One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 218 โชคชะตาเล่นตลก



ตอนที่ 218 โชคชะตาเล่นตลก

ตอนที่ 218 โชคชะตาเล่นตลก

ถังรั่ว นั่งลงบนโซฟา หันหน้าทอดมองไปทางสังอานหยี ที่กำลังริมนํ้าให้เธอ ในแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใย

อานหยีดูแล้วไม่มีส่วนไหนที่ผิดปกติเลย ดูปกติมาก ปกติจนเกินไป

แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกกังวลใจ

รู้จักกันมานานหลายปี ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เข้าใจอานหยี ยิ่งเจ็บปวดแค่ไหนต่อหน้าคนอื่นเธอก็ยิ่งแสดงออกว่าไม่ เป็นไร

จะพูดให้ถูก ก็คือเธอกำลังฝืนทน ไม่อยากให้คนอื่น ห่วงใยเธอรู้สึกเป็นกังวล

สั่งอานหยีถือน้ำแก้วหนึ่งเดินเข้ามา วางแก้วน้ำลงตรง หน้าเธอ จากนั้นก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของเธอ

“เธอคิดยังไงถึงมาหาฉันที่นี่เหรอ” สังอานหยีถามยิ้มๆ

“หลีน่าโทรหาฉัน บอกว่าเธอไม่ได้ไปทำงาน มือถือก็โทรไม่ติด ฉันเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ เปล่า ฉันก็เลยมาที่นี่

สังอานหยีได้ฟังแบบนั้นแล้ว ก็ลุกพรวดขึ้นทันที “ตาย แล้ว นี่ฉันลืมได้ยังไงว่าต้องไปทํางาน

พูดแบบนั้น เธอก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

ถังรั่วชูทอดมองไปที่เธอ ตอนที่เธอเดินไปถึงหน้าประตู ก็เอ่ยพูดขึ้นเสียงอ่อนโยน “อานหยี ถ้าเกิดเสียใจก็ ร้องไห้ออกมาเถอะ อย่าฝืนอดกลั้นมันไว้เลย”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เท้าก็หยุดชะงักลง สังอานหยีตอบ กลับแบบไม่หันกลับมามอง “ฉันไม่เป็นไร

พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว

เห็นอย่างนั้น ถังรั่วชูก็ถอนหายใจแรงๆ ก็ไม่รู้ว่าต้องทำ ยังไงเหมือนกัน

ส้งอานหยีเข้าไปในห้องและปิดประตูลง หลังพิงบาน ประตู ทอดมองไปที่เตียงสภาพยับเยิน ในอากาศยังคง เหลือกลิ่นอายของเขาอยู่
เธอยิ้มด้วยความเจ็บปวด สีหน้าโดดเดี่ยว คนบางคนก็ เหมือนสารเสพติด เมื่อได้สัมผัสแล้ว ตอนอยากจะเลิกก็ ต้องทรมานแสนสาหัส

เจ็บปวด เจ็บปวดใจเหลือเกิน

ค่อยๆไถลตัวลงช้าๆ เธอกอดเข่าของตัวเอง มุดหน้าลง ตรงซอกเข่า ฝืนอดกลั้นความเจ็บปวดภายในใจไม่ไหว อีกต่อไปจนต้องร้องไห้ออกมา

ถังรั่วชูเดินไปถึงหน้าประตู อยากจะยกมือเคาะประตู แต่กลับได้ยินเสียงร้องไห้แว่วมาจากข้างใน

มือแข็งทื่อค้างอยู่กลางอากาศ จากนั้น เธอก็ถอนหายใจ ออกมาเบาๆ กดมือกลับ หันหลังกลับ

ถึงแม้ว่าเธออยากจะอยู่เคียงข้างเธอ แต่ในเมื่อเธอเลือก ที่จะระบายออกมากับตัวเอง นั่นก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอไม่ ต้องการให้ใครมารบกวน

ถ้าอย่างนั้น ก็รอให้อารมณ์ของเธอสงบลงก่อนค่อยว่า กันแล้วกัน
“อืม ฉันอยู่ที่บ้านอานหยี เธอมีปัญหานิดหน่อย ฉันไม่ วางใจเลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอสักหน่อย วางใจเถอะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดีเอง”

“อืม บ๊ายบาย”

ถังรั่วชูวางสายที่ซือจิ่นโทรมา จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็น

ยังดีที่เหลือวัตถุดิบอยู่นิดหน่อย

เธอหันกลับไปมองประตูห้องที่ยังปิดสนิททีหนึ่ง ขยับคิ้ว ครุ่นคิด อีกเดี๋ยวพออานหยีร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว จะต้อง หิวแน่ๆ งั้นเธอก็จะทำอาหารสักหน่อย

เมื่อเอาวัตถุดิบทั้งหมดออกมาจากตู้เย็น เธอจะทำอาหา รอร่อยๆให้อานหยีเต็มโต๊ะเลย เพื่อเป็นการปลอบใจเธอ

เมื่อส่งอานหยีระบายอารมณ์ทุกอย่างออกมาจนหมด รอให้อารมณ์เข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็ออกมาจากห้อง

เมื่อเดินออกมา ก็ได้กลิ่นหอมของอาหาร เธอชะงักไป ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินไปทางห้องครัวอย่างรีบร้อน
ตอนที่เห็นเงาหนึ่งที่กำลังยุ่งวุ่นอยู่ในครัว ก็เลิกคิ้วขึ้น เดินเข้าไป “ซูซู ทำไมเธอยังอยู่ที่นี่ล่ะ”

เมื่อได้ยินเสียง ถังรั่วชูก็หันกลับมามองเธอ แล้วเผยรอย ยิ้มอันอ่อนโยนออกมา “รีบไปนั่งรอเร็ว เตรียมตัวกินข้าว”

เมื่อพูดจบ เธอก็กลับไปวุ่นกับงานในมือต่อ

เธอเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาล ร่างกายยังไม่ได้ฟื้นฟู เต็มที่ แล้วยังต้องมาเป็นกังวลเรื่องของเธออีก

ส่งอานหยีรู้สึกผิดในอก

เธอเดินเข้าไป คว้ามีดหั่นผักที่อยู่ในมือของถังรั่วชูมาถือ “ฉันช่วยเธอเอง”

ถังรั่วชูเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ ยิ้มแล้วพูดว่า “ได้สิ ฉันกำลัง

กังวลอยู่เลยว่าจะทำไม่ทัน”

สังอานหยียิ้มตอบ จากนั้นก็เริ่มลงมือหั่นผักที่อยู่ในมือ

ถังรั่วชูเช็ดมือที่สองข้างบนผ้ากันเปื้อน มองเธอด้วยรอย ยิ้มอ่อนโยน สายตาปวดใจ
ตาของเธอบวมแดงจากการร้องไห้ ดูออกเลยว่าเธอมี ความรู้สึกต่อโม่เฟย

แต่นั่นเป็นความรู้สึกที่ถูกกำหนดไว้แล้วจะไม่มีทาง สมหวัง โม่เฟยมีสัญญาหมั้นหมายแล้ว กับเธอนั้นไม่มีทาง เป็นไปได้เลย

ในเมื่อเป็นอย่างนั้น คิดให้ได้โดยเร็วจะเป็นผลดีต่อตัว เธอกับโม่เฟยมากกว่า ถ้ายังเกี่ยวข้องกันต่อไป ผลกระ ทบที่ตกอยู่ที่อานหยีจะยิ่งหนักหนากว่านี้

ดังนั้น เธอจะไม่ยอมให้อานหยีต้องถูกทำให้เจ็บปวดอีก

แล้ว

“ชูชู ผักหั่นเสร็จแล้ว ยังต้องทำ….”

อะไรอีกสามคำนั้นถูกหยุดอยู่ในปาก สั่งอานหยีหันกลับ ไปมองถังรั่วชูที่ยืนนิ่งไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ เธอขมวดคิ้ว จากนั้นก็ส่งเสียงเรียกออกไป “ชูซู”

“หะ ?” ถังรั่วชูถูกเสียงของเธอดึงสติกลับมา กะพริบตา ปริบๆ แล้วถามอย่างงงๆว่า “ทำไมเหรอ”

ส่งอานหยีมองดูเธออย่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไป ยังผักที่ถูกหั่นเรียบร้อยอยู่บนเขียง แล้วถามว่า “ผักหั่น เสร็จแล้ว ยังต้องช่วยทำอะไรอีกไหม”
ถังรั่วซูหันไปมองทีหนึ่ง จากนั้นก็พูดยิ้มๆ “ไม่ต้องแล้วล่ะ เธอไปล้างหน้าก่อนเถอะ แล้วค่อยมากินข้าวกัน

พูดจบ ก็ยังเห็นเธอยืนนิ่งไม่ยอมขยับ

“ไปเถอะ” ถังรั่วซูดันตัวเธอออกไปทางประตู

ส่งอานหยีหันไปมองเธอทีหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป

มองแผ่นหลังของเธอ ถังรั่วชูก็ฉีกยิ้มให้ ก่อนจะกลับไป ยุ่งวุ่นต่อในครัว

จากเริ่มกินจนกินเสร็จ ถังรั่วชูก็ไม่ได้เอ่ยถึงเสิ่นโม่เฟย เลยแม้แต่คำเดียว พูดถึงแค่เรื่องที่ไม่ทำให้ทุกข์ร้อนอะไร เท่านั้น

ส่วนส่งอานหยีก็เออออตามเป็นบางคำเท่านั้น เวลาที่ เหลือก็ทำแค่กินข้าวเงียบๆเท่านั้น

ทั้งสองคนช่วยกันล้างจาน ต่างคนต่างก็รินชาแล้วเดิน ไปนั่งที่ห้องรับแขก

ถังรั่วชูจิบชาคำหนึ่ง นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดปากพูดขึ้น “อานหยี ทางโม่เฟยฉันจะพูดกับเขาให้ชัดเจน เอง”

ส่งอานหยีก้มหน้ามองน้ำชาสีน้ำตาลอมเขียวที่อยู่ใน แก้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่ได้ส่งเสียงตอบ

ถอนหายใจออกมาเบาๆอีกครั้ง ถังรั่วชูก็พูดต่อ “อานหยี ขอโทษนะ

จู่ๆเธอก็พูดขอโทษออกมา ทำให้สังอานหยีเงยหน้าขึ้น มา มองเธออย่างตกตะลึง

ถังรั่วชูยิ้มอย่างรู้สึกผิด “ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะซือจิ่นให้ โม่เฟยไปประกันตัวเธอที่โรงพัก ไม่อย่างนั้นพวกเธอก็คง ไม่ต้องเดินมาถึงจุดนี้

ที่แท้เธอก็พูดถึงเรื่องนี้เอง

ส้งอานหยีส่ายหน้า “นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอหรอก ยังไง สุดท้ายปัญหามันก็อยู่ที่ตัวฉันเอง”

เมื่อพูดจบ เธอก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง สีหน้าเศร้าหมองโดด เดี่ยว

เมื่อมองไปที่เธอ ถังรั่วชูก็ครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจอธิบายเรื่องราวของโม่เฟยให้เธอฟัง

“คู่หมั้นของโม่เฟยเป็นหลานสาวของเพื่อนร่วมรบเก่า ของคุณปู่เขา คุณปู่ของคู่หมั้นเขาเคยช่วยชีวิตคุณปู่ของ โม่เฟยในสนามรบครั้งหนึ่ง ดังนั้น เจตจำนงของผู้ใหญ่ก็ คือทำเพื่อตอบแทนคุณอีกฝ่าย ก็คือให้โม่เฟยแต่งงานกับ หลานสาวของอีกฝ่าย ก็คงเพื่อกระชับมิตรภาพล่ะมั้ง”

สังอานหยีฟังอยู่เงียบๆจนจบ ครู่ใหญ่ มุมปากก็ยกขึ้น อย่างไร้เรี่ยวแรง “นั่นก็เป็นเรื่องดีแล้วไม่ใช่เหรอ”

น้ำเสียงของเธอฟังแล้วดูสิ้นหวังเป็นอย่างมาก ถังรั่วชู รู้สึกคับแน่นในอก มองไปที่เธอย่างเป็นห่วง “อานหยี…”

ส่งอานหยีเงยหน้าขึ้น แล้วส่งยิ้มให้เธอ “วางใจเถอะ ฉัน ไม่เป็นไร เรื่องของหานยี่เฉินฉันก็ผ่านมาได้แล้วไม่ใช่ หรือไง อีกอย่างฉันกับเสิ่นโม่เฟยก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันมา ก่อนสักหน่อย ก็แค่เรื่องที่เกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ นับว่าเป็นเรื่องมากมายอะไรหรอก”

แต่สิ่งที่เธอแสดงออกมามันไม่เหมือนว่าไม่เป็นไรเลยสัก

อีกอย่างสำหรับผู้ชายเลวๆอย่างหานยี่เฉิน เธอก็ไม่รู้สึก ว่าอานหยีจะรักเขาเลยแม้แต่น้อย คงเป็นความนับ อมากกว่า

คนบางคน ดูเหมือนรัก แต่แท้จริงไม่ใช่รัก

คนบางคน ดูเหมือนไม่รัก แต่กลับรักฝังลึกลงในใจ

โชคชะตาช่างเล่นตลก

ถังรั่วชูถอนหายใจออกมายาวๆ สุดท้ายก็ไม่ได้พูดคำ ปลอบโยนอะไรเธอต่ออีก


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ