บทที่ 187 ด้วยความยินดี
หลินซินเหยียนรู้สึกประหลาดใจจริงๆ เธอไม่ได้ตกใจเรื่องที่ เขาสั่งให้คนทำชุดนี้ขึ้นมา แต่ตกใจเรื่องที่เขาไปหาผ้าไหม กวางตุ้งมาได้ยังไงมากกว่า
หลินซินเหยียนเก็บชุดกลับเข้าไปในกล่องเช่นเดิม แล้วถาม ขึ้น”ฉันสงสัยจังว่าคุณไปเอาผ้าแบบนี้มาจากที่ไหน
“คุณชอบหรอ? “ไปยื่นหนิงจงใจถาม
อันที่จริงเขาตั้งใจนำผ้าชนิดนี้ออกมาให้หลินซินเหยียนเห็น เพราะไม่มีแฟชั่นดีไซเนอร์คนไหนไม่ชอบผ้าดีๆหรอก
ซึ่งเขาคิดว่าหลินซินเหยียนก็เหมือนกัน
หลินซินเหยียนรู้สึกสนใจมากก็จริง แต่เธอไม่ได้แสดงอาการ ออกมามากนัก เธอก้มหน้าลงแล้วนวดข้อเท้าต่อ
สายตาของไปยื่นหนังเลื่อนลงมาช้าๆ ผิวของเธอขาวนวล ละเอียด แม้แต่เท้าก็ด้วย ข้อเท้าของเธอเล็กเรียว ส้นเท้าก็เป็นสี แดงอ่อน โบราณกล่าวไว้ว่าหญิงใดที่มีเท้าสวยจะถูกเปรียบว่า เท้าขาวดั่งหยก จู่ๆไปยื่นหนึ่งก็นึกถึงประโยคนี้ขึ้นมาในหัว
หลินซินเหยียนรับรู้ได้เลยว่ามีสายคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่เท้า ของเธอ เธอจึงเอื้อมไปหยิบผ้าห่มมาคลุมไว้
ไปยื่นหนิงเบือนหน้าหนีเล็กน้อย พร้อมกับแสดงสีหน้ากลืนไม่ เข้าคายไม่ออกที่เมื่อกลืมตัว
“ผมรู้จักกับอาจารย์ที่ทำผ้าชนิดนี้…”
“จริงหรอ? “หลินซินเหยียนเบิกตาโต ไปยื่นหนึ่งยังไม่ทันพูด จบก็ถูกเธอพูดขัด แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ? ฉันก็อยากทำความรู้จัก กับเขาเหมือนกัน”
ไปยื่นหนึ่งคลี่ยิ้มออกมา เธอสนใจจริงๆด้วย
“ไปเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ เดี๋ยวพอจบงานเลี้ยง ผมจะแนะนำให้ คุณรู้จักกับอาจารย์ที่ทำผ้าคนนั้นเองไปยื่นหนึ่งใช้มือหมุนรถ เข็นออกไปพลางพูดกับคนที่ตัวเองพามาฝากดูแลเธอด้วย”
“วางใจได้เลยค่ะ”ช่างแต่งหน้าถือกล่องเครื่องสำอางเข้ามา หล่อนวิเคราะห์หลินซินเหยียนอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอดูดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นการที่จะทำผมให้เธอดูน่าทึ่งกว่า เดิมจึงไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้หล่อนได้ออกแบบทรงผมในหัวไว้ เป็นพันๆแบบแล้ว
หลินซินเหยียนไม่ค่อยชินกับการแต่งหน้าจัด เพราะปกติเธอ แทบจะไม่แต่งหน้าเลย นอกเสียจากว่าจะต้องไปออกงาน ความ จริงให้เสี่ยวหลิวช่วยแต่งตัวก็พอแล้ว”
ไม่จําเป็นต้องเชิญช่างแต่งหน้าทำผมมาหรอก
ไปยื่นหนังยิ้มขึ้น มันสำคัญสำหรับผมมาก ผมหวังว่าคู่ ออกงานของผมจะทําให้คนทั้งงานตกตะลึงไปเลย”
หลินซินเหยียนอยากจะพูดออกไปว่า ถ้าคุณอยากได้คนสวย ทำไมไม่ไปเชิญดารามาแทน ทว่าอย่างไรก็ตาม ถึงเธอจะไม่ สมัครใจแต่เธอรับปากไปแล้ว อีกอย่างเขาก็จะแนะนำให้เธอ รู้จักกับอาจารย์ที่ทำผ้าคนนั้นด้วย
เธอลุกออกจากเตียงแล้วไปนั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง เพื่อให้ ช่างแต่งหน้าจัดการ
“ฉันไม่ชอบแต่งหน้าจัด ถึงเธอจะตัดสินใจ ปล่อยตัวเองให้ ช่างจัดการแล้วแต่เธอก็ยังกลัวว่าช่างจะแต่งหน้าจัดมากจน เธอ’เหมือนผี
ช่างแต่งหน้าไม่โกรธที่หลินซินเหยียนเอ่ยเดือน เธอพูดขึ้น พร้อมรอยยิ้ม วางใจได้เลยค่ะ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะกับการ แต่งหน้าจัด และแน่นอนว่าการแต่งหน้าจัดไม่ได้แปลว่าดูไม่ดี ของแบบนี้มันต้องจัดการให้เหมาะกับแต่ละคนค่ะ”
ช่างแต่งหน้าคนนี้พูดอธิบายด้วยท่าทีสบายๆ มันทำให้หลิน นเหยียนโล่งใจขึ้นมากเลยทีเดียว
“ฉันออกแบบทรงผมมานักต่อนัก และทำให้ผู้คนประทับใจมา มาก แต่ว่าไม่เคยมีคนไหนเลยที่ฉันเจอแล้วจะคิดทรงผมออกมา ได้เป็นพันๆแบบแบบนี้ เธอมองไปที่หลินซินเหยียนคุณเป็นคน แรก”
หลินซินเหยียนไม่ได้รู้สึกดีใจเพราะคำชมของหล่อน แต่เธอ กลับรู้สึกเศร้าขึ้นมาแทน
เธออยากเจอลูกๆ
หลังจากที่คลอดพวกเขาออกมา เธอแทบไม่เคยห่างจากพวก เขานานขนาดนี้……..
“คุณดูไม่มีความสุขเลย เป็นเพราะเรื่องที่ขาของคุณไปใช้งาน ไม่ได้ คุณก็เลย…….
หลินซินเหยียนเงยหน้ามอง
“ถึงคุณไปจะนั่งรถเข็น แต่ทั้งความสามารถและหน้าตาของ เขาดีมากเลยนะคะ การที่ได้รับความชื่นชอบจากเขาถือว่าเป็น ความใฝ่ฝันของผู้หญิงหลายๆคนเลย…….
“ใช่ ใช่”เสี่ยวหลิวพูดแทรก ช่างแต่งหน้ายังไม่ทันพูดจบก็ถูก เธอพูดขัด คุณผู้ชายยอดเยี่ยมที่สุด มีผู้หญิงมากมายอยาก แต่งงานกับเขา”
หลินซินเหยียนเงยหน้าขึ้นมองหล่อน ช่างแต่งหน้าก็หันมา
มองเสี่ยวหลิวแถมเธอยังดูออกด้วยว่าหล่อนกำลังคิดอะไรในใจ
รู้ได้เลยว่าหล่อนต้องการจะสื่ออะไร
พอเสี่ยวหลิวรู้สึกว่าเมื่อกี้เธอพูดออกนอกหน้าเกินไปจึงรีบ อธิบายขึ้นครั้งก่อนลูกสาวของนายอำเภอก็มาติดพันกับคุณ ผู้ชาย แต่ก็คุณผู้ชายก็ปฏิเสธไป ทว่าตอนนี้คุณผู้ชายดีกับคุณ มาก แต่คุณกลับดูไม่ค่อยมีความสุข
หลินซินเหยียนไม่อยากอธิบายให้เสี่ยวหลิวฟังอีก หล่อนเป็น คนดีนะ แต่ว่ายึดมั่นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมากเกินไป เพราะงั้น อธิบายไปมันก็ไร้ประโยชน์
ยังไงหล่อนก็คิดว่าคุณผู้ชายของหล่อนดีที่สุดอยู่ดี
เตาว่าในใจของหล่องคงมีแต่ผู้หญิงที่ไม่คู่ควรกับคุณผู้ชาย คงไม่มีความคิดที่ว่าคุณผู้ชายของหล่อนไม่คู่ควรกับคนอื่นหรอก ช่างแต่งหน้าได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไรออกมา เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่รู้
จักเก็บซ่อนความคิดความรู้สึกของตัวเองเลย เพราะอย่างนี้ก็เลย มาเป็นคนรับใช้ของที่นี่สินะ นี่ถ้าไปทำงานที่อื่นล่ะก็คงจะโดนไล่ ออกเป็นว่าเล่นแน่ๆ
ช่างไม่รู้จักปรับตัวเอาซะเลย
ขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังหวีผมให้หลินซินเหยียน ช่างก็มอง ใบหน้าของเธอในกระจกอย่างละเอียด เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มอง แวบเดียวแล้วจะดูสวยสะพรึงขนาดนั้น แต่เป็นคนที่ยิ่งมองยิ่ง สวยมากกว่า ทั้งหน้าตาจมูกปากล้วนมีเสน่ห์ไปหมด
ผมของหลินซินเหยียนเป็นสีดำสนิท ช่างแต่งหน้าจึงเลือกใช้ เครื่องม้วนผมดัดเป็นลอนปล่อยสบายๆ จากนั้นก็ใช้เทคนิค พิเศษม้วนปอยผมทั้งสองฝั่งมาผูกกันไว้ที่ด้านหลัง ไรผมบางๆ ร่วงลงมาที่หางตา และเนื่องจากหลินซินเหยียนเป็นคนผิวขาว ช่างแต่งหน้าจึงแทบไม่ต้องลงแป้งเลย แต่สำหรับลุคโดยรวม แล้ว ยังไงก็ต้องเติมแป้งบางๆ
ตอนที่ไม่ได้แต่งหน้าเธอจะดูไร้เดียงสา เพราะงั้นจึงไม่ค่อย เหมาะกับชุดราตรีสีดำตัวนั้นเท่าไหร่
สําหรับการแต่งตา ช่างแต่งหน้าเลือกใช้เป็นกลิตเตอร์สี น้ำตาลกับสีแดง เพื่อที่มันจะช่วยขับตาสองชั้น ให้มีมิติมากขึ้นจากนั้นก็กรีดอายไลเนอร์ลงที่หางตานิดหน่อย เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้ กับดวงตา
ส่วนริมฝีปาก ช่างแต่งหน้าเลือกใช้เป็นลิปสีอมชมพู มันไม่ ออกแดงจัดและไม่ดูสีอ่อนเกินไป ซึ่งเหมาะกับเมคอัพบนหน้า เธอมาก
“รูปปากคุณสวยมากเลยค่ะ”ขณะที่ช่างแต่งหน้ากำลังทาลิป ให้เธอก็เอ่ยปากชมออกมาอย่างอดไม่ได้
ขั้นตอนสุดท้ายเหลือแค่เปลี่ยนชุดและใส่รองเท้า รองเท้าส้นสูงสีเงิน ด้านบนมีเพชรประดับอยู่นับไม่ถ้วนจึง ทําให้รองเท้าส่องประกายแวววาวออกมา
เสี่ยวหลิวถอนหายใจออกมาด้วยความอิจฉา “เหมือนรองเท้า แก้วเลยค่ะ ส่วนคุณผู้ชายก็คงเป็นเจ้าชายคนนั้น
เดิมช่างแต่งหน้าอยากจะพูดว่า เธอเคยเจอเจ้าชายคนไหนนั่ง รถเข็นหรอ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดออกไป เพราะถ้าเกิดพูดถึงไปยื่น หนิง ในทางไม่ดีล่ะก็ เกรงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้คงจะโกรธแน่
หลินซินเหยียนเหลือบมองเสี่ยวหลิวแล้วถอนหายใจออกมา ถ้าหากหล่อนอยากจะได้เขา หล่อนต้องเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเองก่อน เพราะถ้าหล่อนมัวแต่ถ่อมตัว แถมยังไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองแบบนี้ อีก ไปยื่นหนึ่งคงไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตาหรอก เธอคิดไป พลางหยิบชุดเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
ชุดราตรีชุดนี้ค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติมอะไรมาก ส่วนบนเป็นดีไซน์แบบเสื้อคาร์ดิแกน เหนือเอวเป็น สายเข็มขัดสองเส้น เส้นแรกไปพาดเอวอ้อมมาจากทางขวา จาก นั้นก็ดึงมาผูกกับเส้นทางซ้าย มันผูกกันเป็นเส้นยาวลงมาจนถึง เข่า ส่วนกระโปรงนั้นยาวจนถึงข้อเท้าเลย
เนื่องจากเข็มขัดถูกผูกกันไว้ มันจึงทำให้ชุดกลายเป็นเสื้อคอ ลึก เผยให้เห็นเนินอกอันอวบอันชวนให้คิดไปไกล
บวกกับเมคอัพที่ช่างแต่งหน้าแต่งให้มันไม่ได้กลบใบหน้าที่ดู ไร้เดียงสาของเธอ มันช่วยเพิ่มเสน่ห์ของเธอต่างหาก รวมๆแล้ว เธอจะต้องดูสง่าผ่าเผยและหรูหรามากจนคนต้องแห่กันมาขอ ถ่ายรูปแน่ ชุดราตรีสีดำขับให้เธอดูมีอำนาจบารมี เมื่อขยับตัวก็ ดูมีเสน่ห์น่าลุ่มหลง ใครพบ ใครเห็นจะต้องหลงเสน่ห์จนเก็บเอา ไปคิดไปฝันเป็นแน่
เพราะแม้แต่ช่างแต่งหน้าทำผมและเสี่ยวหลิวยังมองตาค้าง
เลย
หลินซินเหยียนก็ออกงานสังคมค่อนข้างบ่อยๆ เธอจึงค่อนข้าง คุ้นเคยและวางตัวได้ดี
เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำแล้วคลี่ยิ้มออกมาบนหน้าฉันมีด อกไม้หรอ ทำไมพวกเธอถึงมองฉันแบบนี้?
“นี่รองเท้าค่ะ” ทันทีที่เสี่ยวหลิวรู้สึกตัว หล่อนก็หยิบรองเท้า มาวางไว้ที่ข้างๆเท้าของเธอ
หลินซินเหยียนยกเท้าขึ้นแล้วใส่เข้าไป มันพอดีเท้าเป๊ะ แถม ความสูงก็ยังเหมาะกับเธอมาก เธอไม่รู้สึกว่ามันไม่สบายเท้าเลย
“ไปเถอะค่ะ คุณผู้ชายรออยู่ด้านนอก เสี่ยวหลิวนแขนออก มาเพื่อให้เธอเกาะ
เท้าหลินซินเหยียนยังไม่หายดี และเธอก็ไม่ได้ถือตัวด้วย เธอ จึงยื่นมือออกไปเกาะเสี่ยวหลิวไว้
ไปยื่นหนึ่งที่อยู่ในห้องนั่งเล่นกำลังคุยโทรศัพท์ ทว่าพอได้ยิน เสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้นจึงหันมาดู จากนั้นก็เจอเข้ากับหลินซิน เหยียนที่แต่งตัวเสร็จแล้ว
เขาจับโทรศัพท์แน่นขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับข่มความรู้สึกตะลึง
ไว้ เขาพูดกับปลายสายออกไปอีกเดี๋ยวผมก็ถึงแล้ว
พูดจบก็กดวางสาย แล้วพูดกับหลินซินเหยียน”ไปกันเถอะ”
หลินซินเหยียนและมือจากเสี่ยวหลิวแล้วเดินตรงเข้าไปหาเขา พร้อมกับจับบจับรถเข็นไว้”ฉันช่วยเข็นไปนะ
“ด้วยความยินดีครับ”ไปยื่นหนังหันไปมองเธอ อันที่จริงเขา อยากจะบอกว่าคุณสวยมาก แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
พอมาถึงข้างนอก คนขับรถก็เป็นคนเข็นไปยืนหนึ่งขึ้นรถ รถ ของไปยื่นหนึ่งได้รับการดัดแปลงเป็นแบบพิเศษ มันมีการติดตั้ง ที่ขึ้นแบบเลื่อนอัตโนมัติบนพื้นกับตรงประตู เพียงแค่ดันขึ้นตาม แผ่นที่พาดเอาไว้มันก็จะขึ้นไปได้เอง ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียว
เมื่อคนขับรถดันรถเข็นเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็หันมา ประคองหลินซินเหยียนขึ้นรถ
“งานเลี้ยงที่ต้องออกงานเป็นคู่คุณเป็นแบบไหน แล้วเรากำลังจะไปที่ไหนกัน? “หลินซินเหยียนที่นั่งอยู่ด้านหลังถามขึ้น
เธอต้องรู้ก่อนจะได้ไม่ทำอะไรพลาด
“งานเลี้ยงประจําปีของไปชื่อกรุ๊ป จัดที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน เครือไป อกรุ๊ป”เขาหันไปมองหลินซินเหยียนขณะพูด ผู้จัดการ บอกผมว่ามีคนจากเมืองBกลุ่มหนึ่งมาพักที่โรงแรม ไม่รู้ว่าคุณจะ รู้จักไหม”
หลินซินเหยียนกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว ทว่าสีหน้ายังคงสงบ นิ่ง”ถึงฉันจะเกิดที่เมืองBแต่ก็ไม่ได้โตที่เมือง เพราะงั้นฉันเลย ไม่ค่อยรู้จักใครเท่าไหร่ อีกอย่างมั่นคงบังเอิญขนาดนั้นหรอก
แม้เธอจะพูดอย่างนี้ แต่ในใจเธอกลับคาดหวังอะไรบางอย่าง
จะเป็นจงจึงห้าวที่มาตามหาเธอไหมนะ?
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ