One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 194 ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ตบกันสักฉาด



ตอนที่ 194 ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ตบกันสักฉาด

ตอนที่ 194 ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ตบกันสักฉาด

ถังรั่ว รู้สึกเหมือนว่าตัวเองหลับไปนานมาก พอตื่นขึ้นมาก็ เห็นฝ้าเพดานสีขาว พลันคิดอยู่ชั่วครู่ แต่ว่าอาการบ้าคลั่งของ กู้รั่วรั่วมันดั่งอยู่ในโสตประสาทสมอง

เธอคิดได้ว่ากูรั่วรั่วถีบท้องของตนเองไปหนึ่งครั้ง มันเจ็บมาก

เจ็บเกินทน

ต่อมาหลังจากนั้น เธอเหมือนสูญเสียความทรงจำไป

เธอจ้องมองฝ้าเพดานอยู่ชั่วครู่ แล้วเลียฝีปากที่แห้งผาก ที่นี่ น่าจะเป็นโรงพยาบาล

จากนั้น เธอถึงได้หันหน้ามา

ใบหน้าหล่อเหลาตกอยู่ในเบ้าตา แววตาดูประหลาดใจ

ลูซือจิ่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

เขานอนหลับอยู่ข้างเตียง ขนาดนอนหลับ หัวคิ้วยังขมวดไว้ แน่น ดูท่าทางแล้วเหมือนว่านอนหลับไม่สนิท

กำลังเป็นห่วงเธออยู่
เธออยากจะยื่นมือไปนวดหัวคิ้วของเขาให้หยุดขมวด แต่ กลับถูกเขาคว้ามือเอาไว้แน่นแทน

แถมยิ้มหวานให้อย่างอดไม่ได้ หัวใจมีแต่ความซาบซึ้งกินใจ

ในเวลาเดียวกัน เธอก็รู้สึกเสียใจไปด้วย ถ้าไม่ใช่ว่าเธอคอย ดูแลตนเอง เขาก็ไม่ต้องมากังวลแบบนี้

ถอนหายใจแผ่วเบา เธอเรียกชื่อ “ซือจิ่น ซือจิ่น..”

ท่ามกลางความมึนงง จู้ซือจิ่นได้ยินเสียงคนเรียกชื่อตนเอง มันกลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เขาจำได้ดีว่าเป็นเสียงของชูชู

เลยลืมตาขึ้น พร้อมทั้งสบตากับดวงตาที่มีชีวิตชีวาดั่งสายน้ำ พลันตะลึงอยู่ชั่วครู่ แต่ว่าก็ตั้งสติได้ทัน ——

เธอตื่นแล้ว

เขานั่งตัวตรง สายตาเอาแต่จ้องมองใบหน้าเรียวเล็กขาวซีด พร้อมเอ่ยถามเสียงเบา “รู้สึกว่ามีเจ็บปวดตรงไหนบ้างไหม?”

ถังรั่วชูยิ้มให้แล้วส่ายหน้าหนี “ไม่มีนะ”

ถึงแม้ว่าจะมีตรงไหนที่ไม่สบายตัว เธอก็จะบอกว่าไม่มีเพราะว่าเธอไม่อยากให้เขากังวลกับเธอมากเกินไป

ทั้งๆ ที่ได้ยินคําตอบจากปากของเธอว่า “ไม่มี” อาการ เคร่งเครียดของเขาผ่อนคลายลงไปบ้างอย่างเห็นได้ชัด

ถังรั่วซูหันไปมองด้านนอกกระจกที่อยู่อีกทาง ก็เห็นว่าด้าน นอกมืดสนิท เลยถาม “พวกเขาไปไหนกันหมดล่ะ?”

รู้ว่าสิ่งที่เธอเอ่ยถามคือพวกของผู้ซึ่งเหยา สู้ซือจีนพยักหน้า “อืม ผมให้พวกเขากลับบ้านไปพักแล้ว

พูดจบ เขาปรับส่วนบนของหัวเตียงให้สูงขึ้น เพื่อให้เธอได้กึ่ง นั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง

“วันนี้โม่เฟยกับสังอานหยีคงตกใจแน่นอน”

ถังรั่วซูยิ้มอย่างเบื่อหน่าย เรื่องที่ตนเองบาดเจ็บจนทำให้ทุก คนกังวลจนหวาดกลัวเรื่องนี้ไปด้วย เธอเองก็รู้สึกขอโทษไป ด้วย

บางทีเหมือนจะรู้ใจเธอ ลูซือจิ่นจับมือเธอเอาไว้ พลางเอ่ย อย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องคิดมาก ขอแค่คุณกลับมาแข็งแรงเป็น ปกติ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าจะปลอบใจสำหรับทุกคนแล้ว”

ถังรั่วซูกะพริบตาไปมาอย่างขี้เล่น “งั้นฉันต้องรีบหายให้ไว เลย”
ลูซือจิ่นยิ้มเล็กน้อย ม่านตาดำส่งสายตาแวววาว พร้อมทั้งยืน มือออกไปลูบผมอันนุ่มสลายของเธอไปมาอย่างทะนุถนอม

สถานีตำรวจ

“ทําไมไม่ให้ประกันตัว?” จี้หยินเฟิงคอยถามนายตำรวจที่ ทํางานรับผิดชอบคดีนี้อย่างไม่เข้าใจ

ส่วนนายตำารวจที่รับผิดชอบคดีนี้ตอบตามความเป็นจริงว่า “ด้านบนสั่งกำชับมา ว่ากูรั่วรั่วจงใจที่ทําร้ายคนจนมีคนได้รับ บาดเจ็บไปด้วย มันเข้าข่ายคดีกระทำผิดโดยเจตนา อีกอย่าง ทางครอบครัวของผู้เสียหายเตรียมฟ้องกู้รั่วรั่ว ดังนั้น คุณไม่ สามารถประกันตัวออกไปได้”

“ผมต้องการประกันตัว ส่วนคนที่ได้รับบาดเจ็บ ทางผมจะไป ติดต่อกับทางครอบครัวของผู้เสียหายเอง

จี้หยินเฟิงยังคงตามตื้อไม่เลิก สิ่งที่เขาเห็น ก็แค่ถังรั่วชูถูก กู้รั่วรั่วเตะเข้าไปทีเดียว มันจะบาดเจ็บไปถึงไหนกัน ที่ทำ ทั้งหมดก็แค่จงใจที่จะจัดการกู้รั่วรั่วเท่านั้นแหละ

“ขอโทษด้วย ทางฝั่งผู้เสียหายปฏิเสธที่จะคุยเป็นการส่วน ตัว” ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ยิ้มให้
จี้หยินเฟิงขมวดคิ้วไว้แน่น ถังรั่วซูนี่มันหมายความว่ายังไง?

“ผมอยากพบหัวหน้าของพวกคุณ” จี้หยินเฟิงคิดถึงเส้นสาย ของบิดาของตนเองกับพวกเขา หรือว่าเขาสามารถใช้เส้นสาย ในการประกันตัวรั่วรั่วออกมา

“ขอโทษด้วย” ตำรวจที่ทำคดีนี้ยังคงยิ้มให้ “ดึกป่านนี้แล้ว หัวหน้าของพวกเรากลับบ้านพักผ่อนหมดแล้ว”

“พักผ่อนเหรอ?” จี้หยินเฟิงก้มหน้ามองนาฬิกาที่ข้อมือ แล้ว หัวเราะออกมา “ตอนนี้มันเพิ่งจะสี่ทุ่มกว่าเอง ตอนนี้เจ้านาย ของพวกคุณคงกำลังคิดว่าจะไปหาบรรดาอีหนูที่ร้านไหนดีมา กกว่ามั้ง”

นายตำรวจที่ทำคดีนี้ได้ยินแล้ว ถึงกลับชักสีหน้าทันที พลาง เอ่ยพูดอย่างเสียงแข็ง “คุณครับ คำพูดของคุณกำลังหมิ่น ประมาทอยู่นะครับ กรุณาระมัดระวังคำพูดด้วย”

จี้หยินเฟิงยิ่งรู้สึกตลกเข้าไปอีก “ทำไม? กล้าทำไม่กล้ารับงั้น สิ? บอกหัวหน้าของคุณ ถ้าผมไม่สามารถประกันว่าที่ภรรยา ของผมออกมาได้ ผมจะแฉเรื่องเลวทรามต่ำช้าของเขาออกมา ทั้งหมด”

เขาจ้องมองนายตำรวจท่านนั้น ด้วยอารมณ์โกรธ นาย ตำรวจท่านนั้นอ่อนข้อให้ทันที ได้แต่ลงบันทึกประจำวันอย่าง โมโห พร้อมทั้งรีบเดินออกไป
จี้หยินเฟิงหลังจากระเบิดอารมณ์ไปแล้วก็นั่งบนเก้าอี้พนักพิง อย่างสบายใจ เขารู้ว่านายตำรวจท่านนั้นเดินออกไปโทรศัพท์

ไม่นาน นายตำรวจท่านนั้นก็เดินกลับมา พร้อมทั้งสีหน้าไม่ พอใจแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้านายของเราแจ้งมาแล้ว ว่าคุณสามารถ ประกันเธอไปได้

จี้หยินเฟิงลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งกระตุกยิ้ม “ขอบคุณเจ้านาย ของพวกคุณแทนฉันด้วยแล้วกัน วันหลังจะมาเลี้ยงเขา”

พูดจบ เขาก็หยิบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าด้านในเสื้อ สูทหนึ่งใบ แล้วโยนลงบนโต๊ะ “ใบนี้ให้คุณ ขอบคุณที่คุณช่วย โทรศัพท์ไปหาเขา

ตบไหล่นายตำรวจท่านนั้น จี้หยินเฟิงเดินออกไปอย่างพอใจ

ห้องกักกันในสถานที่แห่งหนึ่งในคุก กู้รั่วรั่วนั่งจมปลักอยู่ที่มุม ห้อง ผมยุ่งเหยิง เสื่อยับยู่ยี่ ดูท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างมาก

มือทั้งสองข้างของเธอนั่งกอดเขาไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นมองผ่าน เส้นผมที่ยุ่งเหยิงพันกันเป็นพัลวันไปยังด้านนอก แววตามีแต่ ความหวาดกลัวอย่างเต็มเปี่ยม
แต่ว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงหลายคนที่กำลังพูดคุย กันอยู่หลายคนที่อยู่ตรงหน้านั้น บางครั้งก็ได้ยินเหมือนพูด อย่างดีใจ แถมยังมีเสียงดังเสียดหู

กู้รั่วรั่วรู้ว่าผู้หญิงหลายพวกนั้นเป็นพวกหญิงสาวในสถาน บันเทิง สาเหตุก็เพราะว่าก่อเรื่องเลยถูกจับตัวมา หญิงสาวที่ทำงานในสถานบันเทิงไม่ใช่คนธรรมดา คนแบบ

ไหนที่ไม่เคยเห็น พฤติกรรมก็จะเปลี่ยนไปในทางที่แย่หนัก

กว่าเดิม ยิ่งลงมือด้วยแล้วยิ่งทุ่มตัวสุดแรง

ดังนั้นพอตอนที่พวกเธอเห็นทางตำรวจพาตัวกู้รั่วรั่วมาใน ตอนนั้น สายตาของทุกคนต่างปรากฏความสนุกสนานอย่าง เต็มที่

ของเล่นมาแล้ว

กู้รั่วรั่วไม่รู้ว่าตนเองผ่านสมรภูมิรบอะไรมาบ้าง รู้แค่ว่าตนเอง ถูกผู้หญิงหลายคนนั้นเหยียบหน้าไว้ที่พื้น ทั้งมือทั้งเท้ากระทืบ ไม่ยั้ง แถมยังถูกดึงผมไปตั้งเยอะ

ถ้าไม่ใช่ว่าตัวเองตะโกนเสียงดัง เพื่อเรียกร้องจุดสนใจของ นายตำรวจที่กำลังเข้าเวรอยู่ เธอคิดว่าคืนนี้ตัวเองคงตายอยู่ ในนี้ไปแล้ว

“จี้หยินเฟิง รีบมาช่วยฉันให้ออกไปจากที่นี่เร็ว จี้หยินเฟิง จี้ หยินเฟิง…”
เธอพูดพร่ำไม่หยุด พร้อมทั้งนั่งก้มหน้ากอดเข้าเอาไว้ น้ำตา

ไหลไม่หยุด

เธอไม่กล้าร้องไห้ให้เสียงมันเล็ดลอดออกมา กลัวว่าหญิงสาว พวกนั้นจะได้ยิน จนกลัวว่าจะตบอีกครั้ง

จี้หยินเฟิงมองเห็นกู้รั่วรั่วในตอนนั้น เธอตัวแข็งทันที

ก่อนหน้านี้เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวสวยงามหวานหยดย้อย ทว่าในตอนนี้กลับหมดสภาพ ผมหลุดลุ่ย เสื้อผ้าก็ถูกดึงจน ขาดไปรูโหว่ สิ่งที่เห็นได้ชัดคือใบหน้าของเธอบวมจมูกเขียว เห็นได้ชัด มองไม่ออกใบหน้าเดิมของเธอเลยด้วยซ้ำ

“จี้หยินเฟิง!”

กู้รั่วรั่ววิ่งถลาเข้าสู้อ้อมกอดของเขา มือทั้งสองข้างกอดเอว เขาไว้แน่น พร้อมทั้งเอาหน้ามุดในอ้อมกอดของเขา พร้อมกับ ร้องไห้เสียงดัง

จี้หยินเฟิงได้กลิ่นเหม็นเปรี้ยวลอยมาเตะจมูกมัน มันเป็นกลิ่น ตัวของกู้รั่วรั่วที่ส่งกลิ่นออกมาจากอ้อมกอดของเขา

การได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาตั้งแต่เด็กกลิ่นแบบนี้สำหรับ เขาแล้ว อีกนิดก็จะอาเจียนออกมาแล้ว

เขาก้มมองตัวเธอที่อยู่ใกล้ผม แววตาดูรังเกียจออกมา แต่ว่า เขายังอดทนเอาไว้ แกล้งทำเหมือนดูอบอุ่นแล้วพูดออกมา“ไม่ต้องร้อง เรากลับบ้านกันเถอะ”

รั่วรั่วเงยหน้าขึ้น ใบหน้าน่าสงสารอยู่ในสายตาข ตาของเขา เขา ขมวดคิ้วเบาๆ เพื่อเป็นการปกปิดอาการรังเกียจที่ซ่อนอยู่ใน แววตาเอาไว้

แล้วเริ่มพูดปลอบโยนอีกครั้ง “ไป เรากลับบ้านกันเถอะ”


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ