บทที่ 520 เพื่อที่จะมัดใจสามี
จงจึงห้าวที่กลับบ้านไปอาบน้ำล้างหน้านั้นได้รับข้อความจาก ฉินยา บอกว่ามะรืนนี้หลินซินเหยียนจะไปตรวจครรภ์ และแนบ ชื่อที่อยู่โรงพยาบาลที่เธอจะไปตรวจมาให้เขาด้วย
จะไปหรือว่าไม่ไปก็แล้วแต่ ถือว่าเธอได้บอกเขาแล้ว
หลังจากที่เงินเผยชวนเอาเบอร์ให้เธอนั้น เธอก็รีบส่งข้อความ หางจิ้งห้าวทันที บอกว่าไม่ให้เขาเล่าให้จ้านฟังเกี่ยวกับตัวตน ของเธอ จงจึงห้าวก็ตกลง แต่ว่ายื่นข้อเสนอ 1 อย่าง ก็คือต้อง คอยรายงานสถานการณ์ของหลินซินเหยียนให้เขารู้
ให้เขาได้รู้ว่าในแต่ละวันเธอทำอะไรบ้าง
ฉินยาก็ต้องตกลงอยู่แล้ว ด้านหนึ่งก็คือไม่ต้องการให้จงจึง ห้าวบอกซูจ้านเกี่ยวกับตัวตนของเธอ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คืออยาก สานสัมพันธ์ให้หลินซินเหยียนกับจงจึงห้าว หวังว่าพวกเขาจะ สามารถแก้ปมได้เร็วที่สุด และกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
ภรรยาจะไปตรวจครรภ์จงจึงห้าวก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว แล้วอีก อย่างฉินยาก็บอกเขาล่วงหน้า เพราะว่าให้เวลาเขาได้เตรียมตัว การไปในครั้งนี้ เขาวางแผนจะอยู่แค่ไม่กี่วัน แล้วก็เตรียม
เสื้อผ้าไปเปลี่ยนด้วย จะไม่รีบร้อนเหมือนคราวที่แล้วอีกแล้ว
วันที่หลินซินเหยียนจะไปตรวจนั้น เขาได้เตรียมทุกอย่างไว้ เรียบร้อยแล้ว มีทั้งเงินและคอนเนคชั่น อยากจะทำอะไรก็ไม่ยากเท่าไหร่นัก
ลูกทั้งสองคนไปโรงเรียน ฉินยาก็ไปโรงพยาบาลกับหลินซิน เหยียน หลังจากที่เธอมาอยู่ที่เมือง ก็มาที่โรงพยาบาลนี้ตลอด แล้ว
ก็มีแพทย์ประจำตัวด้วย
หมอในแผนกผู้ป่วยนอกนั้นได้ให้รายการสิ่งที่จะตรวจแก่หลิน ซินเหยียน เพราะว่าตั้งครรภ์ได้ทั้งหมด 4 เดือนแล้ว ครั้งที่แล้ว ตอนที่มาตรวจนั้น หมอก็บอกหลินซินเหยียนแล้ว ว่าตอนอายุ ครรภ์ได้ 4 เดือนนั้นจะมีการตรวจดาวน์ซินโดรม ให้เธองดน้ำงด อาหาร เพราะว่าต้องเจาะเลือด แล้วก็ยังต้องมีการอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ เพื่อแยกแยะทารกว่ามีรูปร่างผิดปกติหรือไม่
หมอเคยอ่านประวัติการรักษาของหลินซินเหยียนมาก่อน ก็ ค่อนข้างจะเข้าใจเกี่ยวกับอาการของเธอ แล้วหมอคนนี้ก็เป็นผู้ เชี่ยวชาญในด้านนี้ หลายต่อหลายคนก็ยกย่องในทักษะการ รักษาของเธอ
หลินซินเหยียนก็เชื่อใจเธอมากเหมือนกัน
“คุณตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนกว่าแล้ว แต่ร่างกายค่อนข้างผอม แห้ง ต้องพักผ่อนให้ดี และใส่ใจเรื่องอาหารให้มากๆ นะคะ”
หมออธิบาย
หลินซินเหยียนยิ้มและพูดว่า “น่าจะเป็นที่หุ่นฉันด้วยล่ะค่ะ ไม่เคยอ้วนเลย”
หมอยิ้ม “นี่มันเป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คนเลยนะคะ
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ต่างลดน้ำหนักให้กระชับ เพราะว่าอยากจะมีรูปร่างที่ดี การที่มีร่างกายที่กินแล้วไม่อ้วนนั้น มันเป็นหุ่นที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝัน
แล้วหมอก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว เธอยิ้มให้หลินซินเหยี ยนแล้วพูดว่า “นี่คือการตรวจเลือดครั้งแรกของคุณ น่าจะไม่รู้ว่า แผนกตรวจเลือดอยู่ที่ไหน เดี๋ยวฉันจะให้ แพทย์ฝึกหัดพาคุณ ไปนะคะ”
หม?
หลินซินเหยียนงุนงง โรงพยาบาลมีบริการแบบนี้ด้วยเหรอ
“มีคนไปเป็นเพื่อนฉันแล้วค่ะ ไม่ต้องลำบากหรอก” หลินซินเห ยียนยิ้มและต่อ รู้สึกว่ามันรบกวนคนอื่นมากเกินไป
แล้วอีกอย่าง เธอก็ไม่เคยได้รับการบริการแบบนี้จากโรง
พยาบาลไหนมาก่อน
“เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ที่เพิ่งจะเรียนจบ แล้วก็เป็นผู้ชาย ยัง ไม่ค่อยมีประสบการณ์เกี่ยวกับการตรวจเท่าไหร่นัก ให้เขาได้ เห็นอะไรมากขึ้นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ของเขานะคะ” หมอยัง คงยิ้มเหมือนเดิม สรุปแล้วก็คือกำลังเกลี้ยกล่อมว่ายังไงหลินซิน เหยียนก็ต้องยอม
ในเมื่อหมอพูดขนาดนี้แล้ว หลินซินเหยียนก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้ แต่ตอบรับว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนด้วยนะคะ”
หมอโบกมือ “ไม่รบกวนเลยค่ะ ถือว่าคุณช่วยฉันซะด้วยซ้ำ หลินซินเหยียนกะพริบตา เธอถามยังไม่เข้าใจ “ช่วยเหรอคะ? ช่วยอะไรเหรอคะ ? ”
ฉินยาที่อยู่ด้านหลังของหลินซินเหยียน ก็จ้องมองไปที่ แพทย์ ฝึกหัด ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของคุณหมอ
เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาว สวมหมวกสีน้ำเงินของหมอ ใส่
หน้ากากอนามัย ใส่แว่น ไม่เผยให้เห็นใบหน้าแม้แต่นิดเดียว
ถ้าเกิดไม่ใช่ว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าจงจึงห้าวรู้ว่าหลินซินเหยียนจะ มาโรงพยาบาล เธอก็คงจะไม่คาดเดาเกี่ยวกับเขาอย่างแน่นอน
แต่ว่าพอเอามารวมกับคำพูดของคุณหมอ เธอก็เลยจําเป็น ต้องคาดเดา
ดูจากส่วนสูง อีกทั้งการแต่งตัว…..เธอคิดในใจว่า โชคดีแล้ว
ที่ใบหน้าถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ไม่อย่างนั้น อาจจะถูกจำได้
ก็ได้?
คุณหมอรีบอธิบายว่า “ใช่ค่ะ ถือว่าคุณช่วยฉัน ตอนนี้ไม่ค่อย มีผู้ชายยอมมาเป็นหมอสูติเท่าไหร่ คุณดูสิ แค่เริ่มก็เขินแล้ว ปกปิดจนแทบไม่เห็นหน้าอยู่แล้ว เพราะว่าเขินไม่อยากเจอใคร ฉันก็เลยอยากให้เขาได้ฝึกเยอะๆ นะค่ะ”
หลินซินเหยียนไม่ทันสังเกตว่าวันนี้ในห้องตรวจมีคนเพิ่มมา 1 คน ตอนเข้ามาเธอก็แค่เพียงเหลือบมองเท่านั้นแต่ว่าไม่ได้สนใจ
ฉินยารับคำสั่งแพทย์มา พร้อมกับประคองหลินซินเหยียนให้ลุกขึ้น “พอแล้ว ไม่ต้องถามแล้ว เขาเป็นหมอไม่หลอกเธอหรอก เธอจะถามรอบคอบอะไรขนาดนั้น”
หลินซินเหยียน,
เธอถามเยอะเหรอ?
เธอมองฉินยาอย่างพูดไม่ออก “ฉันถามเยอะเหรอ? ”
“ไม่เยอะหรอก ฉันแค่ไม่อยากเสียเวลา เธอยังไม่ได้กินข้าว เช้าเลยนะ พวกเรารีบไปตรวจกันเถอะ พอตรวจเสร็จแล้วเธอจะ ได้ไปกินอะไรซะหน่อย” ฉินยาอธิบายไปด้วย เราก็ประคองเธอ ให้เดินออกไปด้านนอก พ่อออกไปด้านนอกแล้วก็ส่งต่อหลินซิน เหยียน ให้ นายแพทย์ฝึกหัด คนนั้น “คุณพาเธอไปตรวจนะ เดี๋ยวฉันจะไปจ่ายเงิน
พอพูดจบฉินยาก็ถือบิลออกไป
หลินซินเหยียนอยากจะเรียกเธอไว้ แต่ว่าฉันยานั้นเดินเร็วมาก ไม่เห็นเงาของเธอแล้ว ตอนนี้เธอก็เลยจำเป็นต้องรบกวน นาย แพทย์ฝึกหัด แล้วล่ะ
“รบกวนด้วยนะคะ” เธอพูดอย่างมีมารยาท
นายแพทย์ฝึกหัด’คนนั้นไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ผายมือ ให้เธอ หลินซินเหยียนนึกว่าเขาเป็นเหมือนที่คุณหมอพูดก่อนหน้านี้ จริงๆ เพราะว่าเป็นหมอสูติที่เป็นผู้ชาย ตอนแรกเริ่มก็เลยจะค่อน ข้างก็เขิน ก็เลยไม่พูดอะไร เธอก็ไม่ได้ถือสา ได้แต่เดินตามเขาไป
น่าจะเพราะว่ารู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย หลินซินเหยียนก็เลย ไม่ค่อยได้มองเขาเท่าไหร่นะ
ได้แต่เดินตามหลังเขาไปเงียบๆ
แผนกเจาะเลือดอยู่ชั้นหนึ่ง ส่วนแผนกผู้ป่วยนอกอยู่ชั้นสอง เพราะฉะนั้นต้องลงไปหนึ่งชั้น ลิฟต์ระหว่างชั้นหนึ่งกับชั้นสองนั้น มีไว้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินได้เท่านั้น ส่วนคนทั่วไปต้อง ใช้บันไดกลาง บันไดระหว่างชั้นหนึ่งและชั้นสองนั้นเป็นบันได แนวตรง ไม่ได้คดเคี้ยวอะไรก็ค่อนข้างที่จะเดินสะดวก
พอเดินมาถึงขั้นบันได แพทย์ฝึกหัด ก็เอื้อมมือออกไปช่วย พยุงเธอ โดยสัญชาตญาณ หลินซินเหยียนผละตัวออก แต่ก็รีบ อธิบายในทันที กลัวว่าจะเป็นการหักหน้าเขา “ฉันเดินเองได้ไม่ ต้องประคองก็ได้ค่ะ”
ที่จริงเธอก็รู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ ยังไงเขาก็เป็น ผู้ชาย แล้วอีกอย่างเธอก็สามารถเดินเองได้
มือของแพทย์ฝึกหัดค้างอยู่กลางอากาศ แล้วเขาก็ตระหนัก ได้อย่างทันทีว่าตัวเองใจร้อนไปหน่อย ก็เลยเก็บมือกลับมา
เขาแค่เดินข้างๆ เธออย่างระมัดระวัง กลัวว่าเธอไม่ทันระวัง แล้วจะลื่น เขาจะได้รับเธอไว้ทันเวลา
หลินซินเหยียนนุ่มง่าม เธอจับราวบันไดแล้วค่อยๆ เดินลงมา หลังจากลงบันไดมาเรียบร้อยแล้ว แพทย์ฝึกหัด ก็เดินทาง เธออีกครั้ง
หลินซินเหยียนรู้สึกว่าแพทย์ฝึกหัดคนนี้ระมัดระวังมากเกินไป หน่อย เดินข้างๆ เขาแล้วรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่
เธอมองไปด้านหลัง หวังว่าฉินยาจะรีบกลับมา แต่ว่ากลับไม่ เห็นแม้แต่เงาของเธอ เธอก็เลยต้องละสายตากลับมาและเดิน ตามแพทย์ฝึกหัดคนนั้นไปต่อ
แบบฝึกหัดคนนั้นก็พาหลินซินเหยียนมาถึงสถานที่เจาะเลือด อย่างรวดเร็ว คนมาเจาะเลือดเยอะมาก ต้องต่อแถว และรอให้ ถึงคิวของตัวเอง
ประเด็นก็คือฉันยายังจ่ายเงินไม่เสร็จ เพราะว่าต้องเอาบิลให้ พยาบาลออกหมายเลขให้ หลังจากนั้นเขาถึงจะเรียกหมายเลข นั้นไปเจาะเลือด
ฉินยาก็น่าจะคิดเรื่องนี้ไว้แล้วเหมือนกัน เดิมทีเธออยากจะหา ที่เงียบๆ รอให้ แพทย์ฝึกหัด พาหลินซินเหยียนไปตรวจร่างกาย จนเสร็จแล้วเธอค่อยกลับมา แต่พอคิดเรื่องนี้ได้ก็เลยมาที่นี่ก่อน
ตอนที่หลินซินเหยียนกำลังจะโทรหาเธอนั้น เธอก็วิ่งเข้ามา แล้วก็ยื่นใบเสร็จจ่ายเงินกับรายการที่ต้องตรวจเพิ่มให้ กลับแพทย์ฝึกหัด คนนั้น “ในเมื่อคุณมาเพื่อฝึกงาน ถ้าอย่างนั้น รบกวนคุณด้วยนะ ฝากดูแลดีๆ ด้วยล่ะ”
เธอเน้นประโยคที่ว่าฝากดูแลดีๆ อย่างชัดเจน
เหมือนกับว่าเป็นการเตือนเขา ว่าการที่ผู้หญิงตั้งท้องนั้นไม่ง่ายเลย
แพทย์ฝึกหัดคนนั้นเงยหน้ามองหน้าเธอ แล้วก็รับรายการ เหล่านั้นไป หลินซินเหยียนยื่นมือไปอยากจะห้าม แต่ว่าก็เผลอไป แตะมือของแพทย์ฝึกหัดคนนั้นเข้า เธอเหมือนกับถูกไฟฟ้าช็อต รีบเก็บมือกลับมาทันที เธอถลึงตาใส่นยา “เธอมาตรวจเป็น เพื่อนฉัน แต่ว่าตอนนี้เธอให้เขาทำต่อ เธอจะไปไหน? ”
เธออยู่กับแพทย์ฝึกหัด คนนี้แล้วรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เท่าไหร่
“เธอยังไม่ได้กินข้าว ฉันจะไปดูหน่อยว่าด้านนอกมีอะไร อร่อยๆ ขายไหม เดี๋ยวฉันซื้อกลับมาให้ พอตรวจเสร็จจะได้กิน เลย”ฉินยาตอบ
“ไม่ต้องหรอก พอตรวจเสร็จแล้วค่อยออกไปหาอะไรกินง่ายๆ ก็ได้ เธอ……
“พอแล้วน่า”ฉินยาตัดบทเธอ ท่าทางดูไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นะ “ตรงนี้มันต้องต่อแถว ฉันไม่ชอบกลิ่นของโรงพยาบาลเลย ก่อน หน้านี้ก็ดมมาเยอะแล้ว ฉันจะไปซื้อของกินให้เธอนะ”ฉินยาพูด จบแล้วก็เดินออกไปทันที
หลินซินเหยียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนหน้านี้ฉินยาอยู่โรง พยาบาลมานานมาก ต้องรู้สึกขมขึ้นอย่างแน่นอน ยังไงซะก่อน หน้านี้ก็บาดเจ็บร้ายแรงขนาดนั้น เธอเข้าใจความอ่อนไหวที่ฉัน ยามีต่อกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาล แล้วก็ถอนหายใจ ออกมาเบา เธอหาเก้าอี้ว่างนั่งลง รอแพทย์ฝึกหัดเอาใบรายการ ตรวจไปให้พยาบาล แล้วก็รอเรียกคิว
หลังจากที่แพทย์ฝึกหัด เอาใบรายการให้พยาบาลแล้ว ก็ กลับมายืนอยู่ข้างๆ เธอ
ด้านข้างของหลินซินเหยียนมีผู้หญิงตั้งครรภ์คนหนึ่งนั่งอยู่ อายุครรภ์น่าจะมากกว่าหลินซินเหยียน แต่ว่าอายุก็ดูมากกว่า หลินซินเหยียนเยอะ เธอพูดเก่งมาก น่าจะเบื่อกับการรอตรวจ เธอก็เริ่มพูดคุยกับหลินซินเหยียน มองท้องของเธอและถามว่า “กี่เดือนแล้วเหรอคะ?
หลินซินเหยียนบอกว่าตัวเองตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนกว่าแล้ว หลัง จากนั้นก็มองท้องของเธอ เพราะว่ามีประสบการณ์ในการมีลูกมา ก่อน ก็เลยมองออก เลยถามว่า “ของคุณน่าจะ 6-7 เดือนแล้วใช่ ไหมคะ? ”
ผู้หญิงคนนั้นยิ้ม “คุณแม่นมากค่ะ ของฉันจะ 7 เดือนแล้วค่ะ”
“คุณมาคนเดียวเหรอคะ? สามีของคุณไม่ได้มาด้วยเหรอ? “ผู้ หญิงคนนั้นถาม
สีหน้าของหลินซินเหยียนไม่เป็นธรรมชาติในทันที แต่ว่าเธอก็ เป็นปกติอย่างรวดเร็ว “เขายุ่ง ฉันก็เลยมากับเพื่อนแทนนะค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจออกมา “ฉันก็มาคนเดียวเหมือนกัน สามีฉันก็ยุ่งมาก ตั้งแต่แต่งงานกับเขา เพื่อนฉันก็ไม่เหลือสักคน ใช่สิ นี่ท้องแรกของคุณหรือเปล่าคะ? คุณยังดูเด็กอยู่เลยนะ”
หลินซินเหยียนยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร เธอตั้งท้องตั้งแต่อายุ 18 คลอดตอนอายุ 19 มันก็ค่อนข้างจะเร็วไปหน่อย ตอนนี้เธออายุ แค่ 20 กว่า แต่ว่าลูกคนนี้คือลูกคนที่ 3 แล้ว
แพทย์ฝึกหัดที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอก้มหน้าลงมามองเธอ เพราะว่าใบหน้าของเขาถูกปกปิดไว้ ก็เลยไม่มีใครสังเกตเห็น สีหน้าของเขา
หญิงสาวคนนั้นนึกว่าที่หลินซินเหยียนไม่ตอบอะไร เพราะว่า ตัวเองพูดถูก เธอยิ้มแล้วขยับเข้ามา แล้วถามว่า “คุณจะผ่า คลอด หรือว่าคลอดแบบธรรมชาติเหรอคะ? ”
“คลอดแบบธรรมชาติค่ะ”หลินซินเหยียนตอบ จงเหยียนเฉิ นกับจงเหยียนซีก็คลอดแบบธรรมชาติ เพราะว่าพวกเขาทั้งสอง คนตัวเล็กมาก ถึงแม้ว่าตอนคลอดจะเจ็บ แต่ว่าก็ไม่ได้ร้ายแรง ขนาดนั้น
หญิงสาวคนนั้นขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันว่าจะผ่าคลอดน่ะค่ะ”
หลินซินเหยียนไม่เข้าใจ ในเมื่อคลอดแบบธรรมชาติได้ทำไม ต้องอยากผ่าคลอดด้วย?
“ทําไมล่ะคะ คลอดแบบธรรมชาติมันดีกว่าไม่ใช่เหรอ? ”
“คุณยังดูวัยรุ่นอยู่ อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้ แต่ฉัน แนะนำว่าให้คุณผ่าคลอดดีกว่าค่ะ”ผู้หญิงคนนั้นท่าทางเหมือน เข้าใจเรื่องราวดี แม้แต่แพทย์ฝึกหัดที่ยืนอยู่ด้านหลังของเธอก็ รู้สึกสนใจ
ผู้หญิงคนนั้นขยับเข้ามาใกล้หลินซินเหยียน “ฉันได้ยินมาว่า ผู้ หญิงที่เคยคลอดลูกแล้ว ด้านล่างมันจะไม่ค่อยฟิต เพื่อที่จะมัดใจ สามี ผ่าคลอดดีกว่าค่ะ”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ