บทที่ 462 เขาหายไป
ข้างนอกลมเริ่มพัดแรงขึ้น ต้นไม้ต่างก็โอนเอนไปมาเกิดเป็น เสียงเสียดสีกัน ที่กระจกหน้าต่างก็มีเงาสีดำตัดสลับผ่านวูบวาบ ไปมาไม่หยุด
นาฬิกาบนผนังส่งเสียงบอกเวลาอย่างสม่ำเสมอ
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน มันนานมาก ขาของหลินซินเหยียนเริ่ม ชา ตัวเธอร้อนนิดหน่อย จงจึงห้าวจึงอุ้มเธอขึ้นไปชั้นบนแล้ววาง เธอลงบนเตียง เธอกำลังอยู่ในอาการมึน อาจเป็นเพราะเมื่อ กลางวันเปียกฝน ตอนนั้นเธอรู้สึกร้อนๆหนาวๆเล็กน้อยแต่เธอ ไม่ได้สนใจ
ทว่าตอนนี้นอนแม้จะนอนอยู่ในผ้าห่มเธอยังรู้สึกหนาวอยู่เลย ตอนที่สติกำลังรางเลื่อนจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูดขึ้น นอนเถอะ” เธอพยายามลืมตามองเขาในขณะที่ภาพตรงหน้ากำลังเลือน ราง จากนั้นก็พูดออกไปด้วยความกังวล แล้วคุณล่ะ?”
หลินซินเหยียนไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เธอรู้สึกง่วงมาก หลาย วันมานี้เธอไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แถมวันนี้ก็เหนื่อยมาก จริงๆ
สติของเธอค่อยๆเลือนรางหายไป เธอผล็อยหลับไปอย่างช้าๆแต่ก็สะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเสียงฟ้าผ่า
ทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงแสงไฟสลัวๆจากหัวเตียงเท่านั้น หน้าต่างก็ถูกปิดแน่น แต่พอมองลอดใต้ผ้าม่านไปก็เห็นสายฝน ที่ตกกระทบบนหน้าต่าง เนื่องจากฝนมันสาดเข้ามา
ข้างกายเธอไม่มีคนอยู่ แถมผ้าปูที่นอนก็เรียบกริบ มีแต่ด้าน ของเธอเท่านั้นที่ยับยู่ยี่ แสดงว่าเขายังไม่ได้นอนน่ะสิ พอนึกภาพ จงจึงห้าวที่อยู่ในห้องหนังสือ เธอก็ลุกพรวดขึ้นแล้วตรงลงไปชั้น ล่างจากนั้นก็ผลักประตูห้องหนังสือออก ทว่าด้านในกลับโล่ง ไม่มีใครอยู่สักคน มีเพียงแค่เสียงน้ำไหลจากข้างนอก
เธอเดินหาทั่วทั้งคฤหาสน์แต่ก็ไม่เจอเขา
ด้วยความร้อนใจเธอจึงเดินไปเคาะประตูห้องเสิ่นเผยชวน ซึ่ง เสิ่นเผยชวนเผอิญสะดุ้งตื่นเพราะเสียงฟ้าผ่าพอดี
พอได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลุกขึ้นมาเปิด หลินซินเหยียนยืน
อยู่หน้าประตูแล้วพูดด้วยท่าทางร้อนรน เขาหายไปแล้ว
เสิ่นเผยชวนขมวดคิ้วขึ้น”อะไรนะ? ”
จงจิ่งห้าวหายตัวไป
“รอผมเปลี่ยนเสื้อผ้าซักครู่ครับ” เสิ่นเผยชวนปิดประตูแล้วรีบ
เข้าไปเปลี่ยนทันที
หลินซินเหยียนยืนอยู่ในห้องนั่งเล่นพร้อมกับมองออกไปข้าง นอก เนื่องจากฝนตกหนักท้องฟ้าเลยมืดสนิท ไม่มีแสงสว่างใดๆ เลย เธอเปิดประตูบ้านออกไป ลมหนาวจากข้างนอกพัดโหมกระหน่ำเข้ามาทันที มันเย็นมาก หลินซินเหยียนตัวสั่นเพราะ ความหนาวอยู่ครู่หนึ่ง เธอสวมรองเท้าแตะเดินไปที่โรงรถ รถ หายไปหนึ่งคัน เขาต้องเอาออกไปแน่ๆ
เส้นเผยชวนเดินออกมา เมื่อเห็นว่าหลินซินเหยียนยืนอยู่ข้าง นอกด้วยชุดบางๆจึงขมวดคิ้วขึ้นถึงอากาศจะเริ่มร้อนแล้ว แต่ว่า ตอนฝนตกอากาศมันค่อนข้างเย็น คุณไปสวมเสื้อหนาๆหน่อย เดี๋ยวผมจะพาคุณไปหาเขาเอง ”
หลินซินเหยียนหันกลับไปมองเขา”ฉันเหมือนจะรู้แล้วว่าเขาไป ไหน”
ถ้างั้นมันก็ง่ายมาก เสิ่นเผยชวนพูดเร่งให้เธอไปสวมเสื้อเพิ่ม เธอยังรู้สึกเวียนหัวอยู่เล็กน้อยอาจเป็นเพราะฤทธิ์ได้ แต่ตอนนี้ การตามหาจงจิ่งห้าวคือเรื่องสำคัญที่สุด
พอเธอสวมเสื้อคลุมและเปลี่ยนรองเท้าเสร็จ เสิ่นเผยชวนก็เข้า
มากางร่มให้
“ไปที่สวนมรกต”
เสิ่นเผยชวนเหลือบมองเธอแวบหนึ่งโดยไม่พูดอะไรออกมา จากนั้นก็ขับรถไปตามทางที่เธอบอก
ค่ำคืนนี้ทั่วทั้งเมือง ถูกปกคลุมไปด้วยฝนห่าใหญ่ที่โหม กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ณ สวนมรกต มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ที่บันได ดอกเบญจมาศสี ขาวที่เกลื่อนพื้นส่งกลิ่นออกมาปนกับหยาดน้ำฝน มันให้ความรู้สึกเศร้าสลดมาก
ที่หน้าหลุมศพอันอ้างว้างและโดดเดี่ยวมีคนคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ ตรงนั้นพร้อมกับมองดูรูปภาพที่ติดไว้บนป้ายหลุมศพ
ครั้งแรกที่เจอหล่อน จงเฟิงเป็นคนพาหล่อนกลับมาที่บ้าน ตอนนั้นเขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนทำให้เขาสูญเสียแม่ของ เขาไป เขาปัดถ้วยน้ำชาที่คนใช้ยื่นให้เธอลงบนพื้น มันแตก ละเอียดไม่เหลือชิ้นดี น้ำชาร้อนๆ สาดกระเซ็นไปทั่วทุกสารทิศ ทว่าหล่อนกลับวิ่งเข้ามาหาเขาทันที แถมยังไม่ตำหนิที่เขาทำ อะไรไปอย่างไม่มีเหตุผลด้วย หล่อนเอาแต่เป็นห่วงว่าเขาเจ็บ ตรงไหนรึเปล่า
ตอนนั้นเขาได้แต่รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเสแสร้งเหลือเกิน แสร้งทำเป็นห่วงเป็นใยเขาเหมือนกับแม่แท้ๆที่เป็นห่วงเป็น
ใยลูกของตัวเอง
กว่าจะรู้สึกตัวว่าหล่อนเป็นแม่ของตัวเอง แถมหล่อนยังอยู่ตรง หน้าแท้ๆ ทว่าเขากลับไม่กล้าก้าวเข้าไปแล้วเรียกหล่อนว่าแม่
ความโกรธ ความคับแค้นใจและการหลอกตัวเอง มันทำให้ เขาโง่งมตกอยู่ในความเกลียดชังมานานหลายปี
แต่พอหลังจากที่ได้ยินเฉิงเวินพูด เขาถึงได้รู้ว่า ความแค้น ความเกลียดชังและการที่เขารับความจริงไม่ได้นั้น มันเทียบไม่ ได้กับการเสียสละของหล่อนเลยด้วยซ้ำ
การที่ถูกกักขังมานานนับหกปี มันเป็นช่วงอายุที่ดีที่สุดและช่วงเวลาที่ดีที่สุดของหล่อน ทว่าหล่อนกลับถูกกักขังไว้อย่างโหด ร้าย หล่อนยอมทิ้งธุรกิจของบรรพบุรุษตระกูลเฉิงเพียงเพื่อจะมา อยู่เคียงข้างเขา
ทั้งๆที่หล่อนสามารถเลือกเดินออกไปอย่างเห็นแก่ตัว และหา ใครสักคนเพื่อใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขได้
คุณอยากอยู่กับผมมากขนาดจนยอมทิ้งตระกูลเฉิง แล้วทำไม
ตอนนี้ถึงได้ยอมทิ้งผมไปง่ายๆแบบนี้ล่ะ?
เฉิงซิ่ว คุณยังคงใจร้ายกับผมเหมือนเคยเลยนะ เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยน้ำฝนอย่างแรง
เขาคุกเข่าอยู่หน้าหลุมศพ มีคำพูดมากมายเป็นล้านๆค่าจุก อยู่ในอก เขาโค้งตัวลงจนหน้าผากสัมผัสลงกับพื้นที่เย็นเฉียบ เม็ดฝนต่างก็ตกโปรยปรายลงมากระทบกับร่างเขา
ฝนมันเริ่มตกหนักขึ้นอีก นี่ขนาดเทพเจ้าก็ยังต้องหลั่งน้ำตาให้
กับฉากนี้เลยหรอเนี่ย
น้ำฝนไหลผ่านใบหน้าเขาไป ดูไม่ออกเลยว่านี่คือน้ำฝนหรือ ว่าน้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่หลั่งไหลออกมาจากใจเขา
ทว่านอกจากความเจ็บปวดก็ยังมีความเกลียดชังปรากฏขึ้น ในสายตาอันเยือกเย็นคู่นี้ด้วย
ทันใดนั้นเองหลินซินเหยียนก็เดินเข้ามากางร่มอยู่ข้างๆเขา เพื่อกันฝนที่ตกลงมา เธอยืนนิ่งไม่พูดไม่จาแล้วมองไปที่รูปของ เฉิงยู่ซิ่วเหมือนกัน
เธอจะยืนเคียงข้างเขาตลอดไปเอง
เธอจะต้องหาตัวคนทำให้ได้ว่ามันเป็นใคร จากนั้นก็จะส่งมัน
ไปลงโทษตามกฎหมาย!
แม่คะ หนูสัญญาว่าหนูจะช่วยดูแลเขาให้ดีและปกป้องลูกๆ ของพวกเราไว้ให้ได้
“จิ่งห้าว พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”หลินซินเหยียนคุกเข่าลง
แล้วพูดอย่างอ่อนโยน
ใบหน้าที่เข้มแข็งของเขาเปียกโชกไปด้วยน้ำฝน เธอใช้มือ ปาดลงบนใบหน้าที่เย็นเฉียบของเขา “เรามีเรื่องอีกมากมายที่ ต้องทำ เราต้องไปหาว่าครั้งนี้ใครเป็นคนลงมือ
เธอรู้ว่าตอนนี้มีเพียงแค่ความแค้นต่อคนที่ทำร้ายเฉิงซิ่ว เท่านั้นที่จะพาเขาออกมาจากความเศร้าโศกนี้ได้
มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขารู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา เขายื่นมือออกไปโอบเธอไว้ จากนั้นก็ตอบอิ่มออกมาเบาๆ
ฝนตกหนักอยู่ทั้งคืนจนกระทั่งตอนเช้าถึงหยุด จงจึงห้าวออก ไปตั้งแต่เช้าตรู่ หลินซินเหยียนรู้ว่าเขาคงไปตรวจสอบเรื่อง อุบัติเหตุทางรถยนต์
เธอดูแลอาหารการกินให้ลูกๆ พวกเขาต่างก็โตแล้ว แถมยัง ว่านอนสอนง่ายมากๆด้วย เธอเลยไม่ต้องทำอะไรมาก
พวกเขาทั้งกินข้าวเองได้ ล้างมือเองได้และเช็ดปากเองได้
เธอกอดลูกสาวของเธอก่อนแล้วหันไปกอดลูกชาย จากนั้นก็ ลูกหัวทั้งคู่เบาๆ พวกหนูเป็นเด็กดีมาก ดูสิแป๊บเดี๋ยวก็โตแล้ว”
หลิน เฉินเข้าไปกอดเธอ พอเห็นพี่ชายกอด หลินลุยซีก็เข้าไป กอดด้วย เด็กทั้งสองโอบเอวเธอไว้ เมื่อป้าหยูเก็บจานชามเสร็จก็เดินเข้ามา “เดี๋ยวพวกหนูต้องไป
ฝึกเขียนและอ่านหนังสือ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าเรียนระดับประถม
ศึกษา”
“ไปเถอะ” หลินซินเหยียนปล่อยเด็กทั้งสองออก
หลินซินเหยียนมองตามแผ่นหลังเล็กๆ ที่ตั้งตรงของพวกเขา จำได้ว่าตอนที่คลอดพวกเขาออกมาพวกเขายังตัวเล็กกระจิ๋ว เดียวอยู่เลย ทว่าพริบตาเดียวกับโตขนาดนี้แล้ว เธอยกมือขึ้นมา กุมท้องไว้ ส่วนข้างในนี้มันยังเล็กมาก เล็กจนถ้าไม่เอามือไป ทาบก็ไม่รู้สึกอะไร เธอก้มหน้าลงพูดกับลูกน้อยในท้องขึ้นหนู ต้องเป็นเด็กดีนะ คุณย่าอุตส่าห์เสียสละชีวิตเพื่อช่วยหนูไว้
เธอเป็นไข้ตัวร้อนนิดหน่อยมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เพื่อไม่ให้จง จิ่งห้าวเป็นห่วงเธอเลยอดทนเอาไว้ ทว่าตอนนี้เขาไม่อยู่บ้าน เธอ จึงบอกให้คนขับรถเตรียมรถ เธอจะออกไปโรงพยาบาลพร้อม กับบอดี้การ์ดอีกหนึ่งคน
ด้วยฐานะและตำแหน่งของเธอ พอถึงโรงพยาบาลจึงได้เข้าไป ตรวจก่อน ส่วนคุณหมอก็ยังเป็นคนเดิมกับคนที่เคยรักษาเธอมา ตั้งแต่แรก เมื่อตรวจร่างกายครบหมดแล้ว ตอนนี้ทารกในครรภ์ อยู่ในสภาพที่ดีมาก แต่เนื่องจากหลินซินเหยียนเป็นไข้นิดหน่อยจึงทําให้ทารกในครรภ์หัวใจเต้นเร็วเกินไป
ตอนนี้ร่างกายของเธอไม่เหมาะที่จะกินยา คุณหมอบอกว่าให้ เธอกลับไปพักผ่อนให้อุณหภูมิมันลดลง เดิมเธอแค่ตัวอุ่นๆ ถ้า ทำให้ร่างกายเย็นลงมันก็จะระงับอาการนี้ได้
“ขอให้มันดีแบบนี้ตลอดไป ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะให้คำตอบ ได้เร็วขนาดนี้”หลินซินเหยียนเดินไปตรงหน้าคุณหมอแล้วพูดขึ้น
หล่อนตอบกลับมาแค่ค่าว่าขอบคุณ
เมื่อเดินออกจากโรงพยาบาลไป ขณะที่เธอกำลังจะก้าวขึ้นรถ เธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่ในสวนสาธารณะของโรงพยาบาล
เธอหยุดมองอยู่พักหนึ่ง พอร่างที่คุ้นเคยนั้นหันกลับมา เธอก็ เห็นใบหน้านั้นได้อย่างชัดเจน
เธอเบิกตาโพลง จงจึงห้าวบอกว่าผลตรวจของจวงจื่อจีนไม่ได้
เป็นอะไรมาก แถมหล่อนยังคงรับโทษอยู่ข้างในอยู่ แล้วทำไม
ตอนนี้ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ อีกอย่างยังสวมชุดคนป่วยด้วย?
นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเนี่ย?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ