One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 188 มีคนปวดใจแทน



ตอนที่ 188 มีคนปวดใจแทน

ตอนที่ 188 มีคนปวดใจแทน

หลังจากการประชุมของบริษัทเสร็จสิ้น ถังรั่วชูกับส่งอาน หยีเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกัน พอเดินออกมาจากห้อง ประชุมก็ถูกหญิงสาวหลายคนขวางทางเอาไว้

พอเงยหน้าขึ้นมามอง ถึงได้รู้ว่ามาจากฝ่ายประชาสัมพันธ์

นอกจากเพื่อนร่วมงานที่ทำงานอยู่ในฝ่ายเดียวกันมักจะคุ้น เคยกันอยู่ ส่วนฝ่ายอื่นก็แค่พยักหน้าทำความรู้จักกันแค่นั้น เอง จําหน้าได้แต่จําชื่อไม่ได้

หญิงสาวหลายคนท่าทางไม่ได้มาดีแน่ แต่ถังรั่วชูก็ยังคงยิ้ม ให้ พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “ไม่ทราบว่าพวกคุณมีธุระอะไรหรือ เปล่า?”

หญิงสาวหลายคนพวกนั้นใช้สายตาประเมินเธอย่างไม่ เกรงใจสักนิด จากนั้นก็พ่นล่มออกจากจมูกใส่พลางพูดว่า “หน้าตาแค่นี้เอง คิดว่าจะสวยมากซะอีก”

ส่งอานหยีได้ยินแล้วถึงกลับขมวดคิ้วทันที “นี่ หรือว่าพวกแก ไม่รู้ว่าการที่ออกมาพูดเรื่องหน้าตาคนอื่นมันเป็นเรื่องที่ไม่มี

มารยาทใช่ไหม?”

“เชอะ ฉันต้องมีมารยาทให้เธอด้วยเหรอ” หนึ่งในหญิงสาวพูดอย่างเลือดเย็น

“ใช่ ก็แค่เป็นคนรักของท่านประธาน มันมีอะไรที่น่าจะ ยกย่องเหรอ”

“ที่แกพูดออกมามันก็ไม่ถูกนะ เจ้าตัวจะไม่ได้รับการยกย่อง ได้ยังไงล่ะ? ถึงขนาดไปให้ท่าท่านประธานถึงที่ได้ ถือว่าเป็น ความสามารถยอดเยี่ยมมาเลยทีเดียว”

“ฮ่าๆ …” หญิงสาวหลายคนปิดปากหัวเราะต่อกระซิก

“พวกแก…” สั่งอานหยีโมโหจนอยากจะสั่งสอนพวกเธอให้

หลาบจํา

ทันใดนั้น ถังรั่วชูก็ยื่นมือออกไปดึงสังอานหยีเอาไว้ “สังอาน หยี อย่าไปเคียดแค้นพวกเธอเลย ไม่งั้นมันเหมือนจะลด คุณค่าของตัวเองให้ไowลง”

“ก็ใช่ สังคมกลุ่มคนlowสิ่งที่ทำคือการคอยเอาแต่อิจฉาคน อื่นแล้วหัวเราะเยาะคนอื่น” ส่งอานหยีพูดจาถากถาง

หญิงสาวหลายคนนั้นเมื่อได้ยิน ถึงกลับหงุดหงิดทันที “แก พูดว่าใครเป็นคนชนชั้นlow?”

“ใครยอมรับคนนั้นก็ใช่แหละ” สังอานหยีเชิดหน้าใส่
ถังรั่วชูถึงกลับปาดเหงื่ออย่างอดไม่ได้ ไม่ใช่บอกว่าไม่หา เรื่องไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงได้ไปหาเรื่องกันอีกล่ะ?

“มาดูกันว่าพวกเราจะตบปากคนอย่างแกให้ปากแตก”

หญิงสาวหลายคนนั้นพุ่งตรงมาที่ส่งอานหยีอย่างโมโห พร้อม ทั้งดึงผมของส่งอานหยีเอาไว้

“โอ๊ย! อีบ้า!” สงอานหยีร้องเสียงหลง เหมือนรู้สึกว่าหนังศีรษะ ของตนเองถูกดึงออกมา น้ำตาก็คลอเบ้าตา

ถังรั่วชูเห็นภาพนั้น รีบเข้าไปห้ามปราบหญิงสาวพวกนั้นเอา ไว้ ปากก็เอาแต่พร่ำบอก “ฉันขอเตือนพวกแก ถ้าพวกแกไม่ ยอมปล่อยมือ ฉันจะไปบอกท่านประธานให้ไล่พวกแกออก

แต่หญิงสาวพวกนั้นไม่สนใจคำเตือนของเธอเลย แถมยัง กระชากผมของสังอานหยีไม่ยอมปล่อย พร้อมทั้งใช้เล็กยาว จิกข่วนใบหน้าอานหยีอีกด้วย

ถังรั่วชูหมดความอดทน พร้อมทั้งตะโกนเสียงดังลั่น “หยุด การกระทำเดี๋ยวนี้”

ในเวลานั้น สถานการณ์กลับนิ่งลงทันที

หญิงสาวหลายคนถึงกับตกใจกับอาการโมโหของเธอ มือที่ กำลังกระชากผมอยู่ถึงกลับค้างเติ่งในทันที
ส่งอานหยีใช้เวลานั้นเองผลักพวกเธอออกไป แล้วดึงผมของ ตนเองออกมา แต่เธอลืมไปซะสนิทว่าตนเองใส่รองเท้าส้นสูง อยู่ การหมุนตัวกลับทันทีนั้นทำให้ตัวเองล้มลงไปทางด้านหลัง

ถังรั่วชูเห็นภาพนั้นแล้ว เลยส่งเสียงร้องอย่างตกใจ สงอาน

หยี!”

สวรรค์ ทำไมต้องเป็นฉันที่ต้องซวยแบบนี้ทุกครั้งด้วยนะ?

ความรู้สึกที่หมดหนทางเกิดขึ้นอยู่ในใจ สังอานหยียอมรับ ชะตากรรมพร้อมทั้งหลับตาลง เพื่อเตรียมตัวกับความเจ็บ

ปวดที่จะมาเยือน

ทว่ายังไม่ทันรู้สึกถึงรสชาติความเจ็บปวด แต่กลับถลาเข้าสู้ อ้อมอกอันอบอุ่นไปได้ กลิ่นมิ้นท์หอมสดชื่นเตะเข้าจมูกเธอ

กลิ่นอันแสนคุ้นเคย หัวใจเต้นผิดจังหวะยากแก่การอธิบาย

ได้

เธอหลับตาลง ไม่กล้าที่จะลืมตามองคนที่เข้ามาช่วยเธอด้วย

“ท่านประธาน”

ข้างกายกลับมีเสียงหวาดหวั่นของหญิงสาวหลายคนดังเข้า

โสตประสาท
เสียงที่ตามมาคือเสียงของชูชู “โม่เฟยดี คุณมา ไม่งั้นฉัน กลัวว่าอานหยีจะล้มลงไปแล้วสมองพิการไปด้วย

สมองพิการเลยเหรอ?!

ส่งอานหยีเบิกตาโต สายตาประสานกับดวงตาลึกซึ้งคู่นั้น

เธอตกตะลึงไปชั่วครู่ จากนั้นถึงได้เบนสายตา ไปยังถังรั่วชู พร้อมทั้งพูดด้วยความโกรธ “ถังรั่วชู แกพูดว่าใครจะล้มลงจน สมองพิการนะ?”

ถังรั่วชูได้แต่ยิ้มให้อย่างอบอุ่น แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

ความจริงแล้วที่ถังรั่วชูพูดไปอย่างนั้น เป็นเพราะว่าเธอเห็นว่า โม่เฟยต้องการที่จะช่วยส่งอานหยีเลยรีบเดินมาหา ทั้งๆ ที่ไม่ ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แต่เธอกลับหลับตาปี่ ขนตายาวสั่นอยู่ ตลอด

ดังนั้น เธอเลยจงใจที่จะพูดแบบนี้ ไม่พูดออกมาแบบนี้แล้ว เธอจะยอมลืมตาขึ้นมาไหมล่ะ?

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” เสิ่นโม่เฟยเห็นหญิงสาวที่กลับมีชีวิตชีวา ดังเดิม แววตาที่ยากแก่การคาดเดาความรู้สึกได้ พลางเอ่ย อย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไร ขอบคุณท่านประธานมากเลยค่ะ” ส่งอานหยีเพิ่งรู้ ว่าตนเองยังคงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่ เลยรีบกระโดดออกจากอ้อมกอดเขาทันที

น้ำเสียงของเธอพูดขอบคุณด้วยความเกรงใจตามมารยาท ทว่าแววตาของเงินไม่เฟยกลับเกิดอาการผิดหวังทอประกาย ออกมาอยู่ชั่วครู่ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

จากนั้น สายตาคมกริบก็จ้องมองไปทางหญิงสาวหลายคน นั้นที่เป็นตัวต้นเหตุในการก่อเรื่องขึ้นมา

“พวกคุณบอกผมหน่อยได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา” เขา พูดเสียงดังฟังชัด

“ฉัน…พวกเรา…” หนึ่งในหญิงสาวเสียงสั่นด้วยความหวาด กลัว ทำยังไงก็พูดติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นประโยคสักที

เสิ่นโม่เฟยกวาดตามองพวกเธออีกครั้ง จากนั้นสายตาก็มอง

ไปที่ถังรั่วชู “ผู้ช่วยผู้จัดการคุณถัง เรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น?”

น้ำเสียงของเขาเป็นน้ำเสียงของเจ้านายถามลูกน้อง เป็นน้ำ เสียงอย่างเป็นทางการไม่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสัก

หญิงสาวหลายคนนั้นต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่ใช่ต่างพูดกัน ว่าถังรั่วชูเป็นคนรักของท่านประธานเหรอ?

แต่ว่าสายตาที่ท่านประธานมองเธอกลับธรรมดาเหมือนปกติ ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย

หรือว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง?

“ไม่มีอะไร ก็แค่เรื่องทะเลาะกันนิดหน่อยของบรรดาผู้หญิง เท่านั้นเอง” ถังรั่วชูเองก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่โต เลย ให้คําตอบไปในทางสายกลางแทน

เสิ่นโม่เฟยขมวดคิ้ว พลันเข้าใจความหมายของพี่สะใภ้ทันที เลยพูดเสียงทุ้มกับบรรดาหญิงสาวพวกนั้น “ฉันพูดแล้วในที่ ประชุม ถ้าชอบที่จะหาเรื่องกัน การใช้หมาหมู่ในการทำร้าย พนักงานด้วยกัน บริษัทสือรุ่ยไม่ต้องการพนักงานพวกนี้”

“ครั้งนี้ถือว่าปล่อยผ่านให้ ครั้งหน้าถ้าฉันเจออีก จะไล่ออก ยกทีม”

หญิงสาวหลายคนนั้นตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน “ พวกเรา เข้าใจแล้วค่ะ ท่านประธาน

“งั้นก็กลับไปทํางานได้แล้ว”

ถังรั่วซูมองหญิงสาวหลายคนที่หนีอย่างไม่คิดชีวิต เลยอดไม่ ได้ที่จะพูดขึ้นมา “ความอิจฉาริษยาของผู้หญิงมันช่างน่ากลัว จริงๆ”

“เพราะงั้นพี่สะใภ้ต้องระมัดระวังให้มาก” เสิ่นโม่เฟยพูดไปยิ้มไป

“ทําไมล่ะ?”

“อาศัยพี่ใหญ่หน้าตาหล่อเหลาซะขนาดนั้น ต่อไปพี่สะใภ้ก็ ต้องมีศัตรูไม่หยุดหย่อนแน่นอน”

“ที่พูดมาก็ถูกอีก” ถังรั่วซูกัดเล็บตนเอง พร้อมทั้งทำท่าคิด อยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดแล้วตั้งใจทำท่าทางเหมือนว่าหยอกล้อ อย่างเอาจริงเอาจัง “หรือว่าฉันจะเอามีดไปกรีดหน้าเขาสักที”

“ไม่ได้!” ส่งอานหยีร้องอย่างตกใจ

ถังรั่วชูกับเสิ่นโม่เฟยหันมามองเธอด้วยความสงสัย สิ่งที่เห็น คือท่าทางของเธอใช้สมองคิดเรื่องอื่นๆ อย่างเขินอาย จนพูด ออกมา “ท่านประธานสู้หน้าตาหล่อเหลาขนาดนั้น หน้าเป็น แผลมันน่าเสียดายจัง”

ถังรั่วชูถึงกลับต้องมองบนให้ “ฉันยังไม่รู้สึกเสียดายเลย แล้ว แกจะใช้สิทธิ์ตรงไหนไปเสียดายล่ะ”

“ผมคิดว่าคุณอย่าเพิ่งห่วงใบหน้าของสามีของเธอที่จะเป็น แผลเลย ควรห่วงหน้าของตนเองก่อนจะดีไหม”

เมื่อได้ยินที่เขาพูด ถังรั่วชูถึงได้สังเกตรอยแผลบนใบหน้า ของสังอานหยี จนต้องพูดด้วยความรู้สึกปวดใจแทน “ทำไมถึงได้โดนข่วนเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ถ้ารู้ตั้งแต่แรกคงไม่ปล่อย ให้พวกนั้นไปง่ายๆ หรอก”

ใบหน้าของเธอมีรอยข่วนเป็นรอยอยู่หลายแห่ง มีเลือดไหล ออกมา เสิ่นโม่เฟยเองก็เจ็บปวดใจแทน พลางอยากจะยื่นมือ ออกไปลูบเบาๆ แต่นึกขึ้นได้ว่าถังรั่วซูก็ยืนอยู่ตั้งนั้นด้วย เลย รีบชักมือออกทันที

ทว่าถังรั่วชูก็ไม่ได้พลาดกับการกระทำที่เขาแสดงออกเพียง เล็กน้อยออกมา แววตาถึงกลับเปล่งประกายทันที จากนั้นเธอ ก็กอดแขนของสังอานหยีเอาไว้ พร้อมทั้งยิ้มให้ พร้อมทั้งพูด ความหมายเป็นนัยน์เอาไว้ด้วย “ไปเถอะ ฉันจะพาแกไปทายา เอง อย่าให้มีรอยแผล ไม่งั้นคงมีคนปวดใจแทนแน่”

พูดจบ เธอก็ใช้ตาสื่อความหมายเป็นนัยน์มองไปทางเสิ่นไม่ เฟยแทน

ส่วนคนที่ถูกพูดถึงรู้สึกเหมือนว่ามีคนรับรู้ความคิดของเขา ทางใจได้ในเวลานั้น ถึงกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่นอย่างอดไม่ ได้


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ