บทที่ 461 ทำไมหล่อนถึงใจร้ายได้ขนาดนี้
เหวิงชิงดึงหลี่จิ้งเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับทำหน้าบึ้งตึง นี่ถ้าไม่ใช่ เพราะข้างนอกคนเยอะเขาคงตะโกนด่าไปแล้ว เขาร้องที่ออกมา อย่างไม่พอใจ “ที่เขาไม่มามันก็ถูกแล้ว เพราะเหวินเสียนต่าง หากที่เป็นแม่ของเขา ฉะนั้นจะมาไว้ทุกข์ให้กับผู้หญิงคนนี้ ทำไม? ”
หลินซีเฉินกะพริบตาปริบๆมองไปยังคุณปู่เล็กที่เมื่อก่อนดูน่า รักเป็นกันเอง ทว่าตอนนี้กลับดูโหดร้ายมาก เขาเลยเดินไปยืน อยู่ข้างหลินซินเหยียนโดยสัญชาตญาณทันที
เฉิงเงินเดินเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาระงับความโกรธไว้ไม่ได้ หลินซินเหยียนจึงคว้าตัวเขาไว้แล้วพูดขึ้นเบาๆ ไม่ว่าจะเรื่องบุญ คุณหรือความแค้นอะไรก็ตาม ทุกอย่างล้วนไม่ควรพูดในเวลานี้ ให้เธอได้จากไปอย่างสงบนะ”
เฉิงเงินกำหมัดแน่น ในใจรู้สึกโกรธมาก โกรธที่จงจึงห้าวไม่
มาร่วมงาน
วันนี้เป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตของเฉิงซิ่ว ในฐานะลูกชาย ทำ ไม่เขาถึงไมมา? !
ภายใต้คำอธิษฐานของบาทหลวงและสายฝนที่เริ่ม โปรยปรายลงมา เถ้ากระดูกของเฉิงซิ่วถูกนำลงไปฝั่ง ทุกคนต่างเฝ้าดูพิธีอย่างเงียบๆไม่พูดไม่จา บรรยากาศดูเศร้าสลดมาก
หลินซินเหยียนไม่ร้องไห้ออกมาอีก เธอได้แต่ยืนมองอย่าง เงียบๆ ทว่าเด็กน้อยทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆกลับร้องไห้สะอึกสะอื้น ออกมา
เมื่อเห็นหลินซินเหยียนเอารูปถ่ายขาวดำของคุณย่าวางลงที่ หน้าหลุมศพ พวกเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าคุณย่าได้จากพวกเขาไป แล้ว พวกเขาจะไม่ได้เจอคุณย่าอีกต่อไป
หลินซินเหยียนลูบหัวเด็กทั้งสองเบาๆ “คำนับคุณย่าซะสิ
ทุกคนยืนอยู่หน้าหลุมศพแล้วโค้งคำนับลงสามครั้งอย่าง เงียบๆ จากนั้นก็ทยอยเดินออกไปทีละคน ทว่าก่อนที่หลินซินเหยี ยนจะเดินออกไป เหวินซึ่งก็เข้ามาขวางไว้ “ขนาดจงจึงห้าวยังไม่ มาเลย แล้วเธอจะมาทำไม? มาแสดงความกตัญญูงั้นหรอ? ตอนนี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร? ”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาโดยตรงแล้วพูดออก ไปอย่างชัดเจนด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของ ฉัน คุณไม่จําเป็นต้องมาคอยบอกคอยสอนฉันหรอก อีกอย่างฉัน ก็หวังว่าการตายของแม่ฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับคุณนะ”
เหวินชิงหรี่ตามอง นึกไม่ถึงเลยว่าหล่อนจะกล้าใช้น้ำเสียง แบบนี้คุยกับตัวเอง สีหน้าของเขาแย่ลงทันที
เดิมเหวินซิงก็เป็นคนอารมณ์ร้อนและหัวแข็งอยู่แล้ว หลี่จิ้งก ลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกันจึงพยายามดึงคนของเธอออกไป
หลินซินเหยียนก็ไม่ได้อยากจะต่อปากต่อคํากับเขาต่อ เธอ จูงมือเด็กทั้งสองเดินออกไป
พิธีงานศพจบลงตอนบ่าย หลังจากที่หลินซินเหยียนส่งแขก กลับไปหมดแล้วถึงได้พูดกับซูจ้านขึ้น “นายพาเด็กสองคนนี้กลับ ไปก่อน”
“ได้ครับ ถ้ามีอะไรติดต่อผมได้ทันทีเลยนะครับ” ซูจ้านอุ้มหลิน
ลุยซีขึ้นพร้อมกับจูงมือหลินเฉินเดินออกไปจากสุสาน
หลังจากที่หลินซินเหยียนเห็นบ้านพาเด็กทั้งสองเดินออกไป แล้ว เธอถึงได้หันกลับไปมองหลุมฝังศพที่ตั้งอยู่ด้านหลัง
มันเงียบเหงาและหว้าเหว่มาก
เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก ชีวิตของเฉิงซิ่วสลายหายไปอย่างไร้ ร่องรอยราวกับควันที่สลายตัวหายไปในอากาศ
บนโลกนี้ไม่มีเฉิงซิ่วอีกต่อไปแล้ว
เสิ่นเผยชวนที่ยืนอยู่ข้างๆเธอบอกว่าจงเพิ่งกำลังป่วย “ส่ง เฉิงยูเวินกลับไปแล้วครับ”
หลินซินเหยียนตอบอึมออกมาเบาๆ
เมื่อยืนตากฝนที่ตกโปรยปรายลงมาอยู่นานเสื้อของเธอจึงเริ่ม
เปียก
เสิ่นเผยชวนถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมาแล้วเอาไปคลุมไว้ บนไหล่ของเธอ
จากนั้นก็ยืนอยู่กับเธอ
จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลัง “ผมขอไว้ทุกข์ด้วยคนได้ ไหม? ”
เมื่อหลินซินเหยียนหันกลับไปก็เจอเข้ากับไปยื่นหนึ่งที่นั่งอยู่ บนรถเข็นพร้อมกับถือดอกเบญจมาศสีขาวไว้ในอก เกาหยวน เป็นคนเข็นเขาเข้ามา ส่วนอีกมือหนึ่งก็กางร่มสีดำไว้ พวกเขายืน
อยู่ที่บันไดอิฐขั้นสุดท้าย
หลินซินเหยียนเขยิบเว้นที่ให้
เนื่องจากบันไดมีหลายขั้นเขาจึงไม่สะดวกขึ้นมา เกาหยวน เลยต้องเป็นคนเอาช่อดอกเบญจมาศสีขาวซ่อนั้นขึ้นมาวางที่ หน้าหลุมศพแทน สีหน้าของเขาดูเหนื่อยเล็กน้อย เนื่องจากมีช่วง นี้มีเรื่องเกิดขึ้นที่บริษัทเยอะมาก มากจนเขาหัวหมุนเลยทีเดียว แต่พอได้ยินข่าวนี้ เขาก็รีบมาร่วมงานทันที ทว่าพอมาถึงพิธีกลับ จบลงไปแล้ว
“ที่ผมมาที่นี่ไม่ได้มีความหมายอย่างอื่นเลย ถือซะว่าผมเป็น ตัวแทนไปหงเฟยพ่อเลี้ยงของผมมาส่งหล่อนไปสู่สุคติแล้วกัน หวังว่าหล่อนจะจากไปอย่างสงบ ไปสู่ภพภูมิที่ดี
เขานั่งตัวตรงแล้วหันหน้ามายังหลุมศพพร้อมกับโค้งคำนับลง สามครั้งด้วยสีหน้าที่นิ่งสุขุม เขามองไปยังผู้หญิงในรูปภาพขาว ที่ติดอยู่หน้าหลุมศพ แม้เวลาจะผ่านมานานหลายปี หล่อนก็ ยังดูสุภาพและเยือกเย็นเหมือนเดิม “ผมจะแนะนำตัวเองให้คุณ ฟังอีกครั้ง ผมชื่อไปยื่นหนึ่งเป็นลูกบุญธรรมของไปหงเฟย พ่อบุญธรรมของผมหลงรักแต่งงานกับเธอ ถ้าคุณเขานั่น คุณก็ให้โอกาสเขาด้วยอย่าปล่อย
พูดจบไว้อาลัยเงียบๆอยู่กับที่พักหนึ่ง
เขามองไปเกาหยวน พวกกลับกันเถอะ”
ตั้งแต่แรกจนจบเขาไม่มองหลินซินเหยียนเลย
มาอยู่ทว่ากลับยังเมืองไปคนคือผู้หญิงพ่อบุญธรรมเขาเคยอย่างหัวใจ
ถ้าไม่งั้นเขาไม่มาหรอก
ถึงแม้ตามแผนวันจะคนลงมือจำนวนมาก นอกจาก คนที่ชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์สองคนนั้น เราก็ไม่พบ ร่องรอยเบาะแส
หลินซินเหยียนเม้มริมฝีปากมันไม่แปลกหรอที่เหวินชิง ปล่อยฉันไปง่ายเขาแข็งขนาดนั้น แถมเหวินเสียนเป็น เหมือนทั้งชีวิตของเขาอีก จะปล่อยฉันไปแบบ
เสิ่นเผยชวนเข้าใจที่เธอพูด เพียงแต่ว่าตอนยังมีหลักฐาน
“ถ้าทำจริง ยังไงเขาต้องพิรุธ เพราะงั้นเรารีบ หลินซินเหยียนเชื่อกรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง
อีกอย่างเธอกับจงจิ่งห้าวเด็กกว่าเหวินชิงตั้งเยอะ ฉะนั้นเธอกลัวหรอกว่าจะไม่มีเวลาหาหลักฐานการทำผิดของเขา
“กลับกันเถอะครับ ฝนเริ่มตกหนักขึ้นแล้ว
หลินซินเหยียนตอบลืมออกไป เธอหันหลับมามองที่หลุมศพ อีกครั้งหนึ่งจากนั้นถึงได้เดินออกไปพร้อมกับเสิ่นเผยชวน
เนื่องจากท้องฟ้ามันดูอึมครึม ยังไม่ทันค่ำฟ้าจึงเริ่มมืดแล้ว แถมยังดูครึ้มฟ้าครึ้มฝนราวกับว่าฝนกำลังจะตกลงมาห่าใหญ่ อีก
ทั้งซูจ้านกับเสิ่นเผยชวนตัดสินใจอยู่คฤหาสน์ต่อ ที่นี่มีห้องพัก มากมายทั้งซ้ายขวาที่สามารถเข้าพักได้ พวกเขาทั้งสองเป็นห่วง จงจิ่งห้าว แถมหลินซินเหยียนก็ยังท้องอยู่และมีเด็กอีกสองคน ด้วย
ฉะนั้นการอยู่ที่นี่ต่ออาจทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น และในขณะ เดียวกันก็จะได้คอยดูแลทุกคนไปด้วย
ในค่ำคืนนี้ความเงียบสงบได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง นี่เป็นช่วง ที่ฤดูใบไม้ผลิกำลังเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน ข้างนอกฝนเริ่มตกหนัก ขึ้น ลมพัดกระหน่ำเข้ามากระทบกับผ้าม่านสีขาวปลิวไสว
ในห้องหนังสือมีเพียงแค่ไฟสีเหลืองสลัวๆเปิดอยู่ เขานั่งนิ่งอยู่ ที่นี่มาทั้งวันราวกับว่าบนโลกนี้มีเพียงแค่ตัวเขาคนเดียว
ภาพเฉิงซิ่วที่มักจะทำหน้านิ่งๆ ผุดขึ้นมาในหัวไม่หยุด เขาไม่ ค่อยมีความทรงจําอะไรกับเธอมากนัก เพราะหลังจากที่เธอเข้า มาในตระกูลจง เขาก็เลี่ยงเธอตลอด พอโตขึ้นเขาก็ไปอยู่หอที่โรงเรียน ต่อมาพอเรียนจบก็ออกไปอยู่ข้างนอกแทบจะไม่กลับ มาที่บ้านเลย
ขนาดวันขึ้นปีใหม่เขาก็ยังไม่กลับ
หลายปีมานี้สามารถนับครั้งได้เลยว่าเขากลับมาบ้านกรอบ และถ้าไม่ใช่เพราะหลินซินเหยียนการอยู่ร่วมกันในระยะเวลาอัน สั้นนี้คงไม่เกิดขึ้นด้วยซ้ำ
ในมือของเขากำลังถือรูปถ่ายที่จงเฟิงให้ไว้ มันเป็นรูปเฉิง ซิ่วตอนยังสาว
ทันใดนั้นเองประตูห้องหนังสือก็ถูกเปิดออกเบาๆ เมื่อหลินซิน เหยียนเดินเข้ามาก็เห็นเขากำลังนั่งพินิจพิจารณาดูรูปอย่าง ละเอียดภายใต้แสงไฟ
เธอหยุดฝีเท้าลงครู่หนึ่งและยืนนิ่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะเพราะไม่รู้จะ พูดปลอบเขายังไงดี
บางทีตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปมันก็คงไม่มีประโยชน์ หรอก
เขาหลับตาลง แสงไฟส่องสะท้อนไปที่ใบหน้าของเขาเกิดเป็น เงาตัดสลับกัน หลินซินเหยียนจึงเห็นสีหน้าเขาไม่ชัด เธอได้ยิน แค่เสียงสะอื้นอันเจ็บปวดราวกับกระดาษที่ถูกลมพัดจนขาด อีก ฮึก มันเป็นเสียงที่เขาพยายามจะข่มไว้ ทว่าสุดท้ายเขาก็ไม่อาจ ข่มเสียงที่สั่นเครือไว้ได้ “ผมรู้จักตัวตนของหล่อนมาก่อน ผม โกรธที่หล่อนปิดบังผม ผมเกลียดที่หล่อนทำให้ผมแค้นฝังใจ หล่อนมานานขนาดนี้ ผมไม่อยากเผชิญหน้าและไม่อยากให้อภัย……..แต่ว่า ทําไมหล่อนไม่ให้เวลาผมอีกสักหน่อย ให้ผมได้ ให้อภัยหลอนก่อน ทำไมถึงมาจากกันไปแบบนี้…
หลินซินเหยียนเดินเข้ามากอดเขาไว้แน่น
พอรู้ว่าหล่อนจากไป จู่ๆ ในใจเขาก็รู้สึกเจ็บปวด มันเป็นความ รู้สึกที่เจ็บปวดมาก
ขอแค่เวลาอีกนิดเดียวเท่านั้น “หล่อนทำให้ผมเกลียดหล่อน มานานตั้งยี่สิบกว่าปี เพราะงั้นผมขอแค่อีกไม่กี่วันเอง…..
“ทำไมหล่อนถึงใจร้ายขนาดนี้ ใจร้ายจนทำให้ผมกลายเป็น
ลูกอกตัญญู”
“ทำไมไม่รอให้ผมยกโทษให้แล้วเรียกหล่อนสักครั้งว่าแม่ หล่อนจากไปแล้วทิ้งผมไว้ข้างหลังแบบนี้อีกแล้วได้ยังไง? ”
ในตอนแรกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกแค้นใจมาตลอด พอ
มาช่วงหลังก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความรู้สึกผิดและความเสียใจอีกหรอ?
ทำไมหล่อนถึงทําแบบนี้กับเขา
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ