บทที่266มาปลอบผม
เพราะ หลิวเฟยเฟยคนนี้ทำให้บ้านต้องเสื่อมโทรม เศร้าโศก เสียใจ ตกอยู่ในความเสียใจจากการอกหักอยู่เนิ่นนาน
หญิงชราไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ที่เคยทำให้หลานชายของเธอต้อง เสียใจ ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตอนที่ซูจ้านกลับไปพบกับหลิว เฟยเฟยแล้วเกิดเปลี่ยนใจ เธอจึงตัดสินใจให้ดูจ้านแต่งงานให้ เสร็จตั้งแต่ตรงนี้แล้วค่อยกลับไป
สีหน้าของเสิ่นเผยชวนเปลี่ยนไปทันที ในที่สุดตอนนี้เขาก็ เข้าใจแล้วว่าทำไมหญิงชราถึงเอาแต่ไม่ถามข้อมูลของซูจ้าน แถมในหน้าหนาวแบบนี้ยังไล่ตามมาถึงที่นี่อีก
ที่แท้ก็เป็นเพราะหลิวเฟยเฟยกลับมาแล้วนี่เอง เธอกลัวหลาน ชายตัวเองจะกลับไปคบกับหลิวเฟยเฟยอีก
หญิงชรากลัวเสิ่นเผยชวนจะเอาเรื่องนี้ไปบอกซูจ้าน จึงได้ดึง แขนของเขามา แล้วพูดข่มขู่เขาไปว่า “แกห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอก ซูจ้านนะ ไม่อย่างนั้นฉันต้องตายแน่”
ตอนแรกเสิ่นเผยชวนก็ยังลังเลอยู่ในใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับ จ้านดีมั้ย ยังไงเมื่อก่อนเขาก็ชอบผู้หญิงคนนี้มาก และวันนี้เธอก็ กลับมาแล้ว
แต่ตอนนี้เขาก็ไม่กล้าไปพูดแล้วจริงๆ ถ้าหญิงชราเกิดโมโห ขึ้นมา โกรธจนเป็นอะไรไป ก็เท่ากับเขาทำผิดอย่างใหญ่หลวงเลย
ตอนนี้เขากำลังรู้สึกเสียใจที่หันไปถามหญิงชราแล้ว การที่ได้รู้สู้ไม่รู้ยังจะดีซะกว่า บอกก็ผิด ไม่บอกก็ผิด
“ซุบซิบอะไรกันครับ?” ซูจ้านขยับเข้ามาใกล้
เงินเผยชวนผลักเขาออกไป “เออ คือว่า…….คือว่า ผมกำลัง คิดอยู่ว่างานแต่งของคุณผมควรใส่ซองเท่าไหร่ดี” พักใหญ่กว่า เสิ่นเผยชวนคิดหาข้ออ้างที่ตัวเองคิดว่าไม่มีพิรุธออกมาได้
ซูจ้านไม่ได้สังเกตเลยว่าการที่คุณย่าให้เขาแต่งงานเร็วขนาด นี้มันผิดปกติตรงไหน อย่างมากก็แค่รีบร้อนกว่าปกติไปนิดหนึ่ง เท่านั้นเอง ที่ผ่านมาท่านก็ซื้อให้เขาแต่งงานอยู่แล้ว
“ก็ต้องยิ่งเยอะยิ่งดีสิ” ซูจ้านพูดออกมาอย่างมีความสุข
มีคนใส่ซองให้ มันก็ต้องดีใจอยู่แล้ว
“ได้”
เสิ่นเผยชวนเองก็ไม่ได้ขี้เหนียว “เดี๋ยวใส่ซองใหญ่ให้คุณ เลย”
“เพื่อนๆ ของคุณก็อยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ที่สำคัญโรงแรมนี้ก็ ใช้ได้อยู่ เอาแบบนี้แล้วกัน งานแต่งของพวกคุณก็จัดในวันที่สิบ แปดเลยแล้วกัน”
“คือว่า ฉัน…….
“ไม่เป็นไร ช้าเร็วก็เหมือนกัน”
ฉินยาอยากบอกว่าเธอยังไม่ทันได้ตอบตกลงเลย แล้วทําไม ถึงตกลงเรื่องงานแต่งกันแล้วล่ะ แต่เธอกลับถูกซูจ้านดึงแขนเอา ไว้ เขากลัวว่าถ้าชักช้าจะทำให้ฉินยาเปลี่ยนใจ จึงได้พูดไปว่า “ตกลง วันที่สิบแปดเลย ส่วนทะเบียนค่อยกลับไปจดก็ได้
ด้วยเหตุนี้ งานแต่งงานของ ซูจ้านกับฉินยาก็ถูกกำหนดเป็นที่
เรียบร้อย
หลังอาหารเที่ยง หญิงชราก็ลากเสิ่นเผยชวนไปหาคนดูแลของ โรงแรมนี้เพื่อพูดคุยเรื่องสถานที่
เนื่องจากการจงใจทำตัวห่างเหินของจงจึงห้าว จึงทำให้หลิน นเหยียนรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด ส่วนเรื่องงานแต่งของซู จ้านกับฉินยาเธอก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเลย
อีกทั้งซูจ้านยังดึงตัวฉินยาไปเลย เธอจึงไม่มีเวลาและโอกาส
ได้คุยอะไรกับฉินยาเลย
“หม่ามีผมเห็นหม่ามีสีหน้าไม่ดีเลย” หลินซีเฉินจับมือของเธอ ไว้ “หม่ามี้กับเขามีปัญหากันเหรอครับ?”
ปกติจงจึงห้าวจะตัวติดกับหม่ามีตลอด แต่วันนี้ เขาไม่เพียงไม่ ตัวติดกับหม่ามี แม้แต่ตอนกินข้าวยังไม่นั่งกับหม่ามีเลย
หลียซินเหยียนเอามือลูบหัวลูกชาย ถึงมีเรื่องอยู่ในใจ เธอก็ ไม่ยอมพูดกับลูกชาย เด็กคนนี้เป็นคนละเอียดอ่อน ถ้าบอกให้ เขารู้อะไร ไม่แน่เขาอาจจะหนักใจแท้เธอก็ได้
แต่เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมของจงจึงห้าวนั้นไม่ปกติ ว่าแล้ว หลินซินเหยียนจึงพูดไปว่า “ไม่มีอะไรจ้ะ คนเป็นสามีภรรยากัน ไม่มีคู่ไหนที่ไม่ทะเลาะกันหรอก”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นพวกหม่ามีก็รีบๆ คืนดีกันนะครับ” หลินซีเฉิ นพูดด้วยความเป็นห่วง
หลินซินเหยียนตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม
พอถึงห้องหลินซีเฉินก็ปล่อยมือของหลินซีเหยียนแล้วกลับ ห้องของตัวเองไป ช่วงนี้เขาติดเกมอย่างหนัก ถ้ามีเวลาก็จะนอน เล่นเกมอยู่บนที่นอน
จงจิ่งห้าวที่พาหลินลุยซีไปกลับไม่ได้อยู่ในห้อง หลินซินเหยี ยนจึงไปตามหาที่อีกห้องหนึ่ง และก็ไม่เจอเหมือนกัน ภายใน ห้องนั่นว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลย
ในตอนที่เธอหยิบมือถือออกมาแล้วกำลังจะโทรหาจงจึงห้าว นั้น จู่ๆ ก็มีคนเข้ามาดึงชายเสื้อของเธอ เธอล้มลงไปมองแล้ว ก็ได้เห็นหลินลุยซียืนยิ้มร่าอยู่ด้านหลังเธอ เธอจึงเก็บมือถือไว้ใน กระเป๋าดังเดิม นั่งลงไปกอดลูกสาว เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นจงจึง ห้าวที่ยืนอยู่ห่างจากเธอไม่ไกล
เขากุมมือของลูกสาวไว้และกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ
หลินลุยซีลูบๆ ที่ใบหน้าของเธอ “หม่าม เมื่อกี้หม่ามีกำลังจะ โทรหาใครเหรอคะ?”
หลินซินเหยียนคิดไปแบบหนึ่ง “หม่ามีไม่ได้จะโทรหาใคร ที่หม่าหยิบมือถือมาอยากว่ากี่โมงแล้วเท่านั้นจะ
“อ๋อ แล้วพี่ชายล่ะคะ” เด็กสาวกะพริบตาปริบๆ
“อยู่ห้อง
“หนูไปกับไป ห้องของซีเฉิน
เหมือนหาชายเจอแล้ว ที่ดีใจของน้อยดังขึ้น ชาย”
หลินซินเหยียนยืนมองกันโดยไม่มีใครพูดอะไร
หลังจากเตรียมใจอยู่นาน หลินซินเหยียนจึงเปิดปากพูดว่า คือฉัน……
จงจึงห้าวไม่ฟังเธอพูด กลับเดินๆ กลับห้องไป
หลินซินเหยียน
หยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วไปนั่งอยู่ที่โซฟา จัดการกับเอกสารที่ก วงจึงส่งให้ความจริงๆเอกสาร
ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจหลินซินเหยียนนะ เขาแค่เหยียนเป็นฝ่ายพูดกับเขาเอง ท่าทางเธอเข้ามาอธิบายเขา ด้วยตนเอง
เพราะการยอมเข้าอธิบายเอง ก็เท่ากับว่าเธอใส่ใจเขา
“ฉันออกไปกับฉินยาแล้วได้รับสายจากไปนหนึ่ง เขาชวนฉัน ออกไป ยังไงรู้จักกันไว้ก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันจึงยอมไป ด้วย เขาคุยเรื่องเหยาชิงชิงกับฉัน จากนั้นพี่ชายของเหยาชิงชิง ไปหาเขา เกิดการกระทบกระทั่งขึ้นนิดหน่อย เสียเวลาไม่ค่อน ข้างมาก เขาชวนฉันกินข้าวเที่ยงด้วยกัน ฉันปฏิเสธ ตอนที่กลับ มา เสื้อโค้ทของฉันไปติดอยู่ในช่องว่างบนที่นั่ง เขาช่วยฉันดึง มันออกมา จากนั้นคุณก็เห็นแล้ว
จงจิ่งห้าวไม่ได้แสดงอะไรออกมาทางสีหน้าเลย ทําเหมือนกับ ไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด ความจริงเขาได้ยินทุกคำพูดของเธอ อย่างชัดเจนไปนานแล้ว ที่ตอนนี้ไม่ยอมพูด ทำเป็นโมโห ความ จริงก็เพื่อรอให้หลินซินเหยียนมาง้อเขาเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะในใจคิดอะไร ร่างกายก็จะตอบสนองไปแบ บนั้นรึเปล่า เพราะในจุดที่ต้องเซ็นชื่อเขากลับเขียนไปว่ามาง้อ ผม
กวงจิ้งที่อยู่อีกด้าน พอเห็นอักษรสามตัวนั้นแล้ว ผ่านไปตั้ง นานก็ยังไม่เข้าใจ
และได้ส่งข้อความกลับมาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า ร้อยังไง ครับ?
พอจงจึงห้าวเห็นอักษรสามตัวนี้ เขาก็อึ้งไป ก่อนที่จะตำหนิก วงจิ้งที่ไม่ตั้งใจทำงาน เขาก็อ่านดูอย่างละเอียดนี่เขาถึงขั้น……. เขาสะดุ้งไปก่อนที่หนึ่ง และรีบกดยกเลิกข้อความ
หลินซินเหยียนเห็นเขาดูยุ่งมาก จึงไม่ได้รบกวนเขาต่อ เธอพูด ออกมา หนึ่งว่า “ฉันไม่ใช่คนใจง่าย ขอให้คุณโปรดเชื่อใจฉัน ด้วย คุณทํางานไปเถอะค่ะ” พูดจบเธอหันหลังแล้วเดินออกไป เลย
จงจิ่งห้าว “
พูดแค่นี่ก็ไปแล้วเหรอ?
ไม่ใช่ว่าจะมาอธิบายหรอกเหรอ?
ไม่ใช่ว่าต้องหอมแก้มเขา กอดเขา อ้อนเขา ทำให้เขาเชื่อใจ เธอ ให้เขายกโทษให้เธอหรอกเหรอ? เขาวางโน๊ตบุ๊คลงไล่ตาม ออกมา แต่ก็ช้าไปก้าวหนึ่ง เพราะหลินซินเหยียน ได้นั่งลิฟต์ลง ไปแล้ว และเขาก็คลาดกับหลินซินเหยียนพอดี
ลิฟต์ห้องข้างๆ ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ด้านล่าง ตั้งนานแล้วก็ยังไม่ ยอมขึ้นมาสักที เขากดไปหลายครั้งก็ยังไม่ยอมขยับ ในช่วง กระวนกระวายใจเขาตัดสินใจวิ่งเข้าไปที่บันไดหนีไฟ แล้ววิ่งจาก บนลงล่าง
ถูกต้อง เพื่อไล่ตามหลินซินเหยียนไป เขาไม่สนใจภาพลักษณ์ ใดๆ ทั้งสิ้น
ในตอนที่เขาลงมาถึง หลินซินเหยียนก็ให้คนขับขับรถออก จากโรงแรมไปแล้ว
ฉินยาจะแต่งงาน หลินซินเหยียนจึงอยากออกแบบชุดเจ้าสาว ให้เธอสักชุด เวลามันเร่งรัด เธอจำเป็นต้องไปซื้ออุปกรณ์และของตกแต่งที่ใช้ในการตัดเย็บชุดเจ้าสาว เธอมีผ้าไหมกวางตุ้ง ผืนใหญ่ที่เพิ่งเงินให้มาอยู่ในมือ มันเป็นสีขาวพอดี เธออยาก ใช้ผ้าผืนนั้นเป็นองค์ประกอบหลัก แล้วยังต้องการตกแต่งด้วย ผ้าลายลูกไม้อีกหน่อย
เธอไปถามจากพนักงานของทางโรงแรมมาว่า มีสถานที่แห่ง หนึ่งที่เป็นเมืองสินค้าค้าเล็กๆ ในนั้นมีขายทุกอย่าง เธออยากไป ดูสักหน่อย ไปดูว่าจะหาของที่เธอต้องการได้รึเปล่า
ในหัวของเธอมีภาพชุดเจ้าสาวที่สมบูรณ์แบบคร่าวๆแล้ว ตอนนี้ขาดแค่วัตถุดิบเท่านั้น
ถ้าอุปกรณ์ไม่ครบต่อให้เป็นคนที่มีความสามารถแค่ไหนก็ทำ อะไรไม่ได้อยู่ดี
ไม่นาน รถก็ไปจอดอยู่ตรงหน้าเมืองสินค้าเล็กๆนั่น หลินซินเห ยียนลงจากรถ จากนั้นคนขับก็ลงจากรถแล้วเดินตามเธอเข้าไป หน้าประตูของที่นี่มีรถจอดอยู่เยอะมาก ลานจอดรถขนาดใหญ่มี รถจอดเต็มไปหมด ต่างก็มาซื้อของที่นี่กันทั้งนั้น ถุงเล็กถุงใหญ่ที่ ผ่านไปผ่านมานั้นต่างก็เป็นคนทั้งนั้น
คนขับอุทานออกมาคำหนึ่ง “ที่นี่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่คนที่มาซื้อ ของที่นี่มีไม่น้อยเลย
หลินซินเหยียนพยักหน้า เธอเองก็รู้สึกว่าในที่เล็กๆ แบบนี้ แต่ สามารถดึงดูดผู้คนได้มากมาย จะต้องมีจุดเด่นที่ดีกว่าที่อื่น แน่นอน เธอเร่งฝีเท้า “เราเข้าไปกันเถอะค่ะ”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ