บทที่ 465 เธออยากจะถามเหวินชิงด้วยปากของเธอเอง
มีถุงเอกสารวางอยู่ข้างในหนึ่งชุด
เธอเอื้อมมือเข้าไปหยิบออกมาแล้วดึกเชือกที่พันไว้ออก จาก นั้นก็หยิบของด้านในออกมาดู มันคือจดหมายสองฉบับ มีชื่อ เขียนกํากับไว้ตรงหน้าซองว่า ถึงเหวินซึ่งพี่ชายของฉัน ส่วน อีกฉบับไม่มีชื่อ ตอนที่เปิดตู้เซฟเธอแทบไม่รู้สึกอะไรเลย จน กระทั่งเห็นจดหมายสองฉบับนี้
เธอขมวดคิ้วแน่น มือเริ่มสั่นระริกขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ถึงเหวินชิงพี่ชายของฉัน นี่มันเห็นได้ชัดเลยว่าผู้หญิงคนนี้คือ เหวินเสียน
เธอพยายามข่มอารมณ์ไว้แล้วหยิบของข้างในออกมา มันเป็น เอกสารชุดหนึ่ง เป็นหนังสือสัญญาหุ้น JK
เธอไม่เคยได้ยินชื่อองค์กรนี้มาก่อน แต่ดูจากหุ้นแล้ว ถึงแม้ องค์กรนี้จะเปิดระบบถือหุ้นทว่ากลับว่ามีสมาชิกน้อยมาก เพราะ หนังสือหุ้นเล่มนี้มีสัดส่วนถือหุ้นถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ฟบ! มีของหล่นออกมาจากถุงเอกสาร
เธอก้มลงดูก็เห็นว่าเป็นเล็กๆ ที่มีรูอยู่รอบๆ มันกลิ้งมาที่เท้า ของเธอ เธอจึงย่อตัวลงแล้วหยิบมันขึ้นมาดู จากนั้นก็พบว่ามันเป็นแบบที่เปิดได้ เธอใช้เล็บกดตรงปุ่มเปิด ด้านในเป็น ภาพถ่ายรูปรวม ถึงแม้จะมีขนาดเล็ก แต่รูปลักษณ์หน้าตาของ คนด้านในรูปกลับชัดเจนมาก ผู้หญิงไว้ผมยาวสลวยสีดำสนิท หน้าตาสะสวย ทั้งคิ้วทั้งดวงตาของหล่อนดูคล้ายกับเธอเลย
แต่ทว่าที่ดูคล้ายเธอมากกว่าก็คือผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ
เขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาหล่อเหลาและดูจิตใจดี ดูท่าที่อ่อนช้อย งดงามและบอบบาง แต่ในขณะเดียวกันก็ดูหัวแข็ง แข็งแรงและ เข้มแข็งดั่งลูกผู้ชาย หากไม่สังเกตที่ดวงตาสีดำคู่นั้นที่ลุ่มลึก เข้าไปราวกับบ่อน้ำที่แห้งขอด คนที่พบเห็นก็อาจจะคิดว่าเขาเป็น ผู้ชายที่เรียบร้อยและดูดีมากๆคนหนึ่ง
หลินซินเหยียนคิดในใจว่านี่คงเป็นผู้ชายที่เหวินเสียนมีความ รู้สึกพิเศษให้แน่ๆ
บางทีนี่อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยเจอพวกเขาตัวเป็นๆมาก่อน ถึงแม้ในใจเธอจะเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแต่มันก็ไม่มากนัก มันค่อนข้างที่จะรู้สึกเฉยๆมากกว่า
ทันใดนั้นเองเธอก็พบว่า อันนี้ทำมาจากวัสดุเดียวกับสร้อย คอของเธอ เธอจึงหยิบสร้อยคอออกมาจากในกระเป๋า มันเป็น เซตเดียวกันจริงๆด้วย เนื่องจากมันประกอบเข้ากับสร้อยได้ พอดี
เธอเก็บของใส่ในถุงเอกสารไว้ แล้ววางไว้ในตู้เซฟก่อน จาก นั้นก็เปิดจดหมายที่ไม่มีชื่อจ่าหน้าซองออก เธอคลุกระดาษ จดหมายที่ถูกพับไว้ไม่นานลายมืออันสวยงามก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอ
ไสวัสดีซินเหยียน
แม่ไม่รู้ว่าหนูจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้รึเปล่า แต่ในใจลึกๆแม่ ก็หวังว่าหนูจะไม่ได้อ่านมัน ทว่า ในขณะเดียวกันก็อยากให้หนูได้ อ่านด้วย อย่างน้อยจะได้รู้ว่าแม่เป็นใคร พ่อของหนูเป็นใคร ส่วนสาเหตุที่ไม่อยากให้หนูอ่านนั่นก็เพราะ แม่อยากให้หนูได้ เติบโตอยู่ในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเหมือนคนปกติทั่วไป
แม่อยากเห็นตอนหนูโตมาก หนูจะเหมือนแม่หรือเหมือนพ่อ กันนะ แต่ที่สำคัญที่สุดแม่หวังว่าหนูจะมีสุขภาพแข็งแรงและมี ความสุขนะ
ของที่อยู่ในถุงเอกสารเป็นของที่แม่เก็บไว้ให้หนู และถ้าหนูมี ปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อคนที่ชื่อชาวหยุนได้เลย เขาจะคอย ช่วยเหลือและปกป้องหนู
หากหนูได้อ่านจดหมายฉบับนี้ แม่เชื่อว่าหนูคงได้ผ่านเรื่อง ราวอะไรบางอย่างมา ไม่งั้นจื่อนคงไม่บอกหนูหรอก
ไม่ว่าจะได้ยินเรื่องอะไรที่มันแย่ๆเกี่ยวกับพ่อของหนู ขอให้หนู อย่าไปเชื่อ เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง
และสุดท้ายแม่ชื่อเหวินเสียนเป็นแม่ของหนู ส่วนพ่อของหนูชื่อ จวงจื่อย แต่ไม่ค่อยมีใครรู้จักคนชื่อนี้หรอก เพราะงั้นหนูรู้แค่นี้ก็ พอแล้ว
แม่ไม่มีอะไรจะพูดนอกเสียจากคำว่าขอโทษที่ให้กำเนิดลูกออกมา ทว่ากลับเลี้ยงดูลูกไม่ได้ แต่พวกเรารักลูกมากๆเลยนะ
แม่เชื่อมาตลอดว่าลูกคือของขวัญที่พระเจ้าส่งมาให้ ตอนที่รู้ ว่ามีลูก แม่ก็กระโดดโลดเต้นดีอกดีใจอย่างอดไม่ได้ ลูกเป็นผู้ สืบสกุลของแม่กับพ่อ และก็เป็นที่ร่องรอยความทรงจำที่พวกเรา ฝากไว้บนโลกใบนี้
ขอให้ทุกความสุข ความอบอุ่นและความโชคดี จงหมุนวนอยู่
รอบๆตัวลูกเสมอ —เหวินเสียน
หยดน้ำตาไหลหยดลงบนจดหมายหนึ่งหยด เธอไม่รู้สึกเจ็บใจ ไม่รู้สึกโกรธแค้น ทว่าไม่รู้ทำไมอ่านจบแล้วน้ำตาถึงไหลออกมา
เหมือนกับว่าเธอควบคุมตัวเองไม่ได้ยังไงยังงั้น
“คุณหลิน คุณยังอยู่ข้างในอยู่ไหม? “เนื่องจากหลินซินเหยี ยนเข้าไปเป็นเวลานาน ผู้จัดการจึงตะโกนเรียกอยู่ที่หน้าประตู
เธอรีบเช็ดน้ำตาออกอย่างรวดเร็ว แล้วขานรับออกไปยังอยู่
ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ”
เธอเก็บของใส่กลับเข้าไปในถุงเอกสารแล้วปิดประตูตู้เซฟ จากนั้นก็ถือถุงเอกสารเดินออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูด กับบอดี้การ์ดขึ้น พวกเราไปกันเถอะ”
ผู้จัดการเดินไปส่งเธอที่หน้าประตู “ถ้าต้องการอะไรติดต่อผม ได้เลยนะครับ”
หลินซินเหยียนหันกลับไปมองเขา เรื่องที่ฉันมาที่นี่ หวังว่าจะไม่มีใครรู้นะ”
ผู้จัดการคลี่ยิ้มออกมารับทราบครับ การปกป้องข้อมูลส่วน ตัวของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการของทางเราอยู่ แล้ว”
หลินซินเหยียนพยักหน้ารับเบาๆ บอดี้การ์ดเอื้อมมีไปเปิด ประตูรถ ให้เธอ จากนั้นเธอก็ก้มตัวลงเข้าไปนั่งในรถ
เธอจับคางตัวเองไว้พร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง ถ้ามี คนถามว่าวันนี้ฉันออกมาทำอะไร นายรู้ใช่ไหมว่าจะต้องตอบยัง ไง? ”
บอดี้การ์ดที่กำลังขับรถอยู่เหลือบมองเธอ เขารู้ดีว่าเธอ ต้องการจะสื่ออะไร แต่เขาไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาพูดดี
“คุณนายช่วยคิดข้ออ้างให้ผมดีกว่าไหมครับ”
“ถ้ามีคนถามก็บอกว่าฉันไปร้านเสื้อผ้า เธอมองออกไปนอก หน้าต่าง เนื่องจากเมื่อวานฝนตกหนักมาก วันนี้แดดก็เลยแรง เป็นพิเศษ แต่ว่าความเศร้าที่ปกคลุมอยู่ในใจของเธอนั้นมันยัง คงไม่จางหายไปไหน
เธอก้มหน้าลงช้าๆ แล้วมองของที่อยู่ในมือ จากนั้นก็ลังเลใจ อยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็สั่งให้บอดี้การ์ดขับไปที่บ้านตระกูลเหวิน เธออยากไปถามเหวินชิงด้วยปากของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องเฉิง
ยู่ซิ่ว
เพราะนี่มันสำคัญมากสำหรับเธอ
บอดี้การ์ดรู้สึกกังวลเล็กน้อย ไม่ต้องบอกประธานจงก่อนหรอครับ? –
หลินซินเหยียนขมวดคิ้วขึ้นแล้วแกล้งทำเป็นโมโห ทำไม คำ
พูดของฉันมันไม่มีความหมายอะไรเลยหรอ? บอดี้การ์ดรีบอธิบายทันที ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่กลัวว่า คุณนายจะเป็นอันตราย เมื่อกี้ผมพูดผิดเอง”
“วางใจเถอะ เขาไม่ทำอะไรฉันหรอก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็น ชา ทว่าในใจกลับกังวลอยู่ไม่น้อย
การมีสถานะเป็นลูกสาวของเหวินเสียนในตอนนี้มันก็สร้าง ความลำบากใจให้เธอมากพอแล้ว และถ้าเกิดว่าเหวินซึ่งเป็น คนร้ายที่ฆ่าเพิ่งซิ่วอีก เธอไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะเอาหน้าที่ไหนไป เจอจงจิ่งห้าว
ไม่นานรถก็หยุดลงที่ปากประตูทางเข้าหมู่บ้าน ที่นี่ไม่อนุญาต ให้รถธรรมดาเข้าไป มันมีการป้องกันอย่างเข้มงวด หลินซินเหยี ยนจึงโทรหาหลีจ้าน
หลี่บ้านไม่อยู่บ้าน เขาออกไปดื่มเหล้ากับคุณไจแอ้นเพราะเขา ไม่อาจทำใจเผชิญหน้ากับเรื่องที่เหวินซึ่งทำลงไปได้ เขาเลือก ออกไปอยู่ข้างนอกเหมือนกับเมื่อก่อน
เมื่อเห็นหลินซินเหยียนโทรมาเขาก็รู้สึกแปลกใจมาก
สะใภ้”
“ฉันอยู่หน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านนาย นายออกมาหน่อยได้ ไหม? ”
หลี่บ้านเรียกสติตัวเองกลับมาทันที ทำไมถึงมาที่บ้านผมล่ะ ครับ มากับพี่ชายด้วยรึเปล่า? ”
“ไม่ ฉันมาคนเดียว นายออกมาแบบนึง ยามที่หน้าประตูทาง
เข้าหมู่บ้านไม่ให้ฉันเข้าไป “ผมไม่ได้อยู่บ้าน หจ้านวางแก้วไวน์ลงแล้วเดินออกไปข้าง นอก คุณไจแอ้นรีบเดินตามออกมาแกจะไปไหนอีก พูดแล้ว
ไม่ใช่หรอว่าจะกลับมารับงาน จะเปลี่ยนใจอีกแล้วหรอ? ”
ความนิยมของเขาจะลดลงแล้ว
นี่เขายังอยากดังอยู่ไหมเนี่ย?!
หลี่จ้านรู้สึกรำคาญเลยหันกลับไปมองเขาแล้วพูดขึ้น”ฉันมีธุระ ต้องไปตอนนี้” เขาไม่วางใจให้หลินซินเหยียนไปที่บ้านคนเดียว เพราะไม่รู้ว่า
เหวินชิงจะหาเรื่องอะไรมากลั่นแกล้งเธออีกไหม
เขาเลยจําเป็นต้องกลับไป
“ฉันรับปากนายไปแล้ว ฉันจะทำแน่ แต่ขอฉันไปจัดการธุระ ก่อนได้ไหม? “หลี่บ้านพูดออกไปด้วยความอดทนครั้งสุดท้าย
คุณไจแอ้นยืนอยู่กับที่ไม่ตามต่อไปอีก เนื่องจากรู้นิสัยเขาดีจึง ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วกลับไปดื่มเหล้าเองคนเดียว
หลินซินเหยียนข่มตาลง “ถ้างั้นฉันจะเอาโทรศัพท์ยื่นให้ยาม นายช่วยคุยให้หน่อยแล้วกัน? ”
หลี่จ้านขึ้นรถ แล้วตอบตกลง
หลินซินเหยียนเอาโทรศัพท์ยื่นให้ยามเฝ้าประตู พอคุยกันรู้ เรื่องแล้วว่าจะไปบ้านตระกูลเหวินเขาถึงได้ยอมปล่อยเข้าไป
พอถึงหน้าบ้านตระกูลเหวิน หลินซินเหยียนก็เอาถุงเอกสารใส่ เข้าไปในกระเป๋า จากนั้นก็ผลักประตูรถออกแล้วเดินลงจาก รถ “นายรอฉันอยู่ที่นี่”
บอดี้การ์ดรู้สึกกังวล แต่ว่า…….
หลินซินเหยียนพูดเสียงแข็ง ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอก
บอดี้การ์ดได้แต่ทำตามคำสั่งของเธอ หลินซินเหยียนเดินออก ไปคนเดียวแล้วยื่นมือออกไปกดกริ่งหน้าบ้าน
ไม่นานประตูก็เปิดออก เมื่อเห็นว่าเป็นหลินซินเหยียน หลี่จิ้งก็
ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอี้ยวตัวออกพร้อมกับยิ้มพูดขึ้นรีบเข้ามาเร็ว”
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ