ตอนที่150 อย่าตีฉัน
ตอนที่ 150 อย่าตีฉัน
“รั่วชู ผู้จัดการไม่ใช่คนเลว”
หลังจากนั่งรถแล้ว
ลังอานหยีก็กล่าวออกมา
ก่อนหน้านี้หลายหนหรุเสี่ยวหลินนั้นต้องการโจมตีรั่วชู หากว่าผู้จัดการและหรุเสี่ยวหลินเป็นคนเขลาเหมือนกัน ป่านนี้ รั่ว คงได้ออกจากสือรุ่ยไปแล้ว
“หลีน่าไม่ใช่คนเลว” ถังรั่วชูเองก็ได้หลีน่าช่วยไว้หลายครั้ง เธอเองก็รู้สึกขอบคุณเธอ
ถ้าคุณมีโอกาสได้คุยกับเสิ่นโม่เฟย บางทีหลีน่าอาจได้เลื่อน ขั้นเลยก็ได้
“เธอจะพาฉันไปไหน? ” ส่งอานหยีมองไปนอกหน้าต่างและ
ถาม
“โรงพยาบาล”
“โรงพยาบาล?” สังอานหยีอุทานและเข้าใจทันที “ไปเยี่ยม หยางเขียนเขียน? ”
“ใช่ เซียวเซียวก็ออกมาแล้ว เราจะไปเจอกันตรงหน้าโรง
พยาบาล”
เมื่อรู้ว่าพวกเขากำลังจะยืนหยัดเพื่อตัวเธอเอง จมูกของเธอก็ รู้สึกแสบขึ้นในทันทีดวงตาของเธอก็มีน้ำเอ่อล้น
“ขอบคุณพวกเธอ” เธอสะอื้นกล่าว
เมื่อเห็นดวงตาสีแดงของเธอ ถังรั่วชูเองก็อดไม่ได้ที่อยากจะ ร้องไห้แต่เธอก็กลั้นมันเอาไว้
“พวกเราคือเพื่อนที่ดีที่สุด เธอได้รับความเดือดร้อน แล้วฉัน กับเซียวเซียวจะอยู่เฉยๆได้อย่างไร?”
ถังรั่วชูเช็ดน้ำตาออกจากแก้มของเธออย่างเบามือ “เดี่ยว อยู่ ต่อหน้าคนเลวเหล่านั้นแล้วเราจะร้องไห้ไม่ได้ เราแข็งแกร่ง กว่าพวกเขา เธอเข้าใจใช่ไหม? ไม่ต้องกลัว เซียวเซียวและฉัน อยู่เคียงข้างเธอ”
“โอเค” ส่งอานหยีพยักหน้าแต่น้ำตากลับไหลหนักยิ่งกว่าเดิม
ความโชคดีที่สุดในชีวิตของเธอก็คือการได้พบกับเพื่อนที่ดี ที่สุดทั้งสองคนก็คือถังรั่วชูและเซียวเซียว
“เด็กโง่ บอกว่าไม่ให้ร้องแต่กลับร้องหนักกว่าเดิมเนี่ยนะ”
ถังรั่วชูยิ้มและด่าทอเธอ ดวงตาของเธอนั้นก็อดน้ำตาคลอไม่
ได้
เมื่อพวกเธอมาถึงโรงพยาบาล เซียวเซียวมาถึงเร็วกว่าพวก เธอเล็กน้อย เมื่อเห็นพวกเธอก็รีบตรงเข้ามาทักทาย
“พวกเธอร้องเหรอ?” เมื่อเดินเข้ามาก็เห็นทั้งสองคนตาแดงก่ำ
“ฉันไม่ได้ร้อง ก็แค่ทรายเข้ามา” ถังรั่วชูปฏิเสธ
“ฉันก็แค่ซาบซึ้งเท่านั้น” ส่งอานหยีพูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเซียวก็ลูบหัวสังอานหยี “เดี๋ยวคุณก็ ประทับใจมาก” จากนั้นเธอก็มองไปยังถังรั่วชู “ฉันถามมาแล้ว หล่อนอยู่ตึกใหญ่ ชั้นเจ็ด ห้องวีไอพี”
“ผู้หญิงคนนั้นใส่ความอานหยีจริงๆ”
ถังรั่วซูยิ้มเยาะที่มุมปากของเธอ “งั้นพวกเราก็ไปจัดการกัน
เถอะ”
เธอและเซียวเซียวมองหน้ากันและยิ้ม มีนัยยะของความเย็น ชาในรอยยิ้มของกันและกัน
กล้ารังแกล้งอานหยีของพวกเรา รอรับผลที่ตามมาได้เลย
“พี่สะใภ้ พวกคุณมาแล้ว”
เมื่อเห็นลู่ซึ่งเหยา ถังรั่วซูรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?” เธอถาม
“ฉันเรียกเขามา
เซียวเซียวที่อยู่ข้างเธอก็ให้คำตอบ
ถังรั่วชูมองไปที่เธออย่างไม่เข้าใจและฟังคำอธิบายของเธอ “ฉันคิดว่าเราสามคนนั้นยังแกร่งไม่พอเลย ยังไงก็ต้องมีผู้ชาย มาสนับสนุน”
“นี่ไม่ใช่เธอเลย เซียวเซียว
เซียวเซียวบุคคลที่ไม่เคยเกรงกลัวอะไร เมื่อไหร่ที่เธอนั้น เกรงกลัวสถานการณ์นี้?
และ…
“ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขาหรือไง? ทำไมถึงให้เขามาช่วย?”
อันที่จริงนี่คือสิ่งที่รั่วชูแปลกใจที่สุด
ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าพอทั้งสองพอหน้ากันก็ทะเลาะกันในทันที เหรอ? ไม่ชอบกัน? ทำไมจู่ๆความสัมพันธ์ถึงได้ดีขนาดนี้?
“เพราะ……”
เซียวเซียวกัดริมฝีปากของเธอและไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
เมื่อเห็นความลำบากใจของเธอ อู๋ซึ่งเหยาจึงเลิกคิ้วขึ้นแล้ว อธิบายให้เธอฟังแทน “พี่สะใภ้ ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ด้วย อาหารหนึ่งมื้อ หากไม่ได้อีกก็สองมื้อ สามมื้อ สี่มื้อ จนกว่าจะ เข้าใจกัน”
“งั้นเหรอ?” ดวงตาของรั่ว สลับไปมาระหว่างทั้งสอง เธอ สงสัยว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาและมีเรื่องที่เธอไม่รู้
เซียวเซียวที่รู้สึกผิดจากการจ้องมองของเธอแสร้งทำเป็น หมดความอดทนแล้วกล่าวว่า “พอแล้ว วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อล้าง แค้นแทนอานหยี เรื่องอื่นค่อยมาว่ากัน”
“ก็จริง” ถังรั่วชูเองก็พยักหน้า
อย่างไรก็ตามถ้ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเซียวเซียวและซึ่ง เหยามันจะเป็นสิ่งที่สวยงาม
และเมื่อพวกเขากำลังจะขึ้นลิฟต์ จู่ๆลู่ซึ่งเหยาก็โพล่งคำพูด ขึ้นมา “เดี่ยว ยังมีอีกคนที่ยังไม่มา
“ใคร?” ถังรั้วชูหันกลับมาและมองเขาอย่างสงสัย
สู้ซึ่งเหยายิ้มอย่างลึกลับ “เขามาแล้ว”
เขาพูดพลางชี้ไปยังประตูใหญ่ หญิงสาวทั้งสามก็มองไปยัง ต้นตอที่เขาชี้
ก็เห็นร่างสูงโปร่งที่กำลังวิ่งมาทางนี้อย่างเร่งรีบ
“เสินโปเฟย!
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ ถังรั่วชูก็อดไม่ได้ที่จะอุทานเมื่อเห็น ใบหน้าหล่อเหลาที่คุ้นเคย
“ซูซู รู้จักเขาเหรอ?” เซียวเซียวที่อยู่ด้านข้างถาม
“เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของซือจิ่น”
สำหรับการปรากฏกายของเสิ่นโม่เฟย ถังรั่วชูคิดว่าต้องเป็น ความช่วยเหลือจากซึ่งเหยา
ฉันล่ะยอมพวกเขาจริงๆ ตอนแรกคิดไว้ว่าพวกเธอสามคนก็ สามารถจัดการเองได้ ตอนนี้นั้นชายร่างสูงได้เข้ามาด้วยมันเหมือนกับพวกเขามารังแกคนอื่นแล้วแน่นอน
“ขอโทษด้วย ฉันมาสาย” เสิ่นโม่เฟยหอบเล็กน้อยและยิ้ม เงื่อนๆให้พวกเธอ
“ไม่เป็นไร มาพอๆกัน” ผู้ซึ่งเหยาตบไหล่เขา และหันไปพูดกับ หญิงสาว “ทุกคนมาครบแล้ว เราไปข้างบนกัน”
จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างแน่วแน่และมุ่ง หน้าไปยังห้องพักบนชั้นเจ็ด
ภายในห้องมีเพียงหยางเขียนเขียนคนเดียวเท่านั้น
เมื่อพวกเขามาถึง ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้น ทั่วใบหน้าของ หยางเชียนเชียนแต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว และรีบถาม “พวกคุณมาทําอะไรกัน?”
“มาเยี่ยมคุณไง” ถังรั่วชูตอบด้วยรอยยิ้มจากนั้นหันไปหา เซียวเซียวและพูดว่า “เซียวเซียวเอาผลไม้แล้วก็ดอกไม้มาสิ”
“อะไรนะ? ผลไม้กับดอกไม้?” เซียวเซียวดูสับสนจากนั้นเธอ กล่าวด้วยความเสียใจ “โอ้ ฉันขอโทษ ฉันลืมซื้อมา”
“เธอลืมได้ไงกัน? พวกเรามาเยี่ยมคนป่วย ลืมนำสิ่งของมา ด้วยได้อย่างไร?”
ถังรั่ว มองไปที่เขียวเชียวและบ่น
จากนั้นก็กล่าวอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ไม่ใช่ว่าคุณหยางนั้นบาด เจ็บเพียงแค่หน้าผากแตกหรอกเหรอ แล้วก็ไม่มีอาการร้าย แรงอะไร”
ความหมายคือไม่จําเป็นต้องซื้อผลไม้และดอกไม้ใด
“งั้นเหรอ?” ถังรั่วชูมองไปยังหยางเซียนเชียนด้วยสีหน้าไม่ อยากจะเชื่อ “คุณหยาง คุณเพียงแค่มีรอยบาดเจ็บเล็กน้อยงั้น หรือ? แล้วทำไมต้องพักที่โรงพยาบาลด้วยล่ะ?”
เมื่อเห็นพวกเธอสองคนกําลังต่อปากต่อคํากัน สู้ซึ่งเหยาและ เสิ่นโม่เฟยก็กลั้นเสียงหัวเราะไม่ได้ นี่เป็นการทําลายช่องทาง แก้ตัวใช่หรือไม่?
“ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกคุณ ออกไป!” หยางเขียนเชียนมีสีหน้าไม่ พอใจ สําหรับเธอมันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอจึงขับไล่พวกเขา
“นี่คือวิธีที่ตระกูลหยางปฏิบัติต่อแขกนี่เอง”
ในขณะนี้สงอานหยีเดินเข้ามาและจ้องมองไปที่หยางเขียน เขียนที่อยู่บนเตียงอย่างเย็นชา
แสงที่คมชัดสว่างวาบในดวงตาของหยางเซียนเซียน ทันใด นั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที สีหน้าที่มีเพียงความหวาด กลัว ร่างกายของเธอสั่นสะท้านและขอร้องอย่างขมขื่น “อาน หยี ขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรพายเฉินไป เป็นความผิดของ ฉันทั้งหมด อย่าทำร้ายฉันเลย อย่าทุบตีฉัน…”
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของ หยางเขียนเขียนทําให้ ถังรั่วชูสับสนเล็กน้อย
หลังจากนั้นถังรั่วซูและเซียวเซียวสบตากัน จากนั้นทั้งสองก็ เดินเข้าไปหาหยางเขียนเชียนพร้อมๆกัน
“หยางเซียนเชียน ในเมื่อเธอชอบแสดงละคร พวกเราจะ ปล่อยให้เธอแสดงอยู่คนเดียวได้อย่างไร?”
หยางเซียนเซียนเห็นพวกเธอเดินเข้ามาทีละก้าวทีละก้าว ร่องรอยของความตื่นตระหนกปรากฏขึ้นใต้ดวงตาขอ กาของเธอ จากนั้นเธอถามเสียงดังว่า “พวกคุณคิดจะทำอะไร?”
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ