One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 132 เรื่องน่ายินดีที่เข้ามาพร้อมกัน



ตอนที่ 132 เรื่องน่ายินดีที่เข้ามาพร้อมกัน

ตอนที่ 132 เรื่องน่ายินดีที่เข้ามาพร้อมกัน

ในเวลาเดียวกัน ณ บ้านของตระกูลจี้

สภาพส่อแววล้มละลายเมื่อสองเดือนที่ผ่านมาของบริษัทจี้ชื่อ จนทำให้คนในครอบครัวเครียดจนหัวเกือบล้าน วันนี้ไม่ง่าย เลยในการหลุดพ้นสถานการณ์ล้มละลายที่น่ากลัวของทาง บ้าน ทั้งครอบครัวถึงได้หายใจหายคอสะดวก

บริเวณด้านในห้องรับแขกของตระกูลจี้ ครอบครัวของ ตระกูลจี้มีทั้งหมดสามคน รวมสองคนแม่ลูกกู้รั่วรั่ว ที่กำลังนั่ง อยู่บนโซฟา สีหน้าแววตาดูผ่อนคลายลงไปเยอะ

“จี้หยินเฟิง ไม่กี่วันลูกพี่ลูกน้องของแกก็จะกลับประเทศมา แล้ว ถึงเวลานั้นแกจำเอาไว้ให้ดีว่าแกต้องไปรับเธอกลับบ้าน มากินข้าว

ฉินซือเหลียนมองจี้หยินเฟิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง สีหน้ายิ้มกริ่ม ท่าทางผู้รากมากดี ในที่สุดก็กลับมาเป็นดั้งเดิมอีกครั้ง

สองเดือนที่ผ่านมานี้ ฉินซือเหลียนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ

เมื่อก่อน ไม่ว่าเธอจะเดินไปไหน ก็มีแต่เสียงเยินยอเซ็งแซ่

แต่หลังจากที่บริษัทจี้ซื่อเกิดเรื่องขึ้นมา ความสัมพันธ์ที่เคยสนิทสนมกลมเกลียวของเหล่าบรรดาคุณนายทั้งหลายก่อน หน้านี้ ต่างเลือกที่จะหายหัวไปซะหมด ความรู้สึกที่ไม่มีใคร สนใจมันช่างยากแก่การรับไหว วันนี้บริษัทจี้ชื่อหลุดพ้นมา แล้ว ในที่สุดเธอก็กลับกลายมาเป็นคุณนายของตระกูล ได้ อีกครั้ง

“แม่ เรื่องนี้แม่ไม่ต้องกำชับผมก็เข้าใจแจ่มแจ้ง”

จี้หยินเฟิงยิ้มให้ ใบหน้าคร่ำเคร่งที่ผ่านมาสองเดือนนี้ ก็ สามารถทวงคืนความสวยสดงดงามที่อยู่บนใบหน้ากลับมาได้

ทว่า หวินจื่อไม่ได้เป็นดั่งสองคนแม่ลูกนั้นที่ทำท่าทางหลุด พ้นแล้ว ใบหน้าเหี่ยวย่น แสดงสีหน้าคร่ำเครียดหนักกว่า เก่า “ก่อนหน้านี้มัวแต่วุ่นวายกับการทำเรื่องนี้ให้หลุดรอดมา ได้ ดังนั้นเลยไม่มีเวลาครุ่นคิด วันนี้กลับมาคิดดู เรื่องนี้มัน ช่างแปลกๆอยู่ ใครกันที่ทำให้บริษัทจี้ชื่อของเราไปไม่รอด? เพราะน้อยครั้งนักที่ทางเราจะเป็นศัตรูกับคนอื่น ก่อนหน้านี้ ลูกพี่ลูกน้องของแกยังคอยเตือนฉันอยู่ เธอบอกว่าคงมีคนคอย ชักใยอยู่เบื้องหลัง”

“แต่ว่า ใครกันที่กล้าบ้าบิ่นได้ขนาดนั้น? ในประเทศ ถึงได้มี ความสามารถในการกดดันบริษัทจี้ชื่อของเราได้ นอกจากสี่ ตระกูลใหญ่นั่นแล้ว ที่เหลือก็นับนิ้วได้เลย แต่ว่าปกติเราก็ไม่ เคยไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขา ดังนั้นโอกาสความเป็นไปถือว่าไม่ มากนัก”

พอเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา จี้หยินเฟิงเกิดอาการไม่สู้ดี
สองเดือนที่ผ่านมา เพราะเรื่องของบริษัท เขาเลยไม่ได้ดู สีหน้าคนอื่นน้อยลง

แต่ว่าในตอนนี้ ลูกค้าที่ยังคงติดต่อสื่อสารกับบริษัทจี้ชื่ออยู่ เหมือนกับรับเคราะห์ไปด้วย ต่างซวยไปตามๆ กัน

หลังจากนั้น ทุกคนต่างหลีกเลี่ยงทำอย่างกับบริษัทจี้ซื่อเป็น อสรพิษ จนสุดท้ายซูเทียนอ้ายยอมลงมือช่วยเหลือ ไม่งั้น เกรงว่าเวลานี้บริษัทจี้ชื่อคงแจ้งประกาศกับลูกค้าไปแล้วเรื่อง กิจการล้มละลาย

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ ดวงตาจี้หยินเฟิงเย็นชาเรื่อยๆ แววตา แสดงออกถึงความเย็นยะเยือกแผ่ออกมาอย่างชัดเจน

“หรือว่าเป็นถังรั่วชู?”

ในเวลานั้น กู้รั่วรั่วที่ไม่ยอมพูดยอมจา ก็เอ่ยปากขึ้นมา “พวก คุณลืมไปแล้วเหรอ ข้างกายผู้หญิงคนนั้น อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายที่ ไม่รู้ที่มาที่ไปปรากฏตัวขึ้น ก่อนหน้านี้ฉินขั้นนีก็ตกอยู่ในมือ ของถังรั่วชู สาเหตุก็มาจากผู้ชายคนนั้น ฉันสงสัยว่าผู้ชายคน นั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทสี่ยักษ์ใหญ่หรือเปล่า?”

“เป็นไปไม่ได้!”

จากการคาดเดาของผู้รั่วรั่ว จี้หยินเฟิงแทบไม่ต้องคิดเลย รีบ ปฏิเสธทันที “หลายปีที่ผ่านมา บริษัทจี้ซื่อไม่ได้คิดจะไปยุ่งเกี่ยวกับสตระกูลใหญ่นั่นเลย แต่ว่าคนในตระกูลนั้น เส้น สายเยอะแยะ แถมสมาชิกในตระกูลก็ช่างลึกลับซับซ้อน อยากเข้าไปใกล้ชิดด้วยก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น อย่าคิดเลย ว่าความสัมพันธ์ผู้ชายคนนั้นกับถังคงไม่ใช่ธรรมดา อีก อย่าง เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าแค่แกเตาแล้วจะคิดออก ผู้ชายคนนั้นหรือ ว่าความสามารถของผู้ชายคนนั้น แต่ดูออกว่าไม่ได้มีอะไร เกี่ยวข้องกับสี่ตระกูลใหญ่สักกระลึก

“ตามที่ฉันตรวจสอบมาแล้ว ในบริษัทตระกูลยักษ์ใหญ่นั้น คุณชายหลายคนในตระกูล อาศัยอยู่ต่างประเทศมาหลาย ปีแล้ว ในนั้นมีผู้สืบทอดกิจการของกิจการของทั้งสามตระกูล แต่คนที่อยู่ในประเทศ พวกระดับนั้น แม้แต่พ่อเอง ก็ยังยากที่ จะเข้าถึง ฉันไม่คิดว่า ถังรั่วซูจะมีความสามารถไปรู้จักมักจี่ กับคนพวกนั้น”

หรือว่าทุกอย่างมันจะมาเหนือความคาดหมาย ในใจของจี้ หยินเฟิงนั้น ถังรั่วซูรู้จักกับผู้ชายหนึ่งในนั้น และก็เขาเป็นคน ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ถึงแม้ว่าเธอจะปรากฏกายกับผู้ชายอีกคน หนึ่ง แต่จี้หยินเฟิงก็มั่นใจตัวเอง รู้ตัวว่าตนเองสามารถต่อกร กับฝ่ายตรงข้ามได้

อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่รู้ว่า ถังรั่วไม่เพียงแต่เป็นภรรยา คุณชายอายุยังน้อยของตระกูล ถึงขนาดที่ว่าผู้สืบทอดของ คนในอีกสามตระกูลเมื่อเจอหน้าเธอนั้นก็เรียกเธอว่าน้องสาว หรือว่าน้องสะใภ้

สามารถจินตนาการได้เลยว่า ถ้าวันไหนเขารู้เรื่องเข้า คงจะ เจ็บปวดอยู่ไม่น้อย
“เหอะ ไม่ว่าไอ้สารเลวนั่นจะมีปัญญาหรือเปล่า ถ้าไม่มี งั้น ก็เหมือนว่าฆ่าตัวตายชัดๆ หนีไม่พ้นหรอก ครั้งนี้พี่สาวไม่ใช่ ว่าจะลาออกจากบริษัทสือรุ่ย ด้วยตำแหน่งของเธอนั้น การที่ ต้องมาควบคุมถังรั่ว ก็ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ถึงเวลานั้นก็ให้พี่ สาวคอยจิกใช้เธอ ถ้าเธอปฏิเสธ ก็จัดการไล่ออกซะ เธอจะได้ ไม่มีงานทำ ถึงเวลานั้นจะคอยดูว่าเธอยังจะหยิ่งจองหองได้อยู่ ไหม!”

กู้รั่วรั่วกัดฟันเอาไว้อย่างหมดความอดทน ใบหน้าดุดัน

เธอในเวลานี้ ไม่มีอะไรต้องหวาดกลัวอีกแล้ว เงินเธอก็มี ผู้ สืบทอดกิจการของบริษัทถังชื่อกรุ๊ป ไม่นานก็จะตกเป็นของ เธอแล้ว จากวันนี้เป็นต้นไป ค่าตัวเธอกู้รั่วรั่วจะมีค่าเพิ่มมาก ขึ้น ส่วนถังรั่วชู จะไม่มีอะไรติดตัวไปสักแดงเดียว

“กู้รั่วรั่วพูดมาก็ไม่ผิด ผู้ชายที่อยู่ข้างกายของถังรั่วชู ทางที่ดี ที่สุดก็เพื่อต้องสืบให้ทุกซอกทุกมุม ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่คนของสื่ ตระกูลนั่นก็ตาม งั้นก็ต้องดูด้วยว่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามนั้นมาจาก ไหน เพื่อประหยัดเวลาจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า”

จี้หวินจื่อถือว่าเป็นผู้มากความสามารถในทางด้านธุรกิจ เขา ไม่เหมือนกู้รั่วรั่วที่จะมีกะจิตกะใจคิดเรื่องต่างๆ มากมาย แค่ เพียงแค่ต้องคิดเยอะๆ ให้มากไว้

คนหลายคนพูดคุยกันอยู่สักพัก แต่ตั้งแต่ต้นจนจบจ้าวเสี่ยว หวั่นที่ไม่เอ่ยปากพูดเลย เลยพูดไปยิ้มไป “ท่านผู้มีพระคุณทั้ง สองคน คุณดูเอานะ เรื่องที่บริษัทในเวลานี้ก็แก้ไขได้แล้ว ท้อง ของกู้รั่วรั่วก็โตขึ้นมาทุกวัน ก่อนหน้านี้ให้เวลาหยินเฟิงกับกูรั่วรั่วสามเดือนต่อจากนี้จัดงานแต่งงาน ตอน นี้ควรจะจัดงานได้แล้วมั้ง? พอดีเลยถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี หลายเรื่องเข้ามาพร้อมกัน

คนทั้งสามคนในตระกูลจี้ถึงกลับตกตะลึงไปพร้อมๆ กัน

ฉินซือเหลียน ได้สติทันควัน ไม่ต้องคิดทบทวน ก็หลุดปาก พูดออกมา “ตอนนี้สภาพบริษัทเพิ่งจะกลับมาดีขึ้น จะเอาเงิน ที่ไหนไปจัดงานแต่ง? ยืดเวลาไปสักหน่อยแล้วกัน”

ส่วนกูรั่วรั่ว เธอไม่ชอบใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

กู้รั่วรั่วเองดูเหมือนจะรู้เรื่อง ในใจได้แต่โมโหขึ้นมานิดๆ แต่ สีหน้าเสแสร้งตีหน้าตายทำตัวเป็นคนดีพลางเอ่ยขึ้นมา “ใช่ แม่ นี่แม่เหมือนว่าจะทําให้จี้หยินเฟิงลำบากใจเหรอ ระยะนี้เขา ลําบากขนาดนี้ ให้เขาได้พักสักหน่อยเถอะ”

“ทำงั้นได้ไง จะพูดว่า ตอนนี้แกเป็นผู้สืบทอดกิจการของ ตระกูลถัง ตำแหน่งเป็นถึงพี่สาวคนโตของบริษัทถังซื่อกรุ๊ป ถ้าไม่จัดงานแต่ง พูดออกมาคนจะหัวเราะตายไปหมด?”

จ้าวเสี่ยวหวั่นตั้งใจเก็บอาการเอาไว้ พูดอย่างไม่สุขใจเท่า

ไหร่

น้ำเสียงของเธอไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่กลับดังเข้าหูจี้ หยินเฟิงและพ่อแม่ของเขาอย่างชัดเจน
“คนที่เตรียมตัวเป็นผู้สืบทอดของบริษัทถังชื่อกรุ๊ป?”

สายตาของทั้งสามคนมองไปที่ตัวของกู้รั่วรั่ว หน้าตาดูตก ตะลึง

“ใช่ ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน! หลายวันก่อนผู้เฒ่าตระกูลของเรา ต่างตกลงยอมยกหุ้นส่วนใหญ่ให้กับกู้รั่วรั่ว ทว่าในตอนนี้กู้ รั่วรั่วเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของตระกูลถังอย่างเต็มตัว อาศัย ตำแหน่งของเธอ ต้องคู่ควรกับจี้หยินเฟิง น่าจะพอแล้วมั้ง?”

จ้าวเสี่ยวหวั่นยิ้มเล็กน้อยพลางมองคนในตระกูลจี้ทั้งสามคน ในใจกลับเย็นชาแทน

ก่อนหน้านี้กู้รั่วรั่วอาศัยตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของตระกูลถัง แต่กลับไม่มีความสามารถ สองคนแม่ลูกกำลังนั่งสังเกตอาการ ใบหน้าของฉนซือเหลียน

วันนี้ถังสังก็มาถึงแล้ว ตระกูลถังก็มีเปลี่ยนมือแล้ว ในที่สุด เธอก็สามารถทำตนเองให้อยู่เหนือและสามารถเผชิญหน้ากับ พวกเขาได้แล้ว

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ความรู้สึกนี้ มันทำให้จ้าวเสี่ยวหวั่นเกิด ความสุขอยู่ในใจอย่างฉับพลัน

ที่แท้ มันเป็นความรู้สึกที่อยู่เหนือคนอื่นนี่เอง!


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ