บทที่269 ล่องออกจากโพรง
หน้าต่างที่สูงจากพื้นบานหนึ่ง แสงแดดส่องผ่านเข้ามาไม่น้อย เธอนั่งอยู่บนพื้นที่อยู่ตรงหัวมุม ถือกระดานวาดรูปอยู่ในมือ และ กำลังออกแบบชุดเจ้าสาวอยู่ ในหัวของเธอได้มีแบบคร่าวๆอยู่ แล้ว พอวาดออกมามันก็ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีเมื่อเริ่มทำงาน เธอก็จะลืมเรื่องทุกอย่างไป แม้แต่ความไม่สบายใจที่เหอรุ่ยเจ๋อ มีให้เธอก็ยังถูกลืมไป
ตอนที่จงจึงห้าวกำลังจะเดินเข้าไปนั้น คนขับรถที่ออกไปกับ หลินซินเหยียนวันนี้ก็เดินเข้ามาพอดี ปกติเรื่องแบบนี้เขาไม่ จําเป็นต้องรายงานกับจงจึงห้าวด้วยตนเอง แต่วันนี้จ้านกับเงิน เผยชวนต่างก็ไม่อยู่
เรื่องการปรากฏตัวของเหอยเจ๋อ เขาคิดว่าจำเป็นต้อง
รายงานให้จงจึงห้าวได้รู้
“วันนี้ตอนที่ผมออกไปที่ศูนย์การค้ากับคุณหลิน ไปพบกับเห อรุ่ยเจ๋อเข้าครับ”
สีหน้าของจงจึงห้าวเคร่งขรึมลงไปทันที เส้นต่างๆ บนใบหน้า ยุบมารวมกันเป็นเส้นตรง
“เขาต้องการจับตัวคุณหลินไป แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ไม่รู้ว่าเขา คอยจับตาดูเราอย่างเงียบๆ มาโดยตลอดรึเปล่า”
ไม่ต้องคิดเลย จะต้องแอบอยู่ในที่มืดแน่นอน เพื่อรอโอกาสที่จะได้ลงมือ
จงจึงห้าวยกมือขึ้น “ผมเข้าใจแล้ว คุณไปก่อนเถอะ
พวกเขาอยู่ในที่สว่าง ส่วนเหอยเจอนั้นอยู่ในที่มืด ถ้าอยาก จับเขาให้ได้ ก็ต้องล่องออกจากโพรงแล้วจับให้ได้ แบบนี้ถึงจะ สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาด
เขาตัดสินใจแล้ว แต่ตอนนี้ซูจ้านกำลังจะแต่งงาน เขาจึงต้อง เก็บแผนล่องออกจากโพรงนี้เอาไว้ก่อน
ตอนที่คนขับรถกำลังจะไป จงจิ้งห้าวก็เรียกเขาเอาไว้ก่อน “รอ เดี๋ยว…..….
“วันนี้เธอไปซื้ออะไรที่ศูนย์การค้าบ้าง?” จงจึงห้าวทำเป็น จริงจัง หลินซินเหยียนได้ซื้อของขวัญให้หลินซีเฉินแล้ว ก็ต้องซื้อ ให้เขาด้วยเหมือนกัน
คนขับรถนึกไปแบบหนึ่ง แล้วตอบตามความจริงไปว่า “ไข่มุก รูบิค ผ้าลายลูกไม้ครับ”
เหมือนเขาจะได้ยินว่าหลินซินเหยียนได้ซื้อรูบิคให้หลินซีเฉิน เป็นของขวัญ อันนี้ก็เหมาะกับความชอบของเด็กน้อยอยู่
แต่ไข่มุกกับผ้าลายลูกไม้ที่เหลือนี่ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ของที่ เขาจะใช้ได้
หรือจะให้พูดก็คือ ไม่มีของขวัญสำหรับเขานั่นเอง
ผู้หญิงคนนี้!
ตกลงมีเขาอยู่ในใจรึเปล่าเนี่ย?
เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ไปเถอะ” คนขับรถหมุนตัวแล้วเดินจากไป
หลินซินเหยียนกำลังดำดิ่งอยู่ในงานออกแบบของตัวเอง โดย ไม่ทันรู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังใกล้เข้ามา ถึงขั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามี เงาดาๆร่างหนึ่งค่อยๆ ปกคลุมเธอเข้ามา
ดินสอสีดำในมือของเธอโลดแล่นอยู่บนกระดาษอย่างไม่หยุด หย่อน แบบร่างคร่าวๆ ของชุดเจ้าสาวได้ปรากฏออกมาแล้ว เธอ กําลังเก็บรายละเอียดอยู่
จงจึงห้าวเข้าใกล้ แล้วโน้มตัวลงมา สายตาไปหยุดอยู่ที่ชุด เจ้าสาวตรงปลายดินสอของเธอ
แต่หลินซินเหยียนที่อยู่ในโลกของตัวเอง สัมผัสไม่ได้ถึงการมี อยู่ของจงจิ่งห้าวเลย ทันใดนั้น มือของเธอก็ชะงัก ปลายดินสอ
หยุดอยู่ตรงปลายเส้น
การแต่งงาน มันเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
ก่อนหน้านี้ เธอเองก็เคยมีความปรารถนาอยู่เหมือนกัน ใส่ชุด วิวาห์สีขาว แต่งงานกับผู้ชายที่จะอยู่กับเธอไปชั่วชีวิต จับมือกัน ไปจนแก่เฒ่า
แต่ว่า…….
สายตาของเธอมองต่ำลง
“กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ครับ?” เขาเข้ามาใกล้มาก น้ำเสียงทุ้ม ต่า ไออุ่นจากการพูดออกมา กระทบลงที่ใบหูกับผิวหนังตรง ท้ายทอยของเธอทั้งหมด หลินซินเหยียนสะดุ้งด้วยความตกใจ จากนั้นก็เงยหน้ามองไปยังที่มาของเสียง
ในจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้นมานั้น จงจึงห้าวก็รับรู้ได้ถึงความ ผิดหวังที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
แววตาของเขากระตุกเล็กน้อย ตอนที่แต่งงานกัน เขาไม่ได้ให้ อะไรเธอเลย เธอเองก็เป็นผู้หญิง ก็คงอยากใส่ชุดเจ้าสาวเหมือน กันสินะ
เธอเขยิบตัวออกเพื่อเว้นระยะให้ห่างจากเขาเล็กน้อย แล้วก้ม หน้าลง “มะ ไม่มีอะไรค่ะ
เธออาศัยท่าทางที่กำลังเก็บกวาดงานที่ออกแบบมาปกปิด
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเมื่อกี้
จงจิ่งห้าวขยับเข้ามาใกล้อีก “วันนี้คุณไปไหนมาครับ?”
“ออกไปซื้อของค่ะ” มือข้างหนึ่งของเธอถือกระดานวาดรูปกับ ดินสอเอาไว้ ส่วนอีกมือก็ยันพื้นเพื่อที่จะลุกขึ้น พอขยับตัวก็ได้รู้ ว่า ขาที่ไว้รองกระดานวาดรูปมาตลอดพอไม่ได้ขยับมันก็เกิด อาการชาขึ้น
“ขาชาเหรอครับ?” จงจิ่งห้าวนั่งลงข้างๆ เธอ ลูบๆ ไปที่ขาขวา ของเธอ จากนั้นก็หันมาลูบที่ขาซ้าย “ขาข้างไหนครับ?”
หลินซินเหยียนดึงเวลาไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบไปว่า “ขาซ้ายเขานวดไปที่ขาซ้ายของเธอ ตรงนี้รึเปล่าครับ?
หลินซินเหยียนมองดูมือกำลังอยู่เธอ มือทั้งเหงื่อของเธอไหลออกมา มันทำให้เสื้อเชิ้ตของเธอค่อยๆ เปียกปอน ความอ่อนโยนของตอนสว่างสาดส่องเข้ามาของเธอ มันอบอุ่นทั้งอ่อนโยน
น้ำเสียงเธอค่อยๆ แหบซ่านลงอย่างไม่รู้ตัว ค่ะ
จงห้าวใส่กางเกงชุดไว้ ท่านั่งลงสบาย ลงไป ยกของของตัวเอง ยืดขาออกครับ”
หลินซินเหยียนทำตามอย่างว่าง่าย
จงจิ่งห้าวก้มไปมอง แล้วนวดขาข้างที่ของเธออย่าง
ผ่านไปสักพัก เขาก็ถามขึ้นว่า อะไรที่อยากพูดกับผมมั้ย ครับ?”
หลินซินเหยียนอธิบายไปอีกรอบว่า ฉันกับเขาไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ค่ะ
จงจึงห้าวเงยหน้าขึ้นมา จ้องเขม็งมาเธอ เขาอยากให้หลินซิ นเหยียนบอกเอง วันได้มาเรื่องของเรือรุ่ยเจ๋อ เขาคาดหวัง กว้าง
ส่วนเรื่องของไปยื่นหนึ่งนั้น
น้ำเสียงของเขาก็เย็นชาลงไป “ต่อไปอยู่ให้ห่างจากเขา
หลินซินเหยียนพยักหน้า “ค่ะ”
เธอที่ทำตัวน่ารักขนาดนี้ เขาก็ทำใจโกรธเธอเรื่องที่เจอกับเห อยเจอวันนี้แล้วไม่ยอมบอกไม่ลงเลย เขาจึงพูดออกมาเอง “วัน นี้ไปเจอเหอยเจอมาใช่มั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมาทันที จ้องไปที่หน้าเขา เขารู้เรื่อง ที่เหอรุ่ยเจ๋อปรากฏตัวในวันนี้ได้ยังไง?
ทันใดนั้นเธอก็ได้เข้าใจ วันนี้มีคนขับรถไปกับเธอด้วย หลัง กลับมา คนขับรถก็ต้องไปรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เขารู้อยู่ แล้ว
คูณได้รับบาดเจ็บตรงไหนมั้ยครับ?”
หลินซินเหยียนหวนนึกถึงภาพที่จู่ๆ เหอรุ่ยเจ๋อก็โผล่ออกมาจับ ตัวเธอไว้ หัวใจก็ยังมีอาการเต้นรัวขึ้นมาอยู่ เธอส่ายหน้า “ไม่ ค่ะ”
ถึงแม้จะยังตื่นเต้นกับการที่เกือบจะถูกจับตัวไปอยู่ แต่โชคยัง ดีที่เธอปลอดภัยแล้ว อว่าเป็นการตกใจแต่ไม่เป็นอันตราย
จงจิ่งห้าวมองออกว่าเธอมีอะไรปิดบังอยู่ การที่เรือรุ่ยเจ๋อ ปรากฏตัวออกมาก็เพื่อตั้งใจจะจับเธอไปอีกครั้ง เขาดึงเธอมาก อดไว้ ร่างกายทั้งสองแนบชิดเข้าด้วยกัน ยังดีที่เหอรุ่ยเจ๋อทำไม่ สำเร็จ “ต่อไป อยู่ให้ใกล้ผม ถ้าคุณหายไปแล้วผมจะไปหาคุณที่ไหน จะไปหาแม่แท้ๆของลูกทั้งสองของผมจากที่ไหน
หลินซินเหยียนมองต่ำไม่พูดอะไร จงจึงห้าวกอดแน่นกว่าเดิม ในช่วงลมหายใจที่ชิดใกล้กัน เธอสามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น อันนั้น มันห้อมล้อมอยู่ข้างกาย ร่างกายเกิดเกร็งขึ้นมาอย่าง ควบคุมไม่ได้ ตอบไปเบาๆ ว่า “ได้ยินแล้วค่ะ”
เขาก้มลงมามองที่หนึ่ง เสยผมยาวๆ ของเธอที่กระจายอยู่ตรง อกของเขาขึ้นมา แกะผมที่รกรุงรังนั้นออก แล้วพาดมันไปไว้ที่ ด้านหลัง “แบบนี้สิถึงจะน่ารัก
เขาโอบเอวของเธอไว้ แล้วอุ้มเธอขึ้นจากพื้น “ลองดูว่าเดิน ไหวรึเปล่า” หลินซินเหยียนลองขยับเขยื้อน ขาที่ด้านซามีความรู้สึกแล้ว
เธอตอบไปว่า “เดินได้แล้วค่ะ”
เธอลองผลักเขาออกไป เดินด้วยตนเอง แต่แล้วทันใดนั้น ก็ถูก เขาเอามือโอบเอวแล้วอุ้มขึ้น เธอร้องอุทานออกมา พอนึกถึงเด็ก น้อยสองคนที่อยู่ในห้อง ตรงลิฟต์ก็มีบอดี้การ์ดเฝ้าอยู่ การที่เธอ ส่งเสียงร้องออกมาแบบนี้ จะต้องมีคนออกมาดูแน่ๆ เธอจึงรีบ เอามือปิดปาก
จงจิ่งห้าวยิ้มออกมา
หลินซินเหยียนเอาหน้าซุกเข้าไปที่หน้าอกของเขา “คุณไม่กลัว
ใครมาเห็นเข้ารึไง”
“จะกลัวอะไรครับ?” สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นมานิดหนึ่งแม้แต่น้ำเสียงก็ดูจริงจังขึ้น “กลับไป เราไปแต่งงานชดเชยกันดี กว่าครับ”
ทันใดนั้น สำลีที่ทั้งนุ่มทั้งฝากก็ยัดเข้ามาในกล่องเสียงของ เธอ ไม่รู้ทำไม โพรงจมูกของเธอก็รู้สึกเปรี้ยว น้ำสายหนึ่งพุ่งขึ้น มาทดวงตาของเธอ
เธอซุกหัวเข้าไปลึกยิ่งกว่าเดิม
“ตอนนั้นเราใช้ดอกไม้สดเป็นธีมหลัก ดีมั้ยครับ?” ซูจ้านพูด พล่ามอยู่ข้างหูฉินยาไม่ยอมหยุดฉินยาไม่ได้ตอบ เหมือนเธอจะ ยังตั้งสติไม่ได้
“ยายาพูดอะไรหน่อยสิครับ” ซูจ้านที่เป็นผู้ชายตัวให้กำลังจับ มือของฉินยาแล้วทำตัวขี้อ้อน ฉินยาสะดุ้งไปที่หนึ่ง ขนลุกไปทั้ง ตัว เธอมองมาที่ซูจ้าน “คุณช่วยทำตัวให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้เหรอ คะ?”
คุณฉินครับ คุณอย่างให้ผมทำตัวยังไงครับ?” ในชั่วพริบตา เดียว ซูจ้านก็เปลี่ยนสีหน้าไปทันที เขายืนตัวตรง ราวกับกำลังจะ เข้าร่วมการตัดสินคดีที่ร้ายแรงมากยังไงอย่างนั้น
จริงจังจนทำให้ฉินยาตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะหนึ่ง นี่เขาเป็น ซูจ้านที่เธอรู้จักรึเปล่าเนี่ย?
เสียงของซูจ้านกับฉินยาดังออกมาจากลิฟต์ ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้ยิ่ง อยู่ยิ่งใกล้ อีกอึดใจเดียวก็จะออกมาที่ทางเดินแล้ว
หลินซินเหยียนรีบเงยหน้าขึ้นมา “คุณรีบปล่อยฉันลงนะ”
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ทันแล้วนะครับ…….
จงจิ่งห้าวยังไม่ทันพูดจบ ซูจ้านกับฉินยาก็เดินออกมาแล้ว
หลังจากที่แตกตื่นไปพักหนึ่ง หลินซินเหยียนก็รีบหลับตาลง เพื่อแกล้งหลับ ไม่อย่างนั้น กลางวันแสกๆ แบบนี้ให้จงจึงห้าวอุ้ม ไว้ แถมยังให้คนเห็นเข้าอีก มันจะน่าอายเกินไป
ซูจ้านมองมาที่จงจึงห้าว แล้วหันไปมองหลินซินเหยียนที่อยู่ใน อ้อมแขนเขา จากนั้นก็รีบหันมองไปข้างนอก ฟ้ายังไม่มืดเลย นี่ ทําอะไรกันเนี่ย?
“พวกคุณ…….
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ