ตอนที่149 ฉันบ้าขึ้นมา คุณก็รับไม่ไหวหรอก
ตอนที่ 149 ฉันบ้าขึ้นมา คุณก็รับไม่ไหวหรอก
ก่อนไปทำงาน ถังรั่วชูโทรหาสังอานหยีเพื่อที่เธอจะไปรับเธอ แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่สามารถติดต่อได้
หัวใจของเธอหยุดเต้นอีกครั้งเธอกังวลว่าอานหยีจะทำเรื่อง อะไรโง่ๆ
คิดแล้วคิดอีก เธอจึงโทรหาเสิ่นโม่เฟย
“สวัสดี สายที่คุณโทรไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราวโปรดโทร อีกครั้งในภายหลัง …”
ทําไมโทรศัพท์มือถือของคนสองคนจึงใช้งานไม่ได้ในเวลา
เดียวกัน?
สู้ซือจิ่นนั้นเดินลงมาชั้นล่าง เขาเห็นเธอจ้องโทรศัพท์ด้วย ความงุนงงและขมวดคิ้ว เขาเดินเข้าไปหาและถามเบาๆ “เป็น อะไรไป?”
เมื่อได้ยินเสียง ถังรั่วชูก็เงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเคร่งเครียด “โทรศัพท์ของเสิ่นโม่เฟยและอานหยีติดต่อไม่ได้ทั้งคู่เลย”
“ทั้งคู่เลยเหรอ?” บังเอิญอะไรขนาดนั้นที่ทั้งสองจะติดต่อไม่ได้ในเวลาเดียวกัน?
“ใช่” ถังรั่วชูพยักหน้าพร้อมกับรอยกังวลบนใบหน้าของเธอ “ฉันเป็นห่วงว่าอานหยีจะทำอะไรโง่ๆ”
“เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอแบบนั้น” สู้ซือจิ๋นยิ้มให้กับเธอ “คุณ ไปทำงานก่อนเถอะ ฉันจะให้มู่หลิงไปตรวจสอบที่อยู่ของเงิน โม่เฟย บางทีเมื่อคืนเสิ่นโม่เฟยอาจจะเป็นกังวลและพาเธอ กลับบ้านไปก็ได้
ถังรั่วชูครุ่นคิดสักพักและรู้สึกว่าก็อาจเป็นไปได้เธอจึงพยัก หน้า “โอเค งั้นคุณรีบให้มู่หลิงไปตรวจดูเลยนะ”
“โอเค” ลูซือจิ่นลูบศีรษะเธออย่างเอาใจ
ทันทีที่เข้าไปในแผนกสื่อ ถังรั่วซูก็เห็นสังอานหยีกำลังนั่งอยู่ ที่เก้าอี้ของตัวเอง
เธอนิ่งไปชั่วครู่แล้วรีบก้าวไปหา
“อานหยี” เธอกล่าว
ถังรั่วชูจับมือเธอและพูดเบาๆ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรแล้วนะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างซีดและเหนื่อยล้าของเธอ ถึง วชู รู้สึกทุกข์ใจ
ทำไมไม่ลาพักเสียหน่อย?”
ส่งอานหยีส่งรอยยิ้มที่อ่อนแอออกมา “ฉันไม่เป็นไร”
แต่…” ถังรั่วชูต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นเธอส่ายหน้า
เบาๆ
“งั้นได้ ถ้ามีอะไรก็รีบบอกฉันทันทีนะ” ถังรั่วชูกล่าว
“ตกลง”
ถังรั่วชูกล่าวเสร็จแล้วก็กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
เธอรู้สึกไม่พอใจแทนอานหยี เธอจึงติดต่อเซียวเซียว ทั้งสอง คนตกลงนัดกันไปโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของหยางเชียน
เขียน
เดิมทีเรื่องแม่และพ่อของอานหยีนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข เธอก็ไม่อยากจะร้ายกับหยางเชียนเชียนให้มากนัก แต่ตอนนี้ นังตัวดีเดินมาถึงที่ พวกเธอจะพลาดโอกาสดีๆไปได้อย่างไร?
“พระเจ้า!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น ถังรั่ว รีบหันไปมองยัง ต้นตอของเสียง เห็นว่าหรูเสี่ยวหลินกำลังยืนอยู่ข้างๆโต๊ะของ อานหยีด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
จากนั้นเสียงโหยหวนของหรุเสี่ยวหลินก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ส่งอานหยี คุณยังใส่เสื้อผ้าของเมื่อวานอยู่ใช่ไหม ไม่ใช่ว่า เมื่อวานออกไปนัวกับผู้ชายที่ไหนมาแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ทัน หรอกใช่ไหม?”
เมื่อหรุเสี่ยวหลินกล่าวแบบนี้ เธอก็เหลือบมองถังรั่วชูที่นั่งอยู่
ไม่ไกล
ด้วยบุคลิกของถังรั่วชู เธอจะยืนหยัดเพื่อพูดแทนเพื่อนของ เธอ เมื่อเธอเห็นเพื่อนของเธอถูกรังแก
“หรูเสี่ยวหลิน เช้านี้ไม่ได้แปรงฟันมาหรอกเหรอ? ทำไมปาก เหม็นได้ขนาดนี้?”
สังอานหยีไม่ใช่คนที่จะยอมให้คนอื่นมารังแก เธอจะไม่แสดง ความอ่อนแอ
“แก…” หรุเสี่ยวหลินโกรธมากและเธอต้องการโต้กลับ มุมหาง ตาของเธอ เธอเหลือบไปเห็นร่างที่กำลังมาที่นี่ ความเย็นวาบ เข้าสู่ดวงตา
“คนประเภทเดียวกันมักจะอยู่ด้วยกันจริงๆ เป็นคนอย่างไรก็จะมีเพื่อนอย่างนั้น” หรุเสี่ยวหลินจงใจขึ้นเสียงของเธอและ กล่าวเน้นย้ำในแต่ละคำเพื่อคนที่เดินผ่านไปมา
“รองผู้จัดการหรุที่พูดวันนี้ก็จริงเกินไป”
ถังรั่วชูเดินไปตรงหน้าหรุเสี่ยวหลินและยิ้มให้เธอ “ฉันคิดว่า คนที่อยู่รอบกายรองผู้จัดการหรุก็เหมือนกับผู้จัดการหรุ เย่อ หยิ่งและโง่เขลาเหมือนกัน มีความคิดความปรารถนาเดียวกัน อยากขึ้นไปสู่จุดสูงสุดและแต่งงานกับคนรวย”
ถังรั่วชูกล่าวสิ่งเหล่านี้ด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มไม่ได้อยู่ใน สายตาของเธอ สายตาเธอนั้นเย็นชาราวกับหิมะในเดือน ธันวาคม
เมื่อผู้หญิงที่มีจมูกเช่นเดียวกับหรุเสี่ยวหลินได้ยินคำพูดเธอ และพวกเธอได้ยินคำพูดที่เจ็บแสบนั้นก็พร้อมจะหาเรื่องใน
ทันที
แต่ละคนก็เดินมาตรงหน้าของถังรั่วชู
“ถังรั่วชู เธอหมายความว่าไง?”
“ถังรั่วชู อย่าคิดว่าประธานหนุนหลังเธอแล้วเธอจะทำอะไร ก็ได้สิ!”
“ไม่รู้ว่าใครฝังใจเรื่องคู่หมั้นของพี่สาว แล้วยังมีหน้ามาว่าคน อื่นไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง โลกนี้มันช่างโกลาหลจริงๆ”
เมื่อฟังพวกเธอกล่าวมาในแต่ละประโยค ถังรั่วซูยังคงมีรอย ยิ้มบนใบหน้าของเธอและไม่ได้รู้สึกด้อยกว่าเลย
“พวกคุณ…
ถังรั่วชูนั้นสงบมากต่างจากสังอานหยีที่โกรธจนพูดไม่ออก
ถังรั่วชูเอื้อมมือมาตบไหล่ของเธอให้เธอสงบสติอารมณ์
เมื่อเห็นว่ารั่วชูนั้นสงบมาก สังอานหยีเองก็ค่อยๆใจเย็นมาก ขึ้น
เพราะเธอรู้ว่ารั่วชูจะไม่ปล่อยผู้หญิงที่กรีดร้องโหยหวนเหล่า
นี้ไปอย่างแน่นอน
แน่นอนถังรั่วชูคว้าแก้วน้ำชาบนโต๊ะจากนั้นเธอยกมือขึ้น น้ำ ในถ้วยก็หกใส่พวกของหรุเสี่ยวหลิน
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นมีเสียงกรีดร้องโหยหวนในห้องทำงาน
“เสียดายเนอะที่เป็นแค่แก้วไม่ใช่ถังใบใหญ่”
ถังรั่ว มองไปที่ถ้วยชาในมือของเธอและแสดงสีหน้าเศร้าใจ
“แต่นั่นคือน้ำเดือดที่ฉันเพิ่งรินมา”
ส่งอานหยีเห็นความตื่นตระหนกและความอับอายของหญิง สาวเหล่านั้น แม้ว่าเธอจะสนุกมากแต่ก็กลัวว่าจะเกิดรอยลวก ถ้าเป็นเช่นนั้นรั่ว อาจจะเดือดร้อนอย่างแน่นอน
“วางใจเถอะ น้ำร้อนแค่นั้นไม่มีลวกหรอก ส่วนใหญ่ก็แค่ผิว แดงเท่านั้น”
ถังรั่ว กล่าวเบาๆ สายตาของส่งอานหยีสั่นไหว ตั้งแต่เธอ คบกับประธานสู้เธอก็ก่อเรื่องอย่างไร้ความปรานีไม่มีความ เมตตา ไม่รู้เลยว่าจริงๆว่าสรุปแล้วมันเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่
“ถังรั่วชู บ้าไปแล้วหรือไง?” หรุเสี่ยวหลินชี้ไปยังหน้าของถัง รั่ว อย่างโกรธแค้นและก่นด่าเธอ
เนื่องจากหรุเสี่ยวหลินยืนอยู่ด้านหน้า น้ำส่วนใหญ่ก็หกลงบน แขนของเธอและผิวที่แขนของเธอก็กลายเป็นสีแดง
ดังนั้นเธอจึงโกรธมากจนอยากจะฉีกถังรั่ว
“อย่างที่คุณเห็นฉันป่วยเป็นโรค โรคบ้าคลั่งโดยไม่นึกถึงสิ่ง ต่างๆ คุณรับมือมันไม่ไหวหรอกนะ”
ถังรั่วซูยิ้มและหัวเราะเยาะ “หรุเสี่ยวหลินทางที่ดีคุณไม่ควร แกล้งส่งอานหยีนะ ไม่งั้น…”
เธอก้าวไปด้านหน้าและเข้าใกล้หรูเสี่ยวหลินและพูดด้วย ระดับเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน “ฉันคงไม่เอาเธอไว้”
พูดจบ เธอก็มองไปยังหรุเสี่ยวหลินอย่างเย็นชา จากนั้นก็หัน กลับมาคว้ามือของอานหยีแล้วจากไป
เมื่อเห็นหลีน่ายืนอยู่ที่ประตูห้องทำงาน ถังรั่วซูจึงเดินไป พร้อมกับอานหยี
“ผู้จัดการ วันนี้เราขอลา
หลีน่ามองพวกเธอจากนั้นก็มองไปยังพวกของหรูเสี่ยวหลิน และขมวดคิ้วแน่น “พวกเธอทะเลาะอะไรกัน?
“ผู้จัดการ จริงๆแล้ว…”
ส่งอานหยีนั้นอยากจะอธิบายแต่เธอรับรู้ได้ถึงมือของรั่วชู เธอก็หุบปากไปในทันทีและไม่กล่าวอะไรต่อ
“จริงๆแล้วอะไร?” หลีน่าถาม
“ผู้จัดการ จริงๆแล้วไม่มีอะไร คุณก็รู้ว่าฉันและรองผู้จัดการห รุไม่ลงรอยกันดังนั้นก็เลยต่อปากต่อคำกันเล็กน้อย”
“แบบนั้นหรอกหรือ
หลีน่าเองก็รู้สึกว่าหรุเสี่ยวหลินและถังรั่วซูนั้นไม่ถูกกันดังนั้น จึงไม่ถามอะไรให้มากความและอนุญาตพวกเธอ
ขอบคุณ หลิน่า
ถังรั่วซูยิ้มให้เธออย่างซึ้งใจและไม่กล่าวอะไร
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ