กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่291 ฉันไม่อยากมีลูก



บทที่291 ฉันไม่อยากมีลูก

เขายิ้ม “ผมไม่พูดเท็จ”

หลินซินเหยียนท่าจมูกฟุดฟิด “ดีจังเลยค่ะที่มีคุณ

จงจิ่งห้าวจูบผมยาวของเธอ “แล้วคุณจะดีกับผมหน่อยมั้ย?”

หลินซินเหยียนเช็ดหางตาทีนึง “เอิ่ม ฉันไปอาบน้ำก่อน

ท่าทางของเธอว่องไว หยิบเสื้อผ้าไปถึงห้องน้ำแค่ใช้เวลา อึดใจเดียว

จงจิ่งห้าวยืนอยู่ตรงขอบเตียง พร้อมยิ้มอย่างจนปัญญา ดูจาก สถานการณ์นี้แล้ว สงสัยคืนส่งตัวเข้าหอของเขาต้องถูกเลื่อน ออกไปอีกแล้ว

ตอนที่หลินซินเหยียนไปอาบน้ำ หลินลุยซีก็ตื่นแล้ว ยังไม่ได้ ทานข้าวเย็น ทีนี้ชักจะหิวแล้ว

จงจึงห้าวอุ้มเธอลงมายังชั้นล่าง แล้วเรียกป้าหยู

“อุ๊ย เสี่ยวลุ่ยตื่นแล้วเหรอเนี่ย” ป้าหนูเดินมาดูแว๊บนึง สาว น้อยเพิ่งตื่นนอน แก้มทั้งสองข้างแดงเหมือนแอปเปิ้ลที่สุกแล้ว ยังไงอย่างงั้น

“เธอหิวแล้วครับ” จงจิ่งห้าวพูดอย่างเรียบเฉย

ป้าหยูถาม “แล้วเสี่ยวลุ่ยอยากกินอะไรคะ?”
เด็กน้อยเพิ่งตื่นนอน ยังสะลึมสะลืออยู่ แค่รู้สึกหิวเฉยๆ “ขอ แค่เป็นของอร่อยก็พอค่ะ”

“งั้นป้าใช้น้ำซุปเข้มข้นต้มเคี้ยวให้ โอเคมั้ยคะ?”

“อืม” สาวน้อยไม่ฟังให้ชัดก็ตอบอิ่มเลย

จงจิ่งห้าวอุ้มเธอไปล้างหน้า ถ้าไม่อย่างนั้นเหมือนยังไม่ตื่น คนทั้งคนดูไม่สดชื่นเลย

สาวน้อยไม่ยอมลงมา เกาะอยู่บนตัวจงจึงห้าวอย่างกับ ปลาหมึก จงจิ่งห้าวจุ๊บแก้มเธออย่างประคบประหงม “ถ้าหม่ามี ของหนูติดแด๊ดดี้แบบนี้ก็ดีแล้ว

“หม่ามี้?” สาวน้อยมองซ้ายมองขวา “หม่ามี หม่ามีอยู่ไหน คะ?”

“หม่ามีไปอาบน้ำครับ” จงจึงห้าวเช็ดหน้าให้เธอเสร็จ “ไป เรา

ไปทานเกี่ยวกัน”

ป้าหยูได้ต้มเกี๊ยว ทอดไข่ดาว รู้ว่าหลินลุยซีเป็นคนตะกละ ยัง ได้ทำกุ้งผัดซอสมะเขือจานนึงด้วย

สาวน้อยจมูกดีจริงๆเลย มาถึงห้องรับแขกก็ได้กลิ่นหอมจน น้ำลายสอและเลียปากอยู่แล้ว “หนูได้กลิ่นหอมโชยมาแล้วค่ะ”

จงจิ่งห้าว “

จมูกดีจริงๆเลย

วันนี้สาวน้อยเป็นเด็กเชื่อฟังมาก จะทานข้าวเอง ป้าหยูเอาผ้ากเช็ดปากเหน็บอยู่ที่ตรงหน้าเธอ เธอถือช้อนตักกินเอง

จงจิ่งห้าวคอยแกะกุ้งให้เธออยู่ข้างๆ

“แด๊ดดี้ คืนนี้แดดดี้อาบน้ำให้หนูแล้วก็กอดหนูนอนนะคะ” สาวน้อยเคี้ยวอาหารไปด้วยและพูดไปด้วย

จงจิ่งห้าวตอบลืมคำนึง ช่วงกลางวันลูกสาวได้รับความ กล้ำกลืน ตอนนี้จะต้องดูแลเธอดีๆ ตอนนี้ขอแค่เป็นหลินลุยซีต้องการอะไร เขาก็จะรับปากทั้งนั้น

“กุ้ง” หลินลุยซีอ้าปาก ให้จงจึงห้าวเอากุ้งที่แกะเปลือกออก แล้วใส่เข้ามาที่ปากเธอ

อีกฝั่งนึง เมื่อเทียบกับความอลหม่านของวิลล่า ซูจ้านกับฉัน ยายังถือว่าสงบสุขกว่า เพราะที่บ้านไม่มีคน ท่านย่าเองก็ชอบฉัน

ยา พวกเธอเข้ากันได้ดีมาก

เพียงแต่ เขาสองคนแต่งงานกะทันหันเกินไป ไม่ได้เตรียม เรือนหอเลย

ซูจ้านหาว่าท่านย่าจี้จี้จุกจิกเกินไป ปกติไม่ได้พักที่บ้าน ห้อง ของเขาก็ไม่ได้ผ่านการจัดเก็บทําความสะอาด

“หาคนมาตกแต่งใหม่ อีกอย่างต้องซื้อเฟอร์นิเจอร์มาด้วย” ท่านย่าดึงมือของฉินยาไว้ และยัดบัตรใบนึงใส่มือเธอ “ชอบ อะไร ก็ซื้อเลยนะ”

ฉินยาปฏิเสธ เธอจะเอาเงินของคุณย่าไม่ได้ ถึงแม้เธอไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ในมือก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง “หนูอยากซื้ออะไร หนูซื้อเองได้ค่ะ”

“พวกหนูแต่งงานเร่งรีบเกินไป เรือนหอก็ไม่ได้เตรียม สินสอด งานเลี้ยงฉลองก็ไม่มี หนูไม่เอา แต่พวกเราต้องให้ ท่านย่า เข้าใจและมีเหตุมีผลมาก “เงินพวกนี้ ล้วนเป็นเงินที่ปกติจ้าน ให้ย่าไว้ ย่าตัวคนเดียวก็ไม่ได้ใช้อะไร ก็เลยเก็บออมเอาไว้

ท่านย่าเข้าใกล้ฉินยา “เงินไม่น้อยนะ ถ้าหนูรู้สึกว่าพักอาศัย อยู่กับคนแก่อย่างย่าแล้วไม่ชิน สามารถซื้อบ้านหลังนึงที่ตัวเอง ชอบ ย้ายออกไปอยู่กับซูจ้านได้”

“หนูไม่ย้ายไปอยู่ข้างนอกค่ะ” ฉินยาไม่รู้เป็นอะไร ได้ยินคำ พูดของท่านย่าแล้วก็รู้สึกคัดจมูกอย่างไร้สาเหตุ เธอโตป่านนี้ แล้ว ท่านกลับยังคิดแทนเธอทุกอย่าง เธอจะเห็นแก่ตัวปล่อยให้ ท่านย่าอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไง

“หนูรู้สึกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ควรอยู่ด้วยกันค่ะ” ฉัน ยาพูดจากใจจริง

“ย่ากลัวคนหนุ่มสาวอย่างพวกหนู จะหาว่าย่าจู้จี้จุกจิก…….”

“ไม่หรอกค่ะ” ฉินยารีบพูด “ที่คุณย่าพูด เป็นเพราะหวังดีกับ พวกหนูแน่นอนค่ะ” เธอหันไปมองซูร้านที่วางกระเป๋าเสร็จ “คุณ ว่าใช่มั้ยคะ?”

“อะไรครับ?” ซูจ้านเดินมา

“ก็ต่อจากนี้ เราพักอาศัยอยู่กับคุณย่าไงคะ”
“อ๋อ แน่นอนอยู่แล้ว” ตอนนี้ซูจ้านไม่กลัวท่านย่ามาเข้าเรื่อง แต่งงานกับเขาแล้ว อีกด้านนึง มีฉินยาอยู่ได้เบี่ยงเบนความ สนใจของท่าน ท่านย่าก็จะไม่ต้องจับตาดูเขาทั้งวันแล้ว

พักอาศัยอยู่ด้วยกันก็พักอาศัยอยู่ด้วยกัน ก็จะไม่ต่อต้าน เหมือนเมื่อก่อนแล้ว

“นั่งรถมาทั้งวันก็เหนื่อยแล้ว ขากลับห้องก่อนนะ หลานสอง คนก็พักผ่อนเช้าๆหน่อย พรุ่งนี้ไปห้างสรรพสินค้ากัน” ท่านว่าไม่ อยากเป็นก้างขวางคอ รบกวนพวกเขาสองคน

เธอหาวทีนึงก็ได้เดินไปเลย แถมยังพึมพำเสียงต่ำว่า “แก่แล้ว ชอบง่วงนอนจริงๆ”

“เราก็ควรจะเข้านอนแล้ว” ซูจ้านกอดฉินยากลับห้อง เป็น

มาตรฐานของห้องนอนผู้ชายเลย สไตล์โทนสีมืด ดูแล้วไม่มี

ความอบอุ่นเลย ตำแหน่งที่ใกล้หน้าต่างได้ชั้นวางสื่อเอาไว้ บน

ชั้นวางมีหนังสือที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายไม่น้อยเลย

“ต่อไปคุณชอบแบบไหน ก็ตกแต่งจัดวางตามความชอบของ คุณเลย” ซูจ้านพูด

ฉินยาพยักหน้า “สีของการตกแต่งโทนเย็นเกินไป ฉันรู้สึก ต้องโทนอบอุ่นกว่านี้หน่อย ถึงมีความรู้สึกของบ้านค่ะ

“คุณรู้สึกคุณย่าติดคนเกินไปหรือเปล่า?” บ้านใกล้เข้ามา

ฉินยาครุ่นคิดไปครู่นึง นึกย้อนถึงภาพที่อยู่กับท่านย่าของ หลายวันที่ผ่านมานี้ ท่านย่าเป็นคนที่เข้าใจอะไรๆ และมีเหตุผลมาก แต่ว่า สายตาก็จดเจาะอยู่ที่บนตัวเธอกับซูจ้านตลอดจริงๆ แต่เธอเข้าใจ คนแก่แล้ว แถมยังมีบ้านหลานชายคนเดียว สายตาจดจ่ออยู่ที่เขาตลอดก็เป็นเรื่องปกติ

“ตอนนี้คุณไม่รู้สึกรำคาญ แต่พอนานเข้าคุณก็จะรู้สึกว่าถูก จํากัดอิสระภาพแล้ว” มือที่ซูจ้านโอบเอวเธอไว้ได้โอบเธอเข้ามา ในทรวงอก

ฉินยาผลักเขาที่นึง “ทำไมกับคุณย่าก็รังเกียจ เชื่อมั้ยเดี๋ยวฉัน ไปฟ้องคุณนะ?”

ซูจ้านซบเธอไว้ และแกล้งหายใจใส่ใบหน้าเธอ “คุณอยาก ฟ้องว่าไง?”

ฉินยาถอยไปด้านหลัง “แก่แล้วก็อย่างนี้แหละ ย่อมติดคนอยู่

แล้วเป็นเรื่องธรรมดาค่ะ

ซูจ้านยิ้ม “เป็นสะใภ้ที่ดีจริงๆ

รู้จักรักย่าของเขา

เขายิ่งเข้าใกล้เธอมากขึ้น “ผมมีวิธี ให้คุณย่าเบี่ยงเบนความ สนใจจากพวกเรา”

“…วิธีอะไรคะ” ฉินยาพูดจาสะเปะสะปะ คราวนี้เธอถูกซูจ้าน บีบมาจนมุมถึงขอบเตียงแล้ว

เขาใกล้เข้ามาที่ข้างหูเธอ “เราคลอดลูกให้ท่านเล่นคนนึง ท่านก็ไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจพวกเราแล้ว
“ฉันไม่เอา……………

จินยาไม่ได้ผลักเขาออก

เสื้อผ้าทิ้งเรี่ยราดเต็มพื้น หลังจากผ่านเรื่องบนเตียงไป ซูจ้าน โอบกอดเธอไว้พร้อมพูดอย่างจริงจัง “ผมพูดจริงๆนะ เราปั๊มลูก คนนึงเถอะ”

ฉันยาซบอยู่ที่ข้อพับแขนเขา นาทีนี้เธอเหนื่อยแล้ว หรี่ตาไว้ และพูดเสียงต่ำมาก “ฉันไม่อยากมีลูกค่ะ”

อย่างน้อยตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เธอรู้คุณย่าก็อยากให้เธอมีลูก เร็วๆแน่นอน แต่ว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับซูจ้านยังไม่ มั่นคง ไม่เหมาะที่จะมีลูก

ซูจ้านเปิดเปิดไฟหัวเตียง แล้วหันหน้ามามองเธอ “เพราะ อะไร?”

ฉินยาลืมตาขึ้น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เธอ ไม่กล้าพูดจาตรงเกินไป จะบอกว่าเราเพิ่งแต่งงาน ความสัมพันธ์ ไม่ดี ตอนนี้ยังไม่เอาลูกก็คงไม่ได้มั้ง?

แต่งก็แต่งไปแล้วยังมาพูดแบบนี้อีก รู้สึกเหมือนค่อนข้างจะ ดัดจริตไปนะ

เธอแกล้งพูดว่า “ฉันยังสาวอยู่ ยังไม่อยากมีลูกไวขนาดนี้ค่ะ” ซูจ้านจับใบหน้าเธอ ใช่ ใบหน้านี้อ่อนเยาว์มาก เธอแค่ใช้แรง ก็ยังสามารถบีบน้ำออกมาเลย
“งั้นยังไม่เอาก็ได้” เขาปิดไฟแล้วมุดเข้าไปใต้ผ้าห่ม

“ซูจ้าน ฉันไม่เอาแล้ว” ฉินยาผลักเขา

“คุณไม่เอา ผมเอาเอง

ทั้งห้องเต็มไปด้วยความสวยงาม

ที่บ้านมีแม่บ้านที่ซูจ้านจ้างมาดูแลท่านน่าอยู่ ตอนที่ซูจ้านกับ ฉินยาตื่นก็เกือบจะสิบโมงแล้ว

ทั้งคู่เป็นข้าวใหม่ปลามัน เมื่อคืนจัดหนักไปหน่อย เช้านี้ยังไม่ ตื่นเลย

ท่านย่าเคยอาบน้ำร้อนมาก่อนสามารถเข้าใจได้ อีกทั้งยังดีใจ

มากๆ เห็นความสัมพันธ์ของซูจ้านกับฉินยา เธอก็วางใจลงไม่

น้อยแล้ว

“พวกหลานรีบทานข้าวเร็ว ทานข้าวเสร็จ เราไปร้านขาย เฟอร์นิเจอร์กัน”

“วันนี้ผมต้องไปที่สำนักงานครับ” ซูจ้านเที่ยวนี้ออกไปหลาย

วันเลย เขาต้องไปดูที่สำนักงานหน่อย

ฉินยาก็อยากไปดูที่ร้านเหมือนกัน “คุณย่าคะ……

ท่านย่าผายมือ “วันนี้หลานสองคนจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จะ ต้องไปร้านขายเฟอร์นิเจอร์กับย่า ฉินยาแต่งเข้ามาบ้านเรา เรา จะต้องเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ โดยเฉพาะห้องของหลานสองคนจะต้องตกแต่งใหม่ ตอนนี้ใกล้ตรุษจีนก็ยังไม่ทำแล้ว ไปซื้อ เฟอร์นิเจอร์มาก่อน ยังไงก็ต้องมีหน้าตาเหมือนบ้านใหม่หน่อยสิ แต่งงานก็แค่ครั้งเดียว เสี่ยวยาไม่เรื่องมาก แต่เราไม่ทำไม่ได้”

ซูจ้านดื่มนมสดไปคำนึง “ฟังคุณย่าทุกอย่างครับ

เขาส่งสายตาให้ฉินยา เหมือนกำลังบอกว่าดูเอาเถอะว่า คุณย่าคนนี้เผด็จการแค่ไหน แถมยังชอบจู้จี้จุกจิกด้วย

ฉินยาจ้องเขา “กินข้าวของคุณไป

ซูจ้านยิ้มอย่างดูดี “เชื่อฟังคุณทุกอย่างครับ

หลังจากทานข้าวเสร็จ ซูจ้านขับรถพาท่านย่ากับฉินยาออก จากบ้าน และมาถึงห้างสรรพสินค้าขายเฟอร์นิเจอร์ของใจกลาง เมืองB

ซูจ้านลงจากรถไปเปิดประตูให้พวกเธอ

“ซูจ้าน”

เสียงที่คุ้นเคยอยู่ในจิตวิญญาณ มือที่ซูจ้านเปิดประตูได้หยุด ชะงักไว้ เขาหันหน้ามาก็เห็นหลิวเฟยเฟยยืนอยู่ข้างหลังเขา


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ