One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 245 ให้ฉันกอดหน่อย



ตอนที่ 245 ให้ฉันกอดหน่อย

ตอนที่ 245 ให้ฉันกอดหน่อย

รถเอสยูวีสีดำขับอยู่บนถนน ขับไปทางเส้นทางหลัง

เมือง

ในรถ สั่งอานหยีพยายามดึงประตู อยากเปิดประตูออก

แต่ประตูล็อกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เธอสามารถดึงออกได้ ง่ายๆ เหรอ?

หลังจากที่เสียแรงเปล่าไปตั้งนาน เธอยอมแพ้แล้ว หมุน ตัวมาถลึงตาโกรธใส่คนขับรถ

“เสิ่นโม่เฟย คุณเข้าใจไหมว่านี่เป็นการลักพาตัวไป? นี่ ผิดกฎหมายนะรู้ไหม?” เธอตะโกนเสียงดัง

เสิ่นโม่เฟยเบนความสนใจหันหน้ามองเธอ มุมปากโค้ง ขึ้น “เพื่อคุณแล้ว ผิดกฎหมายแล้วจะยังไง?”

สังอานหยีตะลึง จากนั้นหัวเราะเยาะ “อย่าเอาคําพูด แบบนี้มากล่อมฉัน ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบ

ยังมาพูดว่าเพื่อเธอแล้ว ผิดกฎหมายแล้วจะยังไง?ถ้าเธอให้เขาฆ่าคน เขาก็ฆ่าเหรอ?

“ผมฆ่า”

เสียงของเขาดังขึ้นทันใด

ส่งอานหยีเงยหน้าด้วยความประหลาดใจ สบสายตาที่ แน่วแน่ของเขา เวลานี้เธอถึงพบว่าเดิมทีตนเองไม่ระวัง พึมพำความในใจออกมาแล้ว

“งั้นคุณก็ฆ่าให้ฉันดูสิ” คำพูดสวยหรูกว่าทำจริง!

“ฆ่าใคร?” เขาถาม

“คุณ!”

คำหนึ่งที่เย็นเฉียบมาก ไม่มีความรู้สึกสักนิด

“คุณอยากให้ผมตายจริงเหรอ?” เสิ่นโม่เฟยถามอย่าง

สงบ

“ใช่ คุณตายแล้วฉันก็ไม่ต้องทุกข์ขนาดนี้แล้ว!” เหมือน ถูกบีบที่แผลเจ็บ สังอานหยีตวาดเสียงดังออกมา

ภายในรถจมอยู่ในความวังเวงราวกับความตาย
มือที่กุมพวงมาลัยแน่นขึ้นเล็กน้อย มุมปากกะพริบรอย

เขาถาม “ผมทำให้คุณทุกข์มากเลยเหรอ?”

ผมทำให้คุณทุกข์มากเลยเหรอ?

เสียงที่ฟังดูเหมือนปกติ แต่แฝงด้วยความเปล่าเปลี่ยว เงียบเหงา

ในใจฝืดๆ สั่งอานหยีปิดหน้า น้ำตาร่วงออกมาอย่างกลั่น ไม่ได้

เสียงสะอึกสะอื้นต่ำๆ ของเธอดังขึ้นข้างหู เสิ่นโม่เฟยก็ ไม่สบายมากเช่นกัน

หลายวันขนาดนี้ ถึงแม้ทำงานอยู่บริษัทเดียวกัน วันหนึ่ง

ก็ไม่เจอหน้ากันสักครั้งหนึ่ง

ใช่ พวกเขาเหินห่างกัน แต่ว่าในใจไม่สบายเลย

ถ้าวันนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของพี่สะใภ้ เกรงว่าพวกเขาคง

ไม่เจอกันอีก

ชั่วขณะที่มองเห็นเธอนั้น เขาถึงรู้ว่าตนเองคิดถึงเธอแค่ไหน

ยิ่งคิด เขาก็ยิ่งไม่อยากปล่อยเธอไป

จอดรถไว้ข้างทาง ปลดเข็มขัดนิรภัยออก เขาหมุนตัว ยื่นมือกอดเธอที่กำลังร้องไห้มาในอ้อมอก

“เส็นโม่เฟย คุณ………

ส่งอานหยีอยากจะดิ้นรน ข้างหูกลับมีเสียงที่เหมือน อ้อนวอนของเขาดังขึ้น

“ให้ผมกอดหน่อยก็พอ”

จมูกมีน้ำมูก น้ำตายิ่งไหลทะลัก

ทำไม? ทำไม?

เธอพึมพำอยู่ข้างหูของเขาไม่หยุด มือทั้งคู่อยู่บนหลัง ของเขาปล่อยเสียงร้องไห้ยกใหญ่

ดวงตาของเสิ่นโม่เฟยชื้น หมุนหน้าเข้าไประหว่างซอก คอของเธอ มือที่กอดเธอแรงยิ่งแน่น

ด้านนอก แสงยามค่ำที่มืดเข้มราวกับน้ำหมึกข้างถนนเต็มไปด้วยความเงียบไร้เสียง นกกาบนท้องฟ้ามองไม่ เห็นแสงสว่างสักนิด

หนาวเย็นเงียบสงบ

คนเรา พอเจอความสัมพันธ์ที่ถึงแม้ด้านหน้าเป็นเหวลึก ที่สุด ก็กระโดดเข้าไปอย่างไม่ลังเลสักนิด

ส่งอานหยีตื่นขึ้นมา พอลืมตาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ อยู่ใกล้แค่คืบ ฉากที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้อย่างกับภาพในหนัง ค่อยๆ ประกายเข้าในสมอง

เธอเสียใจเหรอ?

ไม่ เธอไม่เสียใจ

“อานหยี ถึงแม้จะเป็นเหวลึก ผมก็จะกอดคุณไว้แล้ว ตกลงไปด้วยกัน”

เขาพึมพำอยู่ข้างหูเธอ ฝังเข้าในร่างกายของเธอลึกๆ

วินาทีนั้น พวกเขาเป็นเพียงของกันและกัน ไม่มีการหมั้น ไม่มีคู่หมั้น
ยกมือลูบคิ้วตาของเขา ในสายตาเป็นความลึกซึ้ง

ผลลัพธ์ถึงแม้สำคัญ แต่สิ่งที่ยิ่งสำคัญคือระหว่างทาง

เธอยกริมฝีปากยิ้ม ขอเพียงทั้งสองคนรักกัน เหวลึกจะ น่ากลัวตรงไหน?

คิดได้แล้ว อารมณ์ก็เบิกบาน เธอบีบจมูกของเขาอย่าง

ซุกซน

พอมองทะเลที่ไร้ขอบ อานหยียืนขอบสุดของดาดฟ้า เรือ ยันเอวไว้ที่ราวกั้น ถลึงตาใส่เขาอย่างเย็นยะเยือก

“อานหยี อย่าทำเรื่องโง่ๆ ตรงนั้นมันอันตราย รีบเข้ามา”

เขาเข้าใกล้เธอด้วยความระมัดระวัง

แต่ตอนที่เขาอยู่ห่างกับเธอเพียงไม่กี่ก้าว เธอหมุนตัว กะทันหัน กระโดดลงจากดาดฟ้าเรือไป

“อานหยี!” เขาร้องเสียงตกใจ กระโดดตามลงไปแล้ว

น้ำทะเลหนาวเย็นมาก เขาลืมไปว่าตนเองว่ายน้ำไม่เป็น พยายามดิ้นรนจะลอยขึ้นผิวน้ำ แต่คลื่นทะเลแต่ละลูกซัดเข้ามา พึ่งโผล่พ้นน้ำมาก็โดนซัดกลับลงทะเล

เรี่ยวแรงค่อยหายไป การหายใจก็ค่อยๆ ลำบาก

ตอนที่เขาเหมือนใกล้จะตาย ลืมตาขึ้นทันใด สบเข้ากับ ดวงตางดงามที่ยิ้มกริ่มคู่หนึ่ง

“คุณตื่นแล้ว!” เจ้าของดวงตายิ้มถาม

รู้สึกโล่งจมูก หายใจสะดวกตามเดิม สมองค่อยๆ ตื่นตัว เข้ามา

เดิมทีหญิงสาวที่กระโดดลงทะเลเวลานี้กำลังท้าวศีรษะ ไว้ มองเขาอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

นั่นคือความฝัน เป็นฝันร้าย

แอบโล่งใจไปทีหนึ่ง เขาบีบแก้มของเธอ “คุณไม่กลัวว่า จะบีบจนผมตายเหรอ?”

คาดไม่ถึงมาบีบจมูกเขาไว้ ทำเอาเขาเกือบหายใจแทบ

ไม่ออก

“คุณไม่ได้ตื่นขึ้นมาแล้วเหรอ?” ส่งอานหยีกะพริบตา
“อืม ตื่นขึ้นมาแล้ว” ในสายตาประกายแวววาว เสิ่นโม่ เฟยพลิกตัวจับเธอไปไว้ข้างล่างตัว

ภายใต้ผ้าห่มทั้งสองคนล้วนไม่ได้ใส่เสื้อผ้า พอทับมา นี้ ร่างกายที่อบอุ่นของแต่ละฝ่ายแนบชิดเข้าด้วยกัน ไม่มี ช่องว่างสักนิด

รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาได้ชัดเจนมาก อดใจ สั่นไม่ได้ เธออยากผลักเขาออกโดยจิตใต้สํานึก “อย่าบ ฉันสิ มันไม่สบายตัวนะ”

“ไม่สบายตัว?” คิ้วปลายงอนยักขึ้น มุมปากมีรอยยิ้มเจ้า เล่ห์ เขาก้มหน้าลง แนบริมฝีปากไปที่ใบหูแดงระเรื่อของ เธอ “งั้นก็ทําเรื่องที่คุณสบายตัวหน่อย”

ขณะพูดก็ไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาเข้ามา เขาปิดริมฝีปาก เธอเอาไว้ ปิดความพยายามต่อต้านทุกอย่างของเธอไว้ หมดแล้ว

ห้องที่อ่อนโยนละมุนละไม

ทันใดนั้นเสียงมือถือเร่งด่วนดังขึ้น ทำลายบรรยากาศ

ในห้องลง

เหมือนจะมาจากจิตใต้สำนึก สั่งอานหยีผลักเสิ่นโม่เฟ ยลงไปจากบนตัวของตนเอง จากนั้นไม่สนใจตนเองว่าไม่ได้ใส่ชุดก็ปีนขึ้นมา วิ่งไปหยิบมือถือแล้วรับขึ้น

เธอรีบขนาดนี้เป็นเพราะเสียงโทรศัพท์นี้เป็นการตั้งไว้ เฉพาะคนคนหนึ่งเท่านั้น

“ทนายจง” พอรับขึ้นเธอรีบเรียกคนในสายนั้นไปทันที

ทนายจงคือทนายความว่าความคดีรับสินบนของพ่อแม่ เธอ เป็นทนายความที่ประธานสู้แนะนำให้

“อานหยี คดีรับสินบนของพ่อแม่เธออีกสองวันก็จะขึ้น ศาล เธอต้องทําใจเตรียมพร้อมให้ดีนะ”

เสียงนิ่งขรึมของทนายจงลอยเข้ามา

ทําใจเตรียมพร้อมให้ดี? สั่งอานหยีขมวดคิ้ว ถามอย่าง ร้อนใจ “ทนายจง นี่คุณหมายความว่าอะไรคะ?”

“สถานการณ์ซับซ้อนอยู่บ้าง พวกเราทางนี้ไม่มีหลักฐาน พอจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของพ่อแม่เธอ ส่วนบริษัทหยาง ชื่อกรุ๊ปทางนั้นกลับมีหลักฐานเพียงพอที่จะมายืนยันว่า พ่อแม่เธอรับสินบน ดังนั้นอาจไม่เป็นประโยชน์มากของ การตัดสินของศาลชั้นต้นต่อพวกเรา”

ส้งอานหยีร้อนใจแล้ว “ทนายจง คุณจะต้องช่วยฉันนะคะ พ่อแม่ฉันบริสุทธิ์จริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรับ สินบน

“อานหยี เธออย่าพึ่งร้อนใจ ถึงแม้พวกเราไม่มีความ มั่นใจว่าจะชนะ แต่บริษัทหยางซื่อกรุ๊ปก็เหมือนกัน ดังนั้น เธอต้องสงบอารมณ์ตัวเองก่อน อย่าด่วนสรุปอะไรที่ให้ โอกาสกับฝ่ายตรงข้าม

ทนายจงนิ่งสงบแบบที่เคยเป็นมา ทำให้ส่งอานหยีค่อยๆ สงบใจลงมา

ใช่สิ ทนายจงเป็นทนายที่เก่งกาจขนาดนั้น ต้องมีวิธีแน่

ทั้งสองคนคุยกันอีกสองสามประโยค สังอานหยีถึงวาง สายโทรศัพท์

“ต้องการให้ผมช่วยไหม?” ชุดตัวหนึ่งคลุมบนไหล่เธอตามมาด้วยเสียงที่ห่วงใยของเสิ่นโม่เฟย


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ