One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 189 น่าอายชะมัด



ตอนที่ 189 น่าอายชะมัด

ตอนที่ 189 น่าอายชะมัด

“คนพวกนั้นลงมือหนักไปไหมเนี่ย!”

“ถ้าเห็นตั้งแต่แรกคงไม่ปล่อยพวกนั้นไปง่ายๆ แบบนี้หรอก”

“ถ้ามันเป็นแผลเป็นขึ้นมาจะทำยังไงดี?

“เจ็บไหม?”

ถังรั่วซูล้างแผลให้สังอานหยี แถมยังพูดพร่ำไปเรื่อยไม่หยุด

ส่งอานหยีเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบๆ พร้อมทั้งมองเห็นความ กังวลและสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอมันสื่อความหมายออก มาทางสายตา…เรื่องที่อยู่ในใจ

“ต่อถ้าไปเจอกับพวกชนชั้น low อีก อยู่ให้ห่างจากพวกนั้นซะ เข้าใจไหม?”

ถังรั่วชูหลุบตาต่ำ พลางสบตาเธอ แล้วพูดเสริมว่า “การที่ให้ อยู่ห่างจากพวกนั้นไม่ได้หมายความว่าเราเกรงกลัวพวกนั้น แต่เราขี้เกียจไปเกี่ยวพันกับพวกนั้นต่างหาก เข้าใจไหม?”
“อืม ฉันเข้าใจ” ส่งอานหยีพยักหน้าให้ จากนั้นก็ฉีกยิ้มให้ “ซู ชูการที่แกมาคอยบ่นจี้จี้จี้ไซฉันท่าทางเหมือนแม่ฉันเลย”

“เหรอ? งั้นแกก็เรียกฉันว่าคุณแม่ให้ฟังหน่อยสิ” ถังรั่วชูพูดจา หยอกล้อกับเธอ

ใครจะไปรู้กันเล่าสังอานหยีว่าจะอ้าปากพูดออกมาเล่นด้วย จริงๆ “ชูชู คุณแม่ขา…

“เรียกจริงเหรอเนี่ย!” ถังรั่วชูถึงกลับหมดอารมณ์จนต้อง กลอกตามองบน “ฉันยังเด็กอยู่เลย ไม่มีลูกสาวที่โตขนาดนี้ อย่างแกไปได้หรอก”

ส้งอานหยียังจงใจพูดเรียกร้องไม่หยุดหย่อน “ทั้งๆ ที่แก แต๊ะอั๋งฉันไปแล้ว แกยังจะขับไล่ไสส่งฉันอีก”

ถังรั่วชูถึงกลับอดขำไม่ได้ “ไม่นะ ไม่ได้ขับไล่แกเลยสักนิด ดีใจมากถึงจะถูก”

หลังจากที่ทายาบริเวณบาดแผลเสร็จเรียบร้อย ถังรั่วชูยัง สำรวจโดยรอบ “หวังว่าจะไม่มีรอยแผลเป็นนะ”

“ไม่หรอกน่า แผลเล็กนิดเดียวมีรอยแผลก็บ้าแล้ว” สำหรับสิ่ง ที่เธอยังกังวลอยู่นั้น สังอานหยีรู้สึกว่าเรื่องนี้มันเล็กน้อยมาก
ยิ่งเห็นว่าถังรั่วซูเอาแต่จ้องมองใบหน้าของเธออย่างเป็นห่วง เป็นใย สังอานหยีเลยลุกขึ้นยืนแล้วจับแขนของเธอเอาไว้ พร้อมทั้งพูดปลอบใจอย่างด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พอแล้วน่า ฉันไม่ใช่คนผิวแพ้ง่าย ไม่มีรอยแผลง่ายดายแบบนั้นหรอก”

จากนั้น ก็ลากเธอเดินออกไปด้านนอก “กลับไปทำงานกัน เถอะ เลิกงานแล้วเดี๋ยวฉันพาแกไปหาของอร่อยๆ กินฉันเลี้ยง เอง”

เธอไปทานข้าวเย็นกับสังอานหยี แล้วก็ไปเดินช็อปปิ้งตาม ห้างสรรพสินค้าต่อ เวลาสี่ทุ่มกว่าถึงกลับถึงบ้าน

พอผลักประตูบ้าน ในห้องมีแต่ความเงียบสงบกับบรรยากาศ

อึมครึม

ดึกป่านนี้แล้ว คนรับใช้ต่างก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องนอนของ ตนเองกันแล้ว

เธอค่อยๆ ปิดประตูเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าที่เอาไว้ใช้ ในตัวบ้าน พร้อมเดินเขย่งเท้าหอบหิ้วสิ่งของเดินขึ้นชั้นบน

แต่พอเดินผ่านห้องหนังสือ ก็มีแสงเล็ดลอดออกมาจากประตู ห้อง จนเธอต้องหยุดเท้าลง แล้วยื่นมือออกไปผลักประตู ก็เห็น ว่าสู้ซือจิ่นกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังโต๊ะหนังสือสีดำพร้อมทั้งก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่ากำลังตั้งใจอ่านอะไรอยู่

เส้นผมหวีไปทางด้านหลังทั้งหมด จนเห็นหัวล้านสว่างกระทบ กับแสงไฟ แสงไฟสาดส่องลงมาที่ตัวของเขา เส้นผมดำขลับ มันวาว ลักษณะท่าทางอายุยังน้อยแต่ท่าทางเข้มแข็ง

เขาเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงเธอผลักประตูเข้ามา ยังคงก้ม หน้าก้มตาอยู่เช่นเดิม แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในห้องมีคนเพิ่ม อีกหนึ่งคน

เธอเขย่งเท้าเดินไปหาเขา แล้วก็เดินอ้อมไปทางด้านหลังของ เขา จากนั้นก็ยื่นมือมาปิดตาเขาเอาไว้

จนเธอเองรู้ว่าเขาตกใจจริงๆ เธอถึงกับฉีกยิ้มบริเวณมุมปาก แถมยังแกล้งทำเสียงถามอีก “ทายสิใครเอ่ย?”

“ชูชู” ลูซือจิ่นยิ้มให้พร้อมทั้งเอามือตนเองมาจับมือเธอเอาไว้ แล้วดึงลงมา พลางเงยหน้าจ้องมองดวงตาที่ยิ้มให้อย่างส่อง ประกาย

“ทําไมถึงกลับบ้านดึกขนาดนี้ล่ะ?” เขาถาม

“ส่งอานหยีอยากไปเดินซื้อของ ก็เลยไปเป็นเพื่อนเธอ ถึงได้ กลับมาดึกขนาดนี้แหละ”

ถังรั่วชูดึงมือของตนเองออกมาจากฝ่ามือของเขา แล้วเอามือทั้งสองข้างไขว้ไว้ข้างหลัง แล้วเขยิบมายืนอยู่ข้างกายเขา พร้อมทั้งก้มหน้ามองเอกสารที่กางอยู่บนโต๊ะ

“เมื่อครู่คุณตั้งใจขนาดนั้นแทบไม่ได้ยินที่ฉันเดินเข้ามาเลย ที่แท้ก็ดูเอกสาร อยู่เหรอ?”

ตารางบัญชีงบกำไรขาดทุนของบริษัทการบันเทิงหวางถึง

“อ้อ เป็นงบกําไรขาดทุนของบริษัทในไตรมาสนี้” เขายื่นมือ ออกไปคว้ากอดเอวของเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอได้เข้ามาอยู่ใน อ้อมกอดของตนเอง

ถังรั่ว ตกใจเล็กน้อย จนเซถลานั่งลงบนหน้าตักของเขา มือ ของเขากำลังเค้นคลึงจากเอวคอดกิ่วเขยิบขึ้นด้านบนเรื่อยๆ ถ้าเขยิบขึ้นอีกนิดก็จะสัมผัสกับหน้าอก…ของเธอแล้ว

ถึงแม้ว่าทั้งสองคนจะเป็นสามีภรรยาทั้งทางพฤตินัยแล้ว ก็ตาม แต่การกระทำที่สนิทสนมแนบแน่นแบบนี้เธอยังคงไม่ ค่อยคุ้นชินสักเท่าไหร่ จนใบหน้าเริ่มแดงเป็นปื้น

ซือจิ่นไม่ทันสังเกตว่าเธอเองไม่เป็นตัวของตัวเอง อีกทั้งยัง เอาคางมาเกยที่ไหล่ของเธอ แถมยังหลับตาลง โพรงจมูกสูด ลมหายใจกลิ่นกายหอมของเธอเข้าเต็มปอด มันช่างหอมจน ทำให้คนหลงใหลไปด้วย

เธอรู้สึกได้ว่าลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขาพ่นรดบริเวณ ต้นคออันอ่อนไหวของเธอ เธอถึงกลับหดคอลงอย่างอดไม่ได้

ซือจิ่นลืมตาขึ้นมา พอเงยมอง ถึงได้สังเกตเห็นว่าใบหูของ

เธอแดงแจ๋

เขาถึงกลับหยุดขำไม่ได้ แถมพูดหยอกล้อ “ทำไมตอนนี้แล้ว ยังอายอีกเหรอ?”

เขาใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำ มันช่างทำให้รู้สึกเซ็กซี่จนน่าหลงใหล

หัวใจเต้นโครมคราม ถังรั่ว หลบตาลงไม่กล้าจ้องมองเขา ขนตายาวสั่นเล็กน้อย

“เหอะ…” ลูซือจิ่นหัวเราะออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ทําไมเธอถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ?

พอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาแล้ว ถังรั่วชูถึงกลับสับสนเล็ก น้อย แล้วแกะมือเขาออกแล้วลุกขึ้น แล้วรีบพูดทันควัน “ทำไม คุณถึงทําตัวได้น่าเกลียดแบบนี้ล่ะ?”

พูดจบ เธอก็วิ่งหนีเตลิด

เขามองเธอที่วิ่งเตลิดหนีไป ลูซือจิ่นฉีกยิ้มหน้าบาน ทั้งหัวใจ พร้อมทั้งดวงตาต่างมีแต่อาการเขินอายของเธอเมื่อครู่มันเต็ม ไปหมด
พอเริ่มดูรายงานงบกำไรขาดทุนของบริษัทอีกครั้ง เขาก็ไม่มี กะจิตกะใจดูต่อแล้ว

ได้แต่ยิ้มอยู่อย่างนั้น เธอช่างเป็นตัวก่อกวนกับเขามากเสีย

จริง

เมื่อถังรั่วชูกลับมาถึงห้อง ก็เอากระเป๋าโยนลงบนเตียงอย่าง ปกติ จากนั้นก็มัดผมแล้วเอามือปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าวแล้วเดิน เข้าห้องน้ำไป

พอมายืนหน้ากระจก เธอถึงได้ยอมปล่อยมือลง พอเห็นหญิง สาวที่อยู่ในกระจก ที่ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างกับลูกเชอร์รี่ หน้า แดงแจ๋ด้วยความเขินอาย

ภายใต้แสงไฟไหลผ่าน ท่ามกลางแสงไฟมันช่างทำให้คนใจ สั่นเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี่มันคือความรู้สึกทางด้านอาการใจเต้น

ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาราวกับยังคงรวยรินพ่นรดต้นคอ ของเธอ มันช่างกวนใจเธอเหลือเกิน

เธอรีบเปิดก๊อกน้ำทันที แล้วก้มศีรษะลง พร้อมใช้มือวักน้ำ สาดน้ำใบหน้าของตนเอง หลังจากวักน้ำอยู่หลายครั้ง เธอถึง ได้ใช้มือปาดเม็ดน้ำที่ยังคงหยดอยู่บนหน้า พลางเงยศีรษะขึ้น เพื่อมองที่กระจกอีกครั้ง
มันดีกว่าเมื่อครู่มาก

เธอถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของตนเองออก แล้วก้าวเท้ายาวเข้าไปในส่วนอาบน้ำ

หลังจากที่อาบน้ำสบายตัวแล้ว เธอก็ยื่นมือไปที่ชั้นวางเสื้อผ้า แต่กลับคลำไม่เจอเสื้อผ้าสักชิ้น

เธอเบิกตาโต บ้าเอ๊ย! เธอลืมหยิบเอาชุดนอนเข้ามาด้วย?!

ทำยังไงดี? เธอคงไม่สามารถเดินโป๊ออกไปแบบนี้ได้หรอก นะ ถึงแม้ว่าตนเองทั้งเรือนร่างไม่มีส่วนไหนที่เขาไม่เคยเห็น แต่ว่า….

น่าอายชะมัด!

เธอพยายามใช้แรงสะบัดศีรษะไปมา เธอไม่ยอมเดินเปล่า เปลือยออกไปแน่ๆ

บริเวณโดยรอบ ก็ไม่เห็นว่ามีสิ่งใดที่สามารถเอามาปิดบัง ตนเองได้เลย

ก่อนหน้านี้ในห้องน้ำก็มีชุดอาบน้ำพวกนี้อยู่ด้วย แต่ว่าวันนี้ มันช่างแปลกพิกลนัก ไม่มีอะไรสักชิ้นเลย!!

เธอได้แต่หดไหล่ลงยอมรับชะตากรรม ทำได้แต่หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ตนเองเพิ่งถอดออกเมื่อครู่ เอาขึ้นมาใส่อีกครั้ง มัน

ปิดถึงแค่ก้นของเธอเท่านั้นเอง

จากนั้น เธอก็เลื่อนประตูห้องน้ำ พลางเอาแค่ศีรษะออกมา สำรวจ จนเห็นว่าใครบางคนยังไม่ได้เข้ามาในห้อง

เธอถึงกลับถอนหายใจ จากนั้นก็รีบเดินออกมาเร่งด่วน

ตอนที่วางแผนว่าจะวิ่งเข้าไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เวลานั้นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก

ถังรั่วชูตัวแข็งพร้อมทั้งหันกลับมามองที่ประตู ก็เห็นว่ามีเงา ร่างกายสูงยาวเดินเข้ามา

เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เส้นผมที่ยังเป่า ไม่แห้งยังคงลู่ลง หน้าตาหล่อเหลาไม่เหมือนวันตอนกลางวันที่ หน้าตาดูเคร่งขรึมดุดัน แต่มันทำให้ยิ่งดูน่าหลงใหลเอามาก

ถังรั่วชูถึงกลับมองตาค้าง ลืมไปเสียสนิทเลยว่าในเวลานี้เธอ สวมใส่แค่เพียงเสื้อเชิ้ตบางๆ ของตนเองอยู่ตัวเดียวเท่านั้นเอง

แสงไฟในห้องค่อนข้างสลัว มีแค่แสงสว่างจากโคมไฟติดผนัง ที่ส่องสว่างแสงสีส้มและความอบอุ่นให้เห็นไปทั่วทั้งห้อง

ตอนที่ผู้ซือจิ่นผลักประตูเข้ามานั้น แทบไม่คาดคิดเลยว่าจะเห็นภาพสวยสดงดงามแบบนี้ แววตาค่อยๆ สื่อความหมาย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ