One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 195 กูรั่วรั้วได้รับการประกันตัวไปแล้ว



ตอนที่ 195 กูรั่วรั้วได้รับการประกันตัวไปแล้ว

ตอนที่ 195 กู่รั่วรั้วได้รับการประกันตัวไปแล้ว

ตอนที่พาตัวกู่รั่วรั่วกลับมาถึงบ้าน พ่อกับแม่ของเขายังไม่ได้ นอน ตอนที่พวกเขาเห็นหญิงสาวที่หมดสภาพอยู่ข้างกายเขา จนตกใจไปพักหนึ่ง

ฉินซือเหลียนเอามืออึดจมูกเอาไว้ พร้อมทั้งสีหน้ารังเกียจ พร้อมทั้งมาที่ลูกชายตนเอง “จี้หยินเฟิง ทำไมแกถึงได้คน ประเภทนี้เข้ามาในบ้าน? บ้านเราไม่ใช่องค์กรการกุศล”

เห็นได้ชัดว่าเธอออกจดจำอีกคนไม่ได้ว่าเป็นใคร

“คุณน้า ฉันคือกู้รั่วรั่ว”

พอเห็นว่าฉินซือเหลียนจำตนเองไม่ได้ กู้รั่วรั่วรีบออกตัวทัน

ควัน

“กู้รั่วรั่ว?”

ฉินซือเหลียนกับจี้หวินจื่อมองหน้ากัน จากนั้นสายตาก็จับจ้อง ไปทางลูกชายแกมขอร้องให้เขารับประกัน

“ใช่ เธอคือกู้รั่วรั่ว”

จี้หยินเฟิงพยักหน้า
“พระเจ้า!” ฉินซือเหลียนร้องเสียงหลงไม่อยากจะเชื่อ

คนที่สวยงดงามคนนั้นทำไมถึงได้กลายเป็นสภาพขอทานไป

ได้ล่ะ?

“มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” จี้หวินจื่อถามอย่างเสียงเข้ม

“คุณอ้า เรื่องทั้งหมดมันมาจากคนชั่วอย่างถังรั่วซูเป็นคนทำ คุณต้องออกหน้าช่วยฉันด้วยนะ”

พอเอ่ยถึงชื่อ “ถังรั่วชู” ออกมาสามคำ กู้รั่วรั่วได้แต่กัดฟัน อย่างแค้นใจ เดิมทีใบหน้าที่หมดสภาพของเธอพอเวลาโกรธ แค้นขึ้นมามันยิ่งบูดเบี้ยวหนักกว่าเดิม

จี้หวินจื่อกับฉันซือเหลียนตกใจ จนเซถลาถอยหลังไปหลาย

ก้าว

เมื่อเห็นภาพตามนั้น จี้หยินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นก็พูดออกมา “พ่อ แม่ เดี๋ยวผมพากู้รั่วรั่วไปอาบน้ำให้สะอาดก่อน อีกสักพัก พวกเราจะลงมาคุยด้วย

“ไปเถอะ รีบไป” จี้หวิน อสะบัดมือให้ไป เพื่อให้พวกเราเดิน ไปให้ไว กลิ่นนั่นมันตลบอบอวลจนเข้าอยากจะอาเจียนออก มาแล้ว

ฉินซือเหลียนรีบผละหนีไปอีกทาง กลัวว่ากู้รั่วรั่วจะเดินผ่าน ตนเอง แล้วกลิ่นนั้นมันจะติดตัวด้วย
หลังจากที่พวกเขาเดินไปแล้ว ฉันซือเหลียนขมวดคิ้วอย่าง รังเกียจ น้ำเสียงดูถูก “คุณจี้ คุณว่าคนอย่างนั้นจะคู่ควรกับจี้ หยืนเฟิงของเราหรือเปล่า?”

จี้หวินจื่อตบไหล่เธอเบา พร้อมทั้งพูดปลอบโยน “พอแล้ว รอ จนบริษัทถังชื่อกรุ๊ปมาอยู่ในมือก่อน จี้หยินเฟิงของเราจะไป ขอเมียแบบไหนก็ได้”

ฉินซือเหลียนทำเสียง “ฮึดฮัด” อยู่ในลำคอ น้ำเสียงยิ่ง ดูแคลนหนักกว่าเก่า “ถ้าไม่ใช่ว่าทุกอย่างเพื่อบริษัทถังซื่อกรุ๊ป เมื่อครู่ฉันจะให้เธอเข้ามาในบ้านได้ยังไง? มันช่างโชคร้ายดีๆ นี่แหละ”

พอพูดถึงตรงนี้ เธอดมกลิ่นตัวเอง แล้วขมวดคิ้ว “เหม็นมาก ฉันจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย”

“ไปเถอะ ไปเลย” จี้หวินจื่อสะบัดมืออย่างหมดความอดทนไป ทางเขา

“อะไรนะ?”

ยิ่งเซียวเซียวลุกยืนขึ้นทันทีจากขอบเตียง “ไม่ใช่ว่าสั่งการ ให้พวกคุณไปแล้วว่าไม่ว่าหน้าไหน ก็ไม่สามารถประกันตัวกู้ รั่วรั่วไปได้ไม่ใช่เหรอ?”
“คุณหนู ผู้กำกับท่านเป็นคนปล่อยตัวไปเอง” เสียงโทรศัพท์ ด้านนั้นมีแต่เสียงอื้ออึงไม่หยุด

“โธ่เอ๊ย!” ยิ่งเซียวเซียวโมโหจัดจากนั้นก็โยนโทรศัพท์ลง บนผ้าห่ม แล้วไม่สนใจที่ตนเองกำลังใส่ชุดนอน พร้อมทั้งใส่ รองเท้าแตะ เสียงเดิน “ลากเท้า” เดินลงจากชั้นด้านบนอย่าง รีบร้อน

จนหาตัวพ่อของเขาเจอที่ห้องอาหาร เธอเดินเข้าไปหา พร้อม ทั้งดึงเก้าอี้ออกมานั่งข้างเขา

“มีอะไร?” คุณพ่อของเธอละสายตาจากหนังสือพิมพ์ มอง มาทางเธอ ยิ่งเห็นสีหน้าที่โกรธกระฟัดกระเฟียดด้วยแล้ว ถึง กลับอดยิ้มไม่ได้ “ใครกันนะกล้ามาแหย่ให้ลูกสาวหัวแก้วหัว แหวนของฉันโกรธขึ้นมาได้เนี่ย?”

“ก็ลูกน้องพ่อที่พ่อดูแลอยู่นั่นแหละ” ยิ่งเซียวเซียวโมโหจน พ่นคำพูดออกมา

“หน่วยงานที่พ่อดูแลมีตั้งมากมาย ที่ลูกพูดนี่หมายถึงอันไหน กัน?”

“ก็หมายถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจนะสิ”

“เขาเหรอ” บิดาของเธอพยักหน้าให้อย่างตกใจ พร้อมทั้งถาม ต่อ “เขาทําอะไร?
“เขา…” ยิ่งเซียวเขียวอ้าปากเตรียมพูดเรื่องที่ผู้กำกับคนนั้น ท่าออกมา แต่สายตาที่มีแต่ความหวังดีนั้น เธอถึงกลับต้อง กลืนคำพูดทันที แล้วเอ่ยออกมา “เขาไม่มีอะไร”

เธอเป็นลูกสาวของเขา ความอัดอั้นที่อยู่ในใจของเธอ เขาที่ เป็นพ่อทำไมจะไม่รู้เรื่องไปได้ล่ะ?

บิดาของยิ่งเซียวเซียวจ้องมองเขาอยู่สักพัก จากนั้นก็เบน สายตาไปที่หนังสือพิมพ์แทน พร้อมทั้งพูดลอยๆ ไป “พ่อเคย บอกว่าลูกจะไปก่อเรื่องข้างนอก มันเป็นเรื่องของลูก แต่อย่า เอาชื่อของพ่อไปแอบอ้างเรื่องที่ไม่ควรทำ”

ยิ่งเซียวเซียวรู้ว่าบิดาของตนเองกำลังตักเตือนเธออยู่ เธอ ก็เข้าใจตำแหน่งที่สูงส่งของบิดา มีหลายคนที่อิจฉาเขา แล้ว ต้องการจะหาเรื่องกับเขา เพื่อเอาเขาให้ลงจากตำแหน่ง

ความวุ่นวายภายนอกเธอเข้าใจอย่างชัดเจน และก็เข้าใจ ความหมายของบิดาของตนเองด้วย

เธอได้แต่เบะปากให้ พร้อมพูดตกปากรับคำอย่างเชื่อฟัง “หนู รู้ค่ะ คุณพ่อ”

พูดจบ เธอก็ลุกขึ้น แล้วพาตนเองเดินออกจากห้องอาหาร ด้วยความเคร่งเครียดปวดสมอง

พอเธอเดินหายลับไป บิดาของเธอก็หยิบแก้วนมขึ้นมาดื่ม หนึ่งอีก พลันเอ่ยปากถาม “เสี่ยวหลี่ ช่วงนี้คุณหนูมีอะไรที่ผิดแปลกไปหรือเปล่า?”

เวลานั้นเอง ผู้ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่นอกห้องอาหารเดินเข้า มาด้านใน เขาเดินเข้ามาข้างกายของพ่อมิ่ง พร้อมทั้งก้มโค้ง คํานับพลางเอ่ยขึ้น “ไม่มีอะไรที่ผิดปกติ

พ่อยิ่งวางแก้วที่อยู่ในมือ แล้วเงยหน้าขึ้น สายตาคมกริบจ้อง มองไปที่เสี่ยวหลี่ แล้วใช้เสียงทุ้มเน้นย้ำ “เสี่ยวหลี่ แกทำงาน มากับฉันหลายสิบปีมาแล้ว เข้าใจนิสัยของฉันเป็นอย่างดี ฉัน ไม่ชอบคนโกหก”

เสี่ยวหลี่ใจเต้น พร้อมทั้งตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “ผมเข้าใจ”

พ่อยิ่งจ้องมองเขาอยู่สักพัก จากนั้นถึงได้พูดออกมา “ออกไป เถอะ”

เสี่ยวหลี่ถอนหายใจเงียบๆ พลางหันตัวกลับเดินออกไปทาง

ประตู

เวลานั้นเอง ด้านหลังกลับมีเสียงทุ้มดังขึ้น

“เสี่ยวหลี่ วันนี้แกใส่นาฬิกาสวยนะ”

เมื่อได้ยิน , เท้าของเสี่ยวหลี่สะดุด อีกนิดก็จะล้มแล้ว หลังจากยืนทรงตัวได้แล้ว เขารีบเดินอ้าว เดินออกไปอย่างเร่งรีบ

โรงพยาบาล

หยิบโจ๊ก สงอานหยีเป็นคนตักแล้วยื่นมาให้ ถังรั่วชูมองยิ่ง เซียวเซียวที่นั่งโมโหอยู่บนโซฟา

เธอถอนหายใจอย่างอดไม่ไหว จากนั้นก็พูดเกลี้ยกล่อม “พอแล้วเซียวเซียว คนก็ถูกปล่อยตัวไปแล้ว การที่แกมาโมโห กระฟัดกระเฟียดอยู่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร

การที่ไม่มีใครเอ่ยถึงก็ยังพอไหว พอมีคนพูดถึงเซียวเซียว แล้วถึงกลับโมโหขึ้นมา

“เธอพูดมาสิทั้งๆ ที่อีตาอ้วนนั้นตกลงกับฉันแล้ว ว่าจะไม่ ปล่อยให้กู้รั่วรั่วได้รับการประกันตัวออกไป ทำไมเขาถึงไม่ รักษาค่าพูดเอาไว้นะ?”

ที่ยิ่งเซียวเซียวพล่ามพูดว่า “อีตาอ้วน” นั้น มันหมายถึงผู้ กํากับการของเมืองเป่ยหนิง หน้าตาอวบอ้วนไปทั้งตัว

“แกเคยถามเขาไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นมา?” สั่งอานหยี ถามไถ่
“ถามแล้ว เขาว่าเขาเองก็ถูกกดดัน”

“ถูกกดดัน?” ถังรั่ว ขมวดคิ้ว “จี้หยินเฟิงไปขู่เขาเอาไว้ใช่

ไหม?”

จี้หยินเฟิงยักไหล่ “น่าจะ จี้หยินเฟิงคงหาจุดด้อยของอีตา อ้วนนั่น แล้วเอามาข่มขู่อีตาอ้วนแทน”

พอพูดถึงเรื่องนี้ ยิ่งเซียวเซียวโมโหจนอยากจะฉีกเป็นชิ้นๆ “โมโหจะแย่แล้ว! โมโหสุดๆ ไปเลย!”

“จี้หยินเฟิงช่างมั่นใจกู้รั่วรั่วจริงๆ” สังอานหยีเริ่มพูดเยาะเย้ย

ทั้งยอมทําเพื่อกู้รั่วรั่วคนเดียว ไม่เกรงกลัวการไปข่มขู่ผู้

กำกับการสถานีตำรวจ แถมยังกล้าบ้าบิ่นมาก ถังรั่วชูยิ้มเล็กน้อย “เขามีใจให้กู้รั่วรั่วที่ไหนกัน เขาก็แค่

สนใจแต่บริษัทถัง อกรุ๊ปเท่านั้นแหละ”

“หมายความว่าไง?” ส่งอานหยืมองเธออย่างไม่เข้าใจ อยู่ดีๆ ทำไมไปพูดถึงบริษัทถังซื่อกรุ๊ปไปได้ล่ะ

“ต่อไปเธอก็จะเข้าใจ” ตอนนี้ถังรั่วชูไม่อยากลงรายละเอียด ให้มาก ก็แค่พูดคลุมเครือเอาไว้เท่านั้น
ถึงแม้ว่าจะเพื่อนรักกัน แต่บางเวลาต่างก็มีความลับเป็นของ ตนเอง ดังนั้นส่งอานหยีเลยไม่ได้ถามต่อ แต่หันมาพูดกับยิ่ง เซียวเชียวแทน “พอแล้วเซียวเซียว อย่าโกรธเลย กินโจ๊ก เข้าไปหน่อยเถอะจะได้มีแรงไปสู้รบตบมือกับกู้รั่วรั่ว”

ยิ่งเซียวเซียวได้ยินแล้ว ถึงกับพยักหน้า “ใช่ สังอานหยีพูดไม่ ผิด ฉันต้องกินเยอะๆ ถึงจะได้มีแรงไปสู้กับคนจิตใจต่ำทราม คนนั้น”

พูดจบ เธอก็กินโจ๊กคำโต

พอเห็นภาพ ส่งอานหยีกับถังรั่วชูถึงกลับอดหัวเราะไม่ไหว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ