บทที่ 138 ฉุดรั้งผู้หญิงคนนี้ไว้
เมื่อเธอหันไปเห็นจงจึงห้าวยืนอยู่ด้านหลัง เนื่องจากย้อนแสง เธอจึงเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจนนัก เห็นเพียงอวัยวะบนใบหน้า ที่เลือนราง
พนักงานรับบัตรจากมือของจงจึงห้าว รวมทั้งหมดหนึ่งหมื่น สองพันแปดสิบค่ะ”
“โอ้ย โอ้ย ที่แท้รถก็ให้พี่สะใภ้ยืมขับมานี่เอง”ซูจ้านที่อยู่ ข้างๆพูดแซว หลินซินเหยียนก้มหน้าพลางเก็บบัตรลงกระเป๋า และถามขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “คุณจะกลับหรือยังคะ? ”
จงจิ่งห้าวยังไม่ทันได้ตอบซูจ้านก็รีบพูดแทรกขึ้นว่า “ตอนนี้เพิ่ง จะกี่โมงเอง? จะรีบกลับบ้านไปทำไม? อีกอย่าง “เขาชี้ไปที่จง จิ่งห้าวกับหลินซินเหยียน พวกคุณติดค้างเหล้ามงคลผมอยู่แก้ว หนึ่งนะครับ ทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว วันนี้ก็ชดเชยให้ผมล่ะกัน
จงจึงห้าวไม่ได้ปฏิเสธ สายตาของเขาคลุมเครือ ทำให้ไม่มี
ใครสามารถหายใจเขาได้
หลินซินเหยียนแค่รู้สึกอึดอัดใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสรรพนาม เรียกแทนชื่อที่ซูจ้านเรียกเธอ ทำไมฟังแล้วถึงได้รู้สึก กระอักกระอ่วนใจแบบนี้
“ฉันคงไม่ไปหรอกค่ะ พวกคุณไปกันเถอะ”หลินซินเหยียนหัน หลังกำลังจะจากไป แต่จงจึงห้าวก็คว้ามือเธอไว้ “รอผมด้วย
หลินซินเหยียนอยากที่จะสลัดมือของเขาออก แต่น่าเสียดายที่
เขาจับมือเธอไว้แน่น ทำให้เธอสลัดไม่ออก
ในเวลานี้เองพนักงานก็ได้ยื่นบัตรและใบเสร็จให้กับเขา ค่า ใช้จ่ายของคุณผู้ชายทั้งหมดคือ12080
จงจิ่งห้าวเก็บใส่กระเป๋าสตางค์และพูดขึ้นอย่างราบเรียบ
ว่า”ไปกันเถอะ”
ซูจ้านไม่ยอมปล่อยพวกเขาทั้งสองไป รีบเข้าขวางด้านหน้า ของพวกเขา “หากวันนี้พวกคุณไม่เชิญผมดื่มสักแก้ว ผมจะไม่ ยอมปล่อยพวกคุณไปแน่
ซูจ้านแหงนหน้าขึ้น ทำที่ท่าราวกับว่าถนนสายนี้เขาเป็นคน สร้าง ต้นไม้ต้นนี้เขาเป็นคนปลูก ผืนดินผืนนี้เขาเป็นเจ้าของยังไง ยังงั้น
ฉันยาที่ยืนอยู่ข้างหลังค่อยๆเดินถอยไป อยากที่จะออกไปจาก ที่นี่ซูจ้านเห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังของเธอกำลังจะแอบเดินหนี ไปผ่านกระจก
ซูจ้านเห็นว่าเมื่อสักครู่นี้หล่อนกับหลินซินเหยียนเดินออกมา ด้วยกัน ซึ่งก็หมายความว่าพวกเธอทั้งสองรู้จักกัน จึงรีบหันไป คว้าหล่อนไว้ “อย่าเพิ่งไปสิครับ
ฉินยาตกใจ มองเขาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกลัวครับ คุณเป็นเพื่อนกับพี่สะใภ้ผมเหรอครับ? “ซู จ้านยิ้มระรื่นจนฟันสีขาวกระทบกับแสงไฟระยิบระยับเป็นอย่างมาก
ฉินยาเหลือบมองหลินซินเหยียนครู่หนึ่งพลางพยักหน้าฉัน เป็นผู้ช่วยของพี่หลินค่ะ”
“อ่อ แล้วพวกคุณทํางานอะไรเหรอครับ?
“นักออกแบบเสื้อผ้าค่ะ”
“บังเอิญจริงๆเลย ผมอยากจะตัดเสื้อผ้าสักชุดอยู่พอดีเลย
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ วันมะรืนเราเปิดร้านวันแรก เชิญคุณด้วย นะคะ”ฉินยาตอบคําถามอย่างคล่องแคล่วและชาญฉลาด
อะไรนะ?
ซูจ้านขยิบตา “พวกคุณเปิดร้านกันแล้วเหรอครับ วันมะรืนนี้ เปิดร้านวันแรก?
ฉินยาพยักหน้า
แขนข้างหนึ่งของซูจ้านกอดคอของเส้นเผยชวนที่อยู่ข้างๆแน่น “พี่สะใภ้เปิดร้านใหม่ ยังไงพวกเราก็ต้องไปร่วมงาน พรุ่งนี้คุณก็ ต้องหาเวลาไปร่วมงานให้ได้นะ”
“อืม”เสิ่นเผยชวนรับปาก
เขารู้สึกว่าแม้ว่าจงจึงห้าวกับหลินซินเหยียนจะหย่าร้างกันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็มีลูกด้วยกัน การแต่งงานกันอีกครั้งเป็นเรื่องที่จะ เกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเห็นท่าทีของจงจึงห้าวที่ดูจะใส่ใจเธอเป็น พิเศษ
งานนี้ถึงจะไม่มีเวลายังไงก็ต้องหาเวลาไปให้จนได้
ซูจ้านยิ้ม ริมฝีปากแดงเผยฟันสีขาวสะอาดออกมา “พี่สะใภ้ หากวันนี้พี่ไม่ยอมชดเชยเหล้ามงคลให้กับพวกเรา ผมจะไม่ยอม ปล่อยพี่ไปแน่ๆ”
เขาเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้านๆ
หลินซินเหยียนขมวดคิ้ว
เธอมองไปยังจงจึงห้าว หวังว่าเขาจะช่วยจัดการเพื่อนคนนี้
ของเขาได้
อย่าทําให้เธอต้องลำบากใจเลย
เหล้ามงคลอะไรกัน?
มีเหล้ามงคลที่ไหนกัน?
จงจิ่งห้าวแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น พลางกุมมือของเธอไว้
เขาไม่ปฏิเสธคําพูดเรื่องเหล้ามงคลของซูจ้าน
ตอนแรกที่แต่งงานกับหลินซินเหยียน ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาก็ยังไม่ได้แนะนำ
ทำให้รู้สึกชื่นชอบคำว่าพี่สะใภ้อย่างบอกไม่ถูก
เมื่อก่อนไม่อยากแนะนำเธอให้พวกเขาทั้งสองคนรู้จักก็เพราะ เขาไม่ได้สนใจในตัวของหลินซินเหยียน
การแต่งงานในครั้งนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
แต่ว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาต้องการที่จะรักษาการ แต่งงานในครั้งนี้ไว้ และฉุดรั้งผู้หญิงคนนี้ไว้
แต่ยินดีที่จะเปิดเผยสถานะของเธอ
ซูจ้านและเสิ่นเผยซวนต่างก็เป็นเพื่อนสนิทของเขา
ให้พวกเรารู้ไว้ก็ดีเหมือนกัน
“เอาแบบนี้ก็แล้วกันครับ ถ้าพี่สะใภ้ยุ่งกลับไปก่อนก็ได้ครับ ส่วนผมกับชวนชวนขอดื่มสักแก้วสองแก้วกับคุณผู้หญิงคนนี้ ก่อน”ซูจ้านคว้าแขนของฉันยา และดึงเธอเดินไป
“พี่หลิน”ฉินยาร้องเรียกหลินซินเหยียนอย่างตื่นตระหนก ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
“รอก่อนค่ะ”หลินซินเหยียนถูกบีบบังคับจนไม่มีทางเลือกอื่น
จึงทําได้เพียงยอมรับปาก
“คุณปล่อยเธอก่อน
ซูจ้านนั้นตั้งใจ คนที่จงจึงห้าวมีใจให้นิสัยคงไม่แย่ เธอคงไม่ ยอมให้ผู้ช่วยของตนเองถูกลากไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่ช่วยเห ลือใดๆ
ความเป็นจริงแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาตัดสินใจถูก
ต้อง
เขาปล่อยมือของฉันยา
ฉินยารีบถอยออกไปสองก้าว แล้วเว้นระยะห่างจากเขา
ราวกับซูจ้านเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
“ไปก่อนเถอะ เดี๋ยวสถานที่ผมจองเอง วันนี้ผมเลี้ยงเอง”ซูจ้าน อารมณ์ดีไม่น้อยเสิ่นเผยชวนหักหน้าของเขา “โธ่ ขี้เหนียว เหมือนพ่อไก่ที่ขนเป็นเหล็กทั้งตัว ขนสักเส้นก็ไม่ถอน
ขอเพียงมีจงจิ่งห้าว เขาไม่เคยไม่จ่ายเงินเลยสักครั้ง
ซูจ้านจ้องมองเขาอย่าหักหน้าผมต่อหน้าสาวสวย ผมก็เป็น คนใจกว้างนะ”
เงินเผยชวนยิ้ม จากนั้นก็เดินขึ้นรถของตนเอง
“คุณไปรถของผมเถอะ”ซูจ้านมองไปที่ฉินยาพลาง โบกมือ เรียก
ฉินยารีบ โบกปัด ไม่ต้อง ไม่ต้อง พวกคุณไปเถอะ ฉันไม่ไป
หรอกค่ะ”
“ผมไม่ได้กินคนสักหน่อย คุณจะกลัวอะไร? “ซูจ้านยิ้ม
ฉันยายังคงปฏิเสธ”ฉันยังมีธุระที่ต้องทำค่ะ
เธอหาข้ออ้างอย่างลวกๆ
เมื่อพูดจบก็หันหลังแล้วเดินจากไป เธอพูดกับหลินซินเหยียน ประโยคหนึ่งว่า “พี่หลิน ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หลินซินเหยียนรับคำพลางกำชับว่า “คุณระวังตัวด้วยล่ะ
ฉินยาพยักหน้า เมื่อเดินมาข้างๆทาง เธอถึงได้สังเกตว่าที่นี่ ค่อนข้างห่างไกล และไม่มีรถแท็กซี่ขับผ่านที่นี่ คนที่มากินข้าวที่นี่ต่างขับรถส่วนตัวมาด้วยตนเอง จากนั้นก็ขับกลับไป
เธอได้ให้รถกับไอรอนยืมใช้ไปแล้ว แล้วตอนนี้เธอจะทำยังไง
ละ 2
“ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่มีรถแท็กซี่ให้คุณนั่งกลับ”ซูจ้านจอดรถ ข้างๆเธอ
จินยาอยากไปหาหลินซินเหยียน แต่ในเวลานี้หลินซินเหยียน ได้นั่งรถของจงจิ่งห้าวไปแล้ว
“คุณคงไม่อยากจะไปรบกวนสองสามีภรรยานั้นหรอกใช่ ไหม? ”
“เปล่านะคะ
“ถ้างั้นก็ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณเอง
ฉันยายืนอยู่อย่างลังเล “อ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ
“คุณแน่ใจนะครับ?
“ฉันแน่ใจค่ะ”
ฉินยาพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
เธอไม่ได้ตาบอด เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นคนประเภท เดียวกัน ไม่ใช่คนธรรมดาแน่ คนพวกนี้เธอไม่กล้าที่จะล่วงเกิน หรอก
เสิ่นเผยชวนดูซื่อๆน่าไว้ใจ ส่วนซูจ้านนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนชายเจ้าชู้
พูดจาทั้งแถไถไหลลื่น เธอไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคน ประเภทนี้ ซูจ้านถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ความกระตือรือร้นเริ่มดับ
มอด
เขาเลื่อนกระจกรถขึ้น พลางเหลือบมองฉินยาครู่หนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆ ช่างระแวดระวังจริงๆ เขาไม่ใช่คนร้ายสักหน่อย ทําไมถึงได้ระวังตัวอย่างกับเขาเป็นขโมย
หลังจากที่รถของพวกเขาออกไปไกลแล้วฉินยาก็ไม่มีหนทาง อื่น จึงทำได้เพียงโทรศัพท์หาไอรอน ให้ไอรอนมารับเธอ สถานที่นี้ยังคงเป็นสถานที่ที่บ้านเป็นคนเลือก เป็นบาร์หรู
แห่งหนึ่ง
ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ครึกครื้น บรรยายแสงสีสถาน บันเทิงยามค่ำคืน เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าชีวิตยามค่ำคืนกำลัง จะเริ่มขึ้น
ห้องโถงชั้นสองกว้างขวาง มุมดี เมื่อยืนอยู่บริเวณชั้นสอง สามารถมองเห็นบาร์ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณลาน เต้นของชั้นหนึ่ง ทั้งผู้ชาย ผู้หญิง แสงไฟ เสียงเพลงจังหวะปลุก
เร้า
ซูจ้านยืนอยู่บริเวณราวชั้นสอง ในมือถือแก้วเหล้าอยู่ แกว่งขาไปมา ทําทีเอ้อระเหยลอยชายเป็นพ่อพวงมาลัย
เสิ่นเผยชวนคุ้นชินกับท่าทีนี้ของเขาตั้งนานแล้ว เห็นสิ่งแปลก ประหลาดจนซิน เลยเห็นว่าไม่ประหลาดแล้ว
“เก็บอาการหน่อย”เขาเตือนซูจ้าน วันนี้หลินซินเหยียนอยู่ที่นี่ด้วยนะ
ซูจ้านจึงได้เริ่มรู้สึกว่าตนเองโจ่งแจ้งเกินไป จึงรีบนั่งลง และ เก็บที่ท่าเอ้อระเหยลอยชาเป็นพ่อพวงมาลัย “สวัสดีพี่สะใภ้ คราวที่แล้วผมได้แนะนำตัวไปแล้ว หวังว่าคงได้รู้จักผมแล้วใช่ ไหมครับ? ”
หลินซินเหยียน ใช้มือปัดเส้นผมที่บดบังบริเวณใบหู เพื่อ ปกปิดความอึดอัดที่เขาเรียกตนว่าพี่สะใภ้ “รู้จัก”
“คนนี้คือเสิ่นเผยชวน”ยิ้ม ไหล่พิงไหล่ของเสิ่นเผยชวน มี
ความสัมพันธ์กับจิ่งห้าวเช่นเดียวกับผม
เงินเผยชวน ใช้ข้อศอกกระแทกซี่โครงของเขา “ผมไม่มีปากเห
รอ? คุณถึงต้องมาพูดแทนผม?
“ผมก็แค่กลัวว่าคุณจะพูดไม่รู้เรื่อง? ตอนคุณเรียน มหาวิทยาลัยแค่คุยกับผู้หญิงคุณก็หน้าแดงแล้ว…เจ็บ…
“เจ็บเหรอ ผมว่าไม่น่านะ”เสิ่นเผยชวนบีบเนื้อของเขาอย่าง แรง เขาผ่านการฝึกฝนมาอย่างตั้งใจ จะทนแรงมือของเขาได้ยังไง
เจ็บจนดวงตากับจมูกย่นเข้าหากัน
หลินซินเหยียนดูออกว่า แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันขนาดนี้ แต่ความสัมพันธ์ดีไม่น้อย
เธอบเยิบเข้าใกล้จงจึงห้าวพลางพูดขึ้นเบาๆว่า “ฉันขอตัวเข้า ห้องน้ำสักครู่นะคะ”
จงจิ่งห้าวปล่อยมือของเธอ และรับคำอย่างราบเรียบ
หลินซินเหยียนลุกขึ้นแล้วจากไป และเดินมาตามทางกระทั่ง หาห้องน้ำเจอ
สิ่งที่บังเอิญก็คือ ขณะที่เธอเข้าไป ก็มีคนออกมา และจนกันที่ หน้าประตูพอดี
Please enter a description
Please enter a price
Please enter an Invoice ID
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ