กลยุทธ์เด็ด เสพติดรักภรรยาของผม

บทที่267 จู่ๆ ก็ถูกคนจับข้อมือเอาไว้



บทที่267 จู่ๆ ก็ถูกคนจับข้อมือเอาไว้

คนเยอะมากจริงๆ ยังดีที่ทางออกกับทางเข้าไม่ถูกออกแบบ ให้อยู่ที่เดียวกัน ผู้คนที่เดินเข้าไปด้านในจึงไม่ได้รู้สึกว่ามัน เบียดจนเกินไป

คนขับเดินตามหลินซูหเหยียนไปติดๆ เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องที่ ตัวเองไม่อาจควบคุม น

เขาเป็นคนขับรถ และเป็นบอดี้การ์ดไปในตัว การที่ออกมากับ หลินซินเหยียน ก็ต้องคุ้มกันความปลอดภัยให้เธออยู่แล้ว ไม่ อย่างนั้นกลับไปเขาจะไม่สามารถอธิบายได้

ที่นี่มีทั้งหมดสามชั้น แต่ละชั้นนั้นกว้างมาก ร้านค้าเป็นแถวๆ สินค้าเรียงรายเต็มไปหมด มีแทบทุกอย่าง ขอแค่เป็นสิ่งที่คุณนึก ได้ ไม่มีอะไรที่ที่นี่ไม่มี

สายตาของหลินซินเหยียนถูกร้านขายของเล่นร้านหนึ่งดึงดูด เข้า บางทีอาจเพราะเธอเป็นแม่ของเด็กสองคนก็ได้ พอเห็นของ เล่นก็อยากที่จะเข้าไปดู ว่ามีของที่ลูกตัวเองชอบมั้ย

หลิน เฉินชอบของเล่นที่ต้องใช้สมอง ตุ๊กตาหมาแมวอะไร พวกนั้นเขาไม่สนใจเลย ในทางกลับกัน หลินลุยซีกลับชอบของ เล่นที่เป็นขนๆ ซะอย่างนั้น

สายตาของหลินซินเหยียนถูกรูบิคหลายเหลี่ยมชิ้นหนึ่งดึงดูด เข้า เธอหยิบมาลงมาดู ด้านหนึ่งมีชิ้นส่วนอยู่ประมาณห้าสิบชิ้นแต่ละชิ้นก็ใหญ่เท่าเล็บ มีทั้งหมดหกด้าน

หลินซินเหยียนหมุนมันไปหลายที รู้สึกว่ามันยากมาก

“ของเล่นชิ้นนี้คนทั่วไปไม่สามารถเล่นได้หรอกครับ ถ้าคุณ อยากซื้อของเล่นให้ลูกละก็ ผมแนะนำให้คุณซื้อพวกนี้ดีกว่า ครับ” เจ้าของร้านของเล่นเดินเข้ามาแนะนำ แล้วชี้ไปยังรูบิคห ลากหลายรูปแบบที่วางอยู่บนชั้น มีทั้งรูบิคที่เป็นทรงสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม “พวกนี้ค่อนข้างเหมาะกับเด็กที่มีอายุประมาณห้าถึงสิบ ปีครับ เด็กๆ ที่บ้าคุณอายุเท่าไหร่แล้วครับ?”

“ห้าขวบค่ะ” หลินซินเหยียนก็ยังรู้สึกชอบของเล่นที่อยู่ในมือ เธอมากกว่าอยู่ดี

ของเล่นพวกนั้นทำอะไรหลินเฉินไม่ได้หรอก มันง่ายเกินไป

“อันนี้ดีกว่าครับ” เจ้าของร้านหยิบรูบิคสามเหลี่ยมอันหนึ่งมา มันดูแปลกใหม่กว่าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสนิดหน่อย มีด้านน้อยกว่า ดูเล่นง่ายกว่า เหมาะกับเด็กที่มีอายุห้าปี

หลินซินเหยียนยิ้มๆ หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา “ฉันเอาอันนี้ แหละค่ะ ช่วยใส่ถุงให้ด้วย

เจ้าของร้านก็ยิ้มออกมาเหมือนกัน ลูกค้าอยากซื้ออะไร เขาก็ จะขายอันนั้น สรุปคือถ้าขายได้ก็เป็นพอ

“เดี๋ยวผมหยิบอันใหม่ให้ดีกว่าครับ” เจ้าของร้านเดินเข้าไป ด้านในเพื่อหยิบอันที่ยังไม่ได้แกะ และแอบนินทาออกมาว่า “เป็นคนที่น่าแปลกจริงๆ นึกว่าลูกของตัวเองเป็นอัจฉริยะรึไงนะ”
ในร้านของเขามีรูบิคแบบนี้แค่สองอัน ตอนแรกมันก็อยู่ใน กล่อง เนื่องจากคนที่เข้ามาดูค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่มีใครซื้อ เพราะต่างก็คิดว่าคงเล่นไม่ได้หรอก สุดท้ายช่วยไม่ได้ เขาจึงเอา มันออกจากกล่องแล้วมาวางไว้ตรงนี้เพื่อให้ลูกค้าได้ลองเล่น คน ที่ลองเล่นค่อนข้างเยอะ แต่ก็ยังขายไม่ได้อยู่ดี

แต่วันนี้กลับขายได้แล้ว ในใจเจ้าของร้านก็ดีใจมากเหมือน กัน รูบิคแบบนี้ค่อนข้างซับซ้อน ราคาที่รับมาก็สูง เขาคิดว่าคง ขายไม่ออกแล้วแน่ๆ ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะขายออกซะได้

พอหายรูบิคได้เจ้าของร้ายก็เอามันมาให้พร้อมกับใบหน้าที่ ยิ้มแย้ม เอามันใส่ถุงแล้วยื่นให้หลินซินเหยียน “ลูกของคุณคง เป็นเด็กที่ฉลาดมากเลยใช่มั้ยครับ

หลินซินเหยียนยิ้มออกมาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ในใจ ของเธอ เธอนั้นคิดว่าลูกชายของตัวเองฉลาดมาก

เธอเองก็เหมือนกับแม่ทุกคนบนโลก ที่รู้สึกว่าลูกของตัวเอง นั้นดีที่สุดแล้ว

หลินซินเหยียนถาม “เท่าไหร่คะ?”

“สามร้อยหกสิบครับ”

หลินซินเหยียนยื่นเงินสดให้เขาไปสี่ร้อย เจ้าของร้านทอนให้ เธอห้าสิบ “ลดให้คุณสิบเหรียญครับ รูบิคของผมอันนี้ราคาที่รับ มาก็สามร้อยห้าสิบ นี่ก็สองปีแล้วยังขายไม่ได้เลยครับ วันนี้คุณ ซื้อมันไป ผมก็ไม่ได้ขาดทุน”
หลินซินเหยียนรับเงินทอนมา แล้วหิ้วถุงออกจากร้านไป คน ขับรถเดินเข้ามา “ผมช่วยถือดีกว่าครับ”

หลินซินเหยียนโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ

มันไม่ใช่ของหนักอะไร

คนขับรถคอยคุ้มครองหลินซินเหยียนไปตามร้านค้าต่างๆ ผู้คนมากมายเดินสวนไปสวนมา โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่า ด้านหลัง ในที่ไม่ไกล มีชายคนหนึ่งที่ใส่เสื้อโค้ทสีน้ำเงิน สวมหมวกแก๊ป ใส่หน้ากากสีดาคนหนึ่งกำลังแอบตามพวกเขาอยู่

ชั้นนี้มีแต่ของเล่นกับเครื่องประดับ ไม่มีของที่เธออยากได้ จึง ได้ขึ้นไปชั้นสอง ในตอนที่กำลังนั่งลิฟต์อยู่นั้น หลินซินเหยียน รู้สึกเหมือนมีคนกำลังจ้องเธออยู่ เธอหันไปมอง แต่ก็ไม่เห็นว่ามี ใครกำลังจ้องเธอ

“มีอะไรรึเปล่าครับ?” คนขับรถถาม

หลินชินเหยียนส่ายหน้า เธอหันกลับไปมองอีกครั้ง มันไม่ได้มี

ใครจ้องเธอจริงๆ

เธอหันกลับไปด้วยความรู้สึกที่เป็นกังวล ไม่นานลิฟต์ก็มาถึง ชั้นสอง แล้วเธอก็พบว่าชั้นนี้มีของที่เธออยากได้อยู่ เธอจึงเร่ง ฝีเท้า เอาความรู้สึกที่มีคนแอบมองเธอเมื่อกี้ไปทิ้งไว้เบื้องหลัง

เธอวิ่งวนไปทั่วชั้นสอง ถึงหาลูกไม้ที่ตัวเองอยากได้เจอ เนื้อ สัมผัสละเอียดและอ่อนนุ่ม ตาข่ายก็บางเบา เป็นแบบที่เธอ ต้องการเลย
“ชิ้น ราคาค่อนข้างสูงนะครับ” ในตอนที่หลินซินเหยียนกำลัง ชื่นชมของที่ตัวเองอยากได้อย่างเคลิบเคลิ้มอยู่นั้น เจ้าของร้าน ก็ได้เดินเข้ามาพูดกับเธอ

หลินซินเหยียนที่เป็นนักออกแบบเสื้อผ้านั้น ความรู้ที่มีต่อเนื้อ ผ้าค่อนข้างกว้างขวาง เรื่องราคาก็รู้อย่างแจ่มแจ้ง เธอถามไป ด้วยท่าทางที่เรียบเฉยว่า “อันนี้แบ่งขายเป็นฟุตใช่มั้ยคะ?”

เจ้าของร้านพยักหน้า “ใช่ครับ ราคาฟุตละหนึ่งพันแปดร้อย แปดสิบ”

หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมามองเจ้าของร้าน แล้วยิ้มออกมา “ถูกกว่านี้ไม่ได้เหรอคะ?”

“นี่คือราคาที่ถูกที่สุดแล้วครับ ทั้งศูนย์การค้านี้ มีแค่ร้านเรา เท่านั้นที่มีร้านอื่นไม่มีแน่นอน เพราะราคามันสูง จึงไม่มีคน อยากเอามาขายครับ”

หลินซินเหยียนเอามันมาลูบๆ อยู่ที่มือ “เนื้อผ้านี้ถูกทอขึ้นจาก ผ้าไหม ดังนั้นมันจึงบางเบา มีความโปร่งแสงที่ดี มีเนื้อสัมผัสที่ เรียบเนียน แต่ราคาที่คุณบอกมามันสูงไปหน่อยนะคะ

เมื่อเจ้าของร้านได้ยินแบบนั้นก็รู้ในทันทีว่านี่มันผู้เชี่ยวชาญ ชัดๆ แค่เอามือสัมผัสก็รู้ส่วนประกอบแล้ว จึงไม่กล้าทำเป็นรู้ เยอะอีก “คือว่า คุณต้องการเท่าไหร่ครับ เดี๋ยวผมลดให้ครับ”

“ฉันน่าจะต้องใช้หลายเมตรเลยค่ะ” พอเจ้าของร้านได้ยินก็รู้ทันทีว่านี่มันลูกค้ารายใหญ่นี่ เปิดปากมาก็บอกจะเอาหลายเมตร มุมปากของเจ้าของร้านแย้มขึ้น จน ยิ้มออกมากว้างๆ “เดี๋ยวผมลดให้ครับ

ไม่ใช่ว่าหลินซินเหยียนนั้นเสียดายเงินหรอก แต่เป็นเพราะ ราคาที่เจ้าของร้านคนนี้ให้มาตอนแรกนั้นมันสูงเกินไป วัตถุดิบนี้ มันแพงจริง แต่ก็ไม่ได้แพงเวอร์ขนาดนี้ “ฟุตละหนึ่งพันแปดสิบ ค่ะ”

“ให้ลดขนาดนั้นไม่ได้หรอกครับ” รอยยิ้มบนใบหน้าของ เจ้าของร้านค่อยๆ จางหายไป

“คุณไม่ขาดทุนหรอกค่ะ ฟุตละพันกับอีกแปดสิบ คุณได้กำไร ฟุตละแปดสิบ ฉันเอาหเมตร เมตรละสามฟุต รวมเป็นสิบแปด ฟุต คุณยังได้กำไรหนึ่งพันสี่ร้อยสี่สิบ

คราวนี้เจ้าของร้านถึงกับอึ้งไปเลย นี่เธอถึงขั้นรู้ราคาทุนที่รับ มาด้วยเหรอ นี่คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ไม่ใช่พวกที่ต่อราคาเก่ง อย่างคนทั่วไป

“คุณก็ทำงานด้านนี้เหรอครับ?” ถ้าไม่ใช่คนที่ทำงานเกี่ยวกับ เนื้อผ้า ไม่มีทางรู้เรื่องราคาได้ละเอียดขนาดนี้หรอก

“ถือว่าใช่” หลินซินเหยียนไม่ได้ตอบไปทั้งหมด ว่าตัวเองนั้น ทํางานเกี่ยวกับอะไร

“ตกลง ขาย ให้คุณก็ได้ครับ” เจ้าของร้านก็ถือว่าคุยง่าย ขาย ได้นิดหน่อยก็นิดหน่อย ของที่ราคาแพงขนาดนี้ คนที่จะซื้อก็มีไม่ มาก
ซื้อทีเดียวตั้งหลายเมตรก็ถือเป็นลูกร้านรายใหญ่เหมือนกัน มีของลอกเลียนแบบหลายอันที่ทำออกมาได้เหมือนกับอันนี้ มาก ราคาก็ถูกว่า ทําเอาของแท้อย่างเขาขายไม่ออกเลย

เจ้าของร้านยกนิ้วโป้ง ให้หลินซินเหยียน “คุณช่างตาถึง จริงๆครับ”

หลังตัดตามขนาดแล้ว เจ้าของร้านก็เอามันพับใส่กล่องที่ สวยงามใบหนึ่งอย่างเรียบร้อย จากนั้นก็เอาไปใส่ถุง ยื่นให้หลิน นเหยียน

หลินซินเหยียนหยิบกระเป๋าตังออกมาแล้วยื่นบัตรเดบิต ให้เขา ใบหนึ่ง “ไม่มีรหัสค่ะ

“ได้ครับ” เจ้าของร้านใช้สองมือรับบัตรไป เดินไปรูดบัตรที่ เคาน์เตอร์ หลังรูดเสร็จ เจ้าของร้านก็เอาบัตรและใบเสร็จมายื่น ให้หลินซินเหยียน “ที่นี่ยังมีผ้าแบบอื่นอีกนะครับ คุณยังต้องการ อะไรอีกมั้ยครับ?”

หลินซินเหยียนรับบัตรมาเก็บเข้าไปในกระเป๋าตัง แล้วส่าย หน้า “ไม่แล้วค่ะ……….ด้วย คุณเจ้าของร้าน คุณพอรู้มั้ยคะว่าที่ ไหนมีไข่มุกขายบ้าง?”

หลินซินเหยียนไม่คุ้นเคยกับที่นี่ เมื่อก่อนเธอนั้นมีแหล่งนำเข้า วัตถุดิบของตนเอง พวกเครื่องประดับบนเสื้อผ้าเธอก็มีแหล่งที่มา ของเธอเอง หลักๆ คือตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่เมืองA และไม่ได้อยู่ที่ เมือง การที่อยากได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการก็มีแต่ต้องถามจาก คนในพื้นที่อย่างพวกเขานี่แหละ
“ถ้าอยากได้แค่เม็ดสองเม็ดก็สามารถไปซื้อที่ร้านขายมุกได้ เลยครับ แต่ถ้าอยากได้จำนวนมากละก็ คงต้องไปที่ฟาร์มไข่มุก แล้วล่ะครับ ที่นั่นสามารถเลือกได้ แถมราคายังเป็นมิตรอีก”

หลินซินเหยียนใช้ความคิด เธอต้องการเยอะอยู่เหมือนกัน “คุณพอรู้มั้ยคะว่าที่ไหนมีฟาร์มพวกนั้นบ้าง?

“คุณต้องการเยอะมากมั้ยครับ?” เจ้าของร้านถาม หลินซินเหยียนพยักหน้า

“เอาแบบนี้แล้วกัน คุณเอาที่อยู่ของคุณให้ผม คุณต้องการ แบบไหนก็บอกกับผม เดี๋ยวผมไปจัดหาให้คุณ…….” เจ้าของร้าน ยิ้มแป้น “แล้วผมก็ขอกำไรนิดหน่อยจากในนั้น แบบนี้คุณก็ไม่ ต้องลำบาก เป็นไงครับ?”

หลินซินเหยียนคิดไปแบบหนึ่ง ก่อนจะตอบไปว่า “ได้ค่ะ”

การที่เธอไปหาด้วยตนเองนั้นมันเวลาเกินไป ถ้ามีคนเอามา ให้เธอ แล้วจ่ายเงินให้นิดหน่อย ก็สามารถประหยัดเวลาไปได้ มาก หลินซินเหยียนได้เขียนสิ่งที่อยากได้กับที่อยู่ลงในกระดาษ “จะให้ดีก็ส่งให้ฉันภายในคืนนี้นะคะ ฉันค่อนข้างรีบ

เจ้าของร้านรับปาก “คุณไม่ต้องห่วง ของจะถึงมือคุณในคืนนี้ แน่นอนครับ”

คนขับรถเจ้ามาถือของโดยอัตโนมัติของที่ต้องการก็ซื้อได้ หมดแล้ว หลินซินเหยียนกับคนขับรถ หันหัวกลับบ้าน

นั่งลิฟต์ลงมาถึงชั้นหนึ่ง หลินซินเหยียนเอาของให้คนขับรถถือ “คุณไปรอฉันที่รถก่อนนะคะ

คนขับรถเห็นว่าที่นี่คนค่อนข้างพลุ่งพล่านกลัวจะไม่ปลอดภัย จึงได้พูดไปว่า “เดี๋ยวผมรอที่ทางออกดีกว่าครับ”

หลินซินเหยียนจะไปเข้าห้องน้ำ เลยไม่อยากให้เขาตามมา ด้วย เธอจึงพยักหน้าไป

เธอเดินตามป้ายมาจนถึงตำแหน่งของห้องน้ำ พอออกมาหลัง เข้าห้องน้ำเสร็จ ตอนที่กำลังจะเดินไปหาคนขับที่ทางออกนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาจับข้อมือของเธอไว้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ