One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 136 เสือลากหาง



ตอนที่ 136 เสือลากหาง

ตอนที่ 136 เสือลากหาง

คำพูดของถังรั่วชู พูดแดกดันจนเลือดไหลซิบ

ทุกคนต่างได้ยินประโยคนั้น แต่ก็ยังเงียบกริบ

บริษัทสือรุ่ยไม่ได้ใช้เส้นสาย ทุกคนที่อยู่ในตำแหน่งนี้นั้น ไม่ใช่ว่าโชคดี แต่มาจากความมุมานะ

การที่ถังรั่วชูขึ้นมานั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการนั้น สิ่งที่ เธอต้องใช้ความมุมานะตรากตรำทำงาน

เธอไม่เพียงแต่ทนต่อความยากลำบาก อีกอย่างความ สามารถก็เห็นได้เด่นชัด ทุกครั้งในการวางแผนในการสื่อข่าว ต่างพาดหัวข่าวเป็นอันดับต้นๆ เสมอ

ซูเทียนอ้ายเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่ง ก็เข้ามาฟาดฟันคน ทำงานทันที ดูเกิดเหตุไปหน่อย

ในเวลานั้น ทุกคนต่างมองไปที่ซูเทียนอ้ายอย่างแปลก

ประหลาด

ซูเทียนอ้ายก็สามารถรับรู้สายตาผู้คนที่จ้องมองมา มีอยู่แวบ หนึ่งที่ใบหน้ากระตุกเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
ถังรั่วชูผู้น่าสั้นชื่อคนนี้ กลับกลายมาเป็นจุดประเด็นให้ทุกคน

แทน

ในวันนี้ เธอไม่สามารถที่จะไล่เธอออกไปได้ ขนาดตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้จัดการเองก็ไม่สามารถยกเลิกได้ ไม่งั้น จะกลายเป็น คนที่จิตใจเหี้ยมโหด แต่เธอต้องการที่จะใช้อำนาจมาเป็นตัว สนับสนุนแต่กลับเสียท่าเอาซะเอง

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ความโกรธแค้นที่อัดอั้นอยู่ในใจของซูเทียน อ้ายตีขึ้นมาเป็นระลอก

ได้!

แม่ตัวดีถังรั่วชู ไม่เสียแรงเลยที่กู้รั่วรั่วกับจี้หยินเฟิงหมายหัว

เอาไว้!

ถึงแม้ว่าคุณไม่ยอมไว้หน้าฉัน งั้นต่อไปเธอทำงานในบริษัท ฉันก็จะไม่ให้เธอได้สุขสบาย

“เหอะๆ ได้ งั้นคุณพูดออกมาตรงๆ ”

ซูเทียนอ้ายสูดลมหายใจเข้าออก พยายามอดทนอดกลั้นกับ ความโกรธที่อัดแน่นอยู่ในใจ แต่ว่าด้วยความโกรธมากมาย นัก ทำให้ใบหน้าบิดเบี้ยว “ฉันเข้าใจว่าทุกคนขะมักเขม้นใน การทำงาน แต่ว่า ในการเรียกทุกคนมาพบตัว ประเด็นหลัก คือต้องการที่จะรู้จักทุกคน ฉันไม่ได้มียึดอำนาจผลงานในการ ทำงานของทุกคนมา แต่ว่าการมาต่อปากต่อคำของผู้น้อยกับเจ้านายระดับสูงนั้น วันนี้ฉันจะจดจำ เอาไว้ หวังว่าทุกคนจะไม่ทำผิดแบบนี้ซ้ำสองอีก”

คําพูดของ เทียนอ้ายเหมือนกำลังยินยอมให้ถังรั่วซู อีก อย่าง ทุกคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นต่างฟังความหมาย อันตรายร้ายแรงในประโยคนั้นของเธอ

ดูจากสภาพแล้ว การทำผิดต่อผู้จัดการใหญ่ตัวแม่ที่เพิ่งเข้า มารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ถือว่าเป็นการบอกความ หมายที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย

ในภายภาคหน้าของถังรั่วชู เกรงว่าคงไม่ได้ชีวิตที่สุขสบาย สักเท่าไหร่

สายตาน่าสงสารของสาธารณชนที่มองมา ถังรั่ว ทำเหมือน ว่ามองไม่เห็น

เธอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในตัวตนของซูเทียนอ้าย

ผู้หญิงคนนี้ เอาแต่เก็บงำความรู้สึกเอาไว้ในใจ ในคราวนี้เธอ ต้องการฉีกเธอต่อหน้าสาธารณชน วันข้างหน้าเธอต้องหาวิธี มาเล่นงานเธอแน่นอน

แต่ว่า เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่ซูเทียนอ้ายหวาดกลัวที่สุด สิ่งที่น่า กลัวที่สุดก็คือ ผู้หญิงคนนี้มีมันสมอง วิธีการต่อกรชาญฉลาด ตอนที่ต่อปากกับเธอ สำหรับเธอแล้วถือว่าเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ อย่างหนึ่ง
ในที่สุดเกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมาย เรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามา ไม่ขาดสาย มันกัดกินหัวใจของถังรั่วชู จนเริ่มรู้สึกหงุดหงิด อย่างอดเสียไม่ได้

การประชุมผู้บริหารระดับสูงก็เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว แต่ชื่อถัง รั่วชู กลับลือกระฉ่อนไปทั่วบริษัท ทุกคนต่างไม่กล้าลืม เด็ก สาวที่ยังอายุน้อยคนนั้น ใช้ความสามารถมาต่อกรกับผู้จัดการ คนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง อีกอย่าง คำพูดที่พูดหยาบหยาม กับอีกฝ่าย

บนโลกใบนี้ กล้าที่จะต่อปากต่อกรกับหัวหน้า น่ากลัวว่าจะมี แค่เธอคนเดียว

ที่สร้างให้คนยอมรับก็คือ เธอใช้ความแข็งแกร่งของตนเอง ก็ ใช้โอกาสที่เกือบจะโดนไล่ออก จนเรื่องยาวไปถึงการถูกไล่ ออกจากงานอยู่รอมร่อ จนสามารถรอดตัวมาได้

“เสี่ยวถัง ฉันเพิ่งได้รู้นิสัยเธอก็วันนี้เอง”

ตอนที่ออกมา หลีน่ายังคงจ้องถังรั่วชูจนตาโต

ที่เธอถามไถ่นั้น วันนี้ถ้าเป็นตัวเองไปยืนอยู่จุดนั้นแทนถังรั่วชู เธอจะสามารถต่อปากต่อกรกับซูเทียนอ้ายได้ไหม

หลีน่าก็ได้คำตอบอย่างชัดเจน

เธอไม่กล้า!
ในเวลานั้น เธอมองลูกน้องในสายงาน อยู่ในระดับเดียวกัน

กับตนเอง

ความกล้าหาญของถังรั่วชู ถึงแม้ว่าต้องการจะเป็นตำแหน่ง ผู้จัดการก็เหลือทน การที่ซูเทียนอ้ายจะดูถูกเธอ เกรงว่า ผลลัพธ์ก็จะเหมือนกันกับกู้รั่วรั่ว!

คืนนั้น จี้หยินเฟิงจองที่นั่งร้านอาหารชนชั้นสูงแห่งหนึ่งในตัว เมืองเอาไว้ เพื่อจะได้ทำการเลี้ยงต้อนรับซูเทียนอ้ายและก็เพื่อ จะได้ยินดีในการเข้ารับตำแหน่งของเธอด้วย

สมาชิกในตระกูลจี้ทั้งสามคน ขนาดกู้รั่วรั่วเองก็มานั่งรอใน ห้องรับรองตั้งนานแล้ว

ตอนที่ซูเทียนอ้ายมาถึงนั้น เธอแต่งตัวสวยงาม เพราะว่าทั้ง สองฝ่ายต่างไม่พบหน้ากันมานานแล้ว ดังนั้นเลยถือว่าเป็นการ ทักทาย

ผ่านไปสักพัก กู้รั่วรั่วอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สาว วันนี้ที่บริษัท รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? เจอถังรั่วชูหรือเปล่า? หักหน้าเธอบ้าง ไหม?”

หลังจากประโยคนี้หลุดไป บรรยากาศในห้อง ถึงกับอุณหภูมิ ลดลงมาหลายองศา
จี้หยินเฟิงกับฉินซือเหลียนรู้สึกว่าสีหน้าของซูเทียนอ้ายดู

ไม่สู้ดี

ฉินซือเหลียนขมวดคิ้วถามซูเทียนอ้าย”เป็นอะไรไปเทียน อ้าย? หรือว่าเธอยังไม่สามารถจัดการกับถังรั่วซูได้ใช่ไหม?”

แน่นอนว่าไม่ใช่” ”

ซูเทียนอ้ายได้แต่กัดฟันปฏิเสธ พลันคิดถึงคำพูดที่ถังรั่วชูพูด ขึ้นเมื่อตอนกลางวัน ในใจรู้สึกอับอาย “ฉันแค่คาดไม่ถึง ไม่ได้ เจอหน้ากันมาหลายปี ถังรั่วชูเปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนเธอ เป็น เด็กสาวที่เชื่อฟังอยู่นี่”

“เธอเปลี่ยนไปเยอะ เปลี่ยนไปเป็นคนที่จัดการยาก แผนการ ก็เยอะด้วย”

กู้รั่วรั่วได้แต่กัดฟันพูด

เมื่อก่อนนี้ พวกเขาต่างถูกถังรั่วชูต้มซะเปื่อย ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่เจ้าแพะตัวน้อยอีกแล้ว แต่ทำตัวโง่ๆ มาหลอกล่อจัดการ กับพวกเรา หลายเดือนที่ผ่านมา เธอยังไม่เคยแพ้เลยสักยก

“ตามที่ฉันเห็น ต้องโทษคุณกับจี้หยินเฟิง ถ้าไม่ใช่ว่าพวกคุณ คอยบีบบังคับผมอยู่จนไม่มีทางเลือก เธอจะเปลี่ยนไปเป็นคน แบบนี้ไหม?”
ถึงแม้ว่าซูเทียนอ้ายจะอยู่ต่างประเทศก็ตาม แต่เรื่องที่เกิด ขึ้นระหว่างถังรั่วซูกับจี้หยินเฟิง เธอรู้เรื่องเป็นอย่างดี

เธอไม่ชอบกู้รั่วรั่ว แต่เพราะว่าจี้หยินเฟิงชอบ เธอได้แต่เลือก อยู่ทางฝั่งของกูรั่วรั่ว

วันนี้ ที่เธอต่อกรกับถังรั่วชู สาเหตุก็เพราะว่าการมีตัวตนของ

กู้รั่วรั่ว

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของซูเทียนอ้ายเกิดความรู้สึกรำคาญ

ขึ้นมา

ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงไร้ค่าคนนี้ เธอก็คงไม่ถูกถังรั่วซูสร้าง ความอับอายขายขี้หน้าแบบนั้นใช่ไหม!

จี้หยินเฟิงจับความรู้สึกได้ว่าซูเทียนอ้ายไม่มีความสุข รีบ ฉีกยิ้มทันที พร้อมทั้งรีบปลอบโยน “พอแล้ว พี่สาว เรื่องนี้ก็ โทษกู้รั่วรั่วไม่ได้ ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้คุณก็เป็นถึงผู้จัดการ ใหญ่ของบริษัทสือรุ่ย ฉันคิดว่าถังรั่วชูจะมากความสามารถ ก็ไม่สามารถปีนขึ้นมาเหยียบหัวคุณได้ คุณก็ใช้โอกาสนี้มา จัดการเธอซะ อย่าให้เธอหยิ่งจองหองมากกว่าเก่า”

“งั้นยังต้องพูดเพื่อ!”

ซูเทียนอ้ายเงียบเชียบ สายตาที่สื่อออกมานั้น เหมือนมีแวว ส่องประกายออกมา
ถังเวย เธอตั้งตารอได้เลย

ครอบครัวตระกูล กำลังวางแผนการในการกำจัดถังรั่วซูกัน ยกใหญ่ แต่ว่าตัวต้นเหตุอย่างถังรั่วชู กลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ เกรงว่าคงไม่สมใจสักเท่าไหร่

เธอกล้าบ้าบิ่นต่อปากต่อคำกับผู้บริหารระดับสูงที่บริษัท ต่อหน้าสาธารณชนนั้น หรือว่าเธอยังจะต้องกลัวที่จะมาสู้กับ ตนเองอีกเหรอ?

คืนนั้น หลังจากถังรั่วชูเลิกงานแล้วก็มุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล ทันที จนเวลาล่วงเลยไปสองทุ่มถึงกลับมาถึงบ้าน

หลังจากเดินเข้าประตู เธอก็นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟา ดูจาก สภาพแล้วน่าจะเหนื่อยล้าอยู่มาก

เวลาที่เธอกลับมาถึงบ้านนี่แหละ ถือว่าเป็นเวลาที่เธอผ่อน คลายจากอาการเครียดที่มีมาทั้งวัน ปล่อยวางความประหวั่น พรั่นพรึง สามารถปลดปล่อยตัวเองออกมาได้ทุกสิ่งทุกอย่าง


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ