนาวที่พัดจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้

หลังผ่านไปประมาณสี่สิบนาที ในที่สุดรถก็มาจอดอยู่ที่หน้า บ้านทรงโบราณแห่งหนึ่ง คนขับลงมาเปิดประตูรถ จงจึงห้าวอุ้มลูกสาวขึ้นมา โดยมี

หลินซินเหยียนกับหลินซีเฉินตามหลังไป

พอมายืนอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ สามารถมองเห็นสภาพของ บ้านทั้งหลัง ถึงแม้จะดูออกว่าเคยได้รับการซ่อมแซมมาก่อน แต่ ก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่าบ้านหลังนี้มีอายุหลายปีแล้ว แต่ว่า ตอนที่ เพิ่งเข้ามา ตรงทางเข้าออกได้มีทหารเฝ้ายามอยู่

ถึงแม้ที่นี่จะดูเก่าแก่ แต่ทุกคนที่พักอยู่ในนี้ ต่างก็เป็นคนที่มี ระดับทั้งนั้น

ด้วยระดับของเหวินชิงนั้นไม่มีสิทธิ์จะได้พักอยู่ในนี้อย่าง แน่นอน ที่นี่คือบ้านที่เหวินจีนได้รับมาจากเบื้องบนเมื่อตอนนั้น หลังจากที่เขาเสียไป เหวินซิงก็ได้รับสืบทอดต่อจากเขา ถึงแม้ ตำแหน่งจะไม่สูงเท่าเหวินจีนก็ตาม แต่ว่า ตำแหน่งของเหวินชิง ในตอนนี้ก็สูงใช่ย่อยเลย บวกกับมันเป็นบ้านเก่าแก่ที่ได้รับ สืบทอดมาจากผู้เป็นพ่อ เบื้องบนจึงไม่ได้สั่งให้ย้ายออกไป

ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้ดูหรูเหมือนกับตึกที่สูงใหญ่ แต่คนที่จะอยู่ที่นี่ ได้ก็ต้องมีตำแหน่งที่สูงมากๆ

คนขับเดินเข้าไปกดกริ่ง ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตู
ผู้หญิงที่ดูไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว ผมของเธอรวบไปไว้ด้านหลัง เธอ ใส่ผ้ากันเปื้อนเอาไว้ พอเห็นจงจึงห้าวกับคนที่มากับเขา เธอก็ มองสังเกตอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รีบเข้ามาเร็ว ข้าง นอกมันหนาว”

จงจึงห้าวโค้งคำนับเล็กน้อย เพื่อเป็นการตอบ มือข้างหนึ่ง ของเขาอุ้มลูกสาวไว้ ส่วนอีกข้าก็จูงมือหลินซินเหยียน กลัวว่า เธอเข้ามาในที่นี่ที่ค่อนข้างเข้มงวดแบบนี้แล้วจะไม่สบายใจ

หลินซินเหยียนหันหน้ามามองเขา จากนั้นก็ค่อยๆ หันกลับไป

ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ลุงของเธอเรียกฉันไปซื้อ อาหารตั้งแต่เช้าแล้ว เขาบอกว่าเธอจะมา และนั่งรออยู่ที่ห้อง รับแขกตั้งนานแล้ว”

จงจิ่งห้าวพูดอย่างสุภาพว่าลำบากแล้วครับ

เขาก็เป็นคนที่มีนิสัยแบบนี้ ความจริงเขามีความสัมพันธ์ที่ ค่อนข้างดีกับที่นี่ แค่เขาเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบทำตัวสนิทสนม เท่านั้น

ผู้หญิงคนนี้ก็ชินแล้วเหมือนกัน และพูดด้วยความเป็นกระตือ รือร้นอย่างไม่เปลี่ยนแปลงว่า “นี่คือลูกๆ ทั้งสองของเธอใช่มั้ย?”

จงจิ่งห้าวตอบครับไปคำหนึ่ง

ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่หลินซีเฉิน แล้วหันไปมองหลินลุยซี รู้สึก ว่าราวกับแกะออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลย ช่างเหมือนกัน จริงๆ
ความจริงเมื่อก่อนไม่ได้เหมือนกันขนาดนี้ แต่ตอนนี้ยิ่งโต หน้าตาก็ยิ่งเหมือนกัน แม้แต่หลินลุยซีก็ยังมีหน้าตาที่เหมือนกัน เลย

“หน้าตาดีมาก หาดูได้ยาก” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มออกมา “เฮ้อ ดูสิ เธอก็มีลูกไปแล้ว เสี่ยวจี้ก็ยังเอาแต่รักสนุก ทำเอาอาของเธอ เครียดจะแย่แล้ว”

“ปีใหม่ก็ไม่ได้กลับมาเหรอครับ?” จงจึงห้าวถามไปเบาๆ

เหวินเสี่ยวจี้ลูกชายคนเดียวของเหวินชิง เป็นคนที่ดื้อรั้นมา ตั้งแต่เด็ก เหวินชิงให้เขาไปตีหมา เขาก็ดึงดันที่จะไปจับไก่ บอก ให้เขาไปทางใต้ เขาก็จะไปทางเหนือ หัวรั้นเอามากๆ

เดิมทีเหวินชิงอยากให้เขาสืบทอดกิจการของตัวเอง ให้เขาไป เป็นทหาร แต่เขาก็ไม่เอา สอบติดมหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศ แล้วไปจากพวกเขา หลังกลับมา สิ่งที่เล่าเรียนมาก็ไม่ได้ใช้ เพราะดันผลันตัวไปเป็นดารา

เหวินชิงนั้นไม่ค่อยเห็นค่าคนที่เป็นดารา เขารู้สึกว่ามันไม่ได้ แตกต่างอะไรกับนักแสดงในสมัยก่อน แต่ว่า ลูกชายของเขาก็ยัง ดึงดันที่จะทำในสิ่งตรงข้ามกับที่เขาบอก เขายิ่งไม่ชอบอะไร ลูกชายของเขาก็จะยิ่งทำแบบนั้น

ตอนนี้ถือว่าชีวิตยังเป็นไปได้ด้วยดี ชื่อเสียงค่อนข้างโด่งดัง เพราะได้เปลี่ยนชื่อในวงการ บวกกับเหวินชิงห้ามไม่ให้ใครพูด เรื่องนี้ออกไป ดังนั้นคนที่อยู่ข้างนอกก็แทบไม่มีใครรู้เลยว่า ลูกชายของเขาเป็นดารา
หลังเขาบ้านมา ผู้หญิงคนนั้นก็ส่งพวกเขามาถึงที่ ทั้งอากาศที่ หนาวเย็นไว้ด้านนอก ในบ้านนั้นอุ่นกว่าข้างนอกมาก

หลินซินเหยียนมองเข้าไปในบ้าน มองเห็นบนโซฟามีคนนั่งอยู่ หนึ่งคน เขาถือหนังสือพิมพ์ไว้ในมือ บดบังสายตาของเขาเอาไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ