One heart รักเพียงเธอ

ตอนที่ 185 แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ถึงกับตาย



ตอนที่ 185 แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ถึงกับตาย

ตอนที่ 185 แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ถึงกับตาย

การที่มีคลิปวิดีโอปรากฏขึ้นมามันอยู่นอกเหนือแผนการของ ซูเทียนอ้าย จนทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิง หนักซ้ำแล้วซ้ำอีกคือ——

เสิ่นโม่เฟยกลับมาแล้ว

พอเขากลับมาถึงก็จัดงานแถลงข่าวให้นักข่าวมาประชุมทันที นิสัยปัจจุบันทันด่วนดั่งสายฟ้าฟาดมันทำให้ซูเทียนอ้ายหมด ปัญญาในการสู้รบตบมือ

“ผมในฐานะสํารงตำแหน่งเป็นประธานของบริษัทสอย ผม ขอโทษกับเรื่องนี้ที่มันส่งผลกระทบเป็นวงกว้างอย่างร้ายแรง ด้วย”

เมื่อเสิ่นโม่เฟยขึ้นเวทีเขาก็เริ่มกล่าวขอโทษก่อน จากนั้นค่อย พูดประเด็นหลักขึ้นมา “ถังรั่วชูเป็นนักข่าวที่ยอดเยี่ยมของบริ ษัทสือรุ่ยมาโดยตลอด การที่ต้องมาถูกกระทำจนให้เจ็บปวด ในครั้งนี้ ทางเราจะใช้กฎหมายในการดำเนินการให้เธอพ้น มลทิน ในเวลาเดียวกันทางบริษัทก็จะให้คนจัดการรวบรวม บรรดาคนที่ไปหมิ่นประมาทกับเธอตามเว็บไซต์ต่างๆ ถ้าไม่ ลบทางเราจะฟ้องกลับ

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จบลง ผู้คนที่อยู่ในเวลานั้นถึงกลับอื้ออึงกัน เป็นแถว บรรดานักข่าวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก พวกเขาไม่คิดเลยว่าบริษัทสือรุ่ยเพียงเวลาไม่กี่วัน ท่าทีการแสดงออกจะ เปลี่ยนไปได้เยอะซะขนาดนี้

หลังจากที่มีเรื่องเผยแพร่ออกมานั้น ทางบริษัทสือรุ่ยยังออก มาประกาศปาวๆ ในเนื้อหานั้นคือยอมรับว่าถังรั่วชูเป็นคนทำ

ถ้าจะบอกว่ามันเกี่ยวข้องกับคลิปวิดีโอ ถึงทําให้ท่าทางของบ ริษัทสือรุ่ยถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ นั่นก็ไม่สามารถเป็นไป ได้

เสิ่นโม่เฟยกวาดตามองกับเหล่าบรรดานักข่าว กระซิบ กระซาบอยู่ด้านล่างเวที พลางพูดเสริม “ตอนนี้ ผมยังมีเรื่องที่ ต้องประกาศเพิ่มอีกสองเรื่อง”

เดิมทีบรรดานักข่าวที่กำลังคุยกันโขมงโฉงเฉงอยู่ถึงกับหยุด ทันที ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้เขาพูด

“เรื่องแรก” เสิ่นโม่เฟยทำท่าชูนิ้วเลข 1 จากนั้นก็พูดอย่าง หนักแน่น “ทางบริษัท อยขอยกเลิกสัญญาระหว่างบริษัทกับ ซูเทียนอ้าย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอไม่ใช่ผู้จัดการใหญ่ของบ ริษัทสือ ยอีกต่อไป

บรรดานักข่าวเริ่มเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาทำท่า ทางชูขึ้นมาสองนิ้ว “เรื่องที่สอง ทางบริษัทสือรุ่ยขอยกเลิก สัญญาระหว่างกู้รั่วรั่ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอไม่ใช่นักแสดง ในสังกัดของบริษัทสือรุ่ยอีกต่อไป”
“โอเค การประชุมนักข่าวทุกท่านในวันนี้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้”

เสิ่นโม่เฟยลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ใช้มือข้างเดียวติดกระดุมเสื้อ สูท พลางเดินอ้าวห่างออกไป

บรรดานักข่าวด้านล่างเวที เมื่อนักข่าวเห็นภาพแบบนั้น ต่าง ลุกฮือ พุ่งมาทางเขา เพื่อจะได้สัมภาษณ์เขา

แต่บรรดานักข่าวที่เดินตามหลังเสิ่นโม่เฟยมานั้น ขวางพวก เขาเอาไว้ซะก่อน พวกเขาท่าได้มองด้านหลังของเขาที่หายลับ ไปต่อหน้าต่อตาเท่านั้นเอง

พอเสนโมเฟยเดินออกมาจากสถานที่จัดประชุมบรรดานัก ข่าว ก็เจอกับซูเทียนอ้าย

คนหลังเอาแต่ถลึงตาใส่เขาอย่างเย็นชา “ท่านประธานเสิ่น คุณหมายความว่ายังไง?”

เสิ่นโม่เฟยเหล่าตามองเธออยู่แวบหนึ่ง พลางแสยะยิ้มเย็นชา ให้ “ความหมายของฉัน? คุณจะไม่เข้าใจได้ไง?”

ซูเทียนอ้ายแอบยิ้ม น้ำเสียงเยาะเย้ย “ท่านประธานเสิ่น ฉัน เข้าใจเป็นอย่างดี เพื่อถังรั่วชูคุณถึงกลับต้องไล่ฉันออกเลย ใช่ไหม?”
“ทั้งๆ ที่คุณก็เข้าใจอยู่แล้ว แล้วยังจะถามผมทำไม” เสิ่นโม เฟยเหล่ตามองเธอแวบหนึ่ง พลางเดินเลี่ยงตัวเธอแล้วเดินมุ่ง หน้าต่อไป

มือที่อยู่ข้างกายกำหมัดแน่น แน่นที่ว่าขนาดเล็บจิกลงบน ฝ่ามือ เธอยังไม่รู้สึกเจ็บสักนิด

เธอได้แต่กัดฟันอย่างแค้นเคือง พลางหันกลับมองด้าน หลังของเสิ่นโม่เฟยที่เพิ่งเดินห่างออกไป ด้วยใบหน้าแวว เคียดแค้นชิงซ้งร้ายกาจอย่างน่าหวาดกลัว

เสิ่นโม่เฟย ถังรั่วชู อย่าเพิ่งได้ใจไป มันต้องมีเวลาที่ทำให้ พวกแกร้องไห้คร่ำครวญบ้างสิ

“ไม่คิดเลยว่าคนอย่างโม่เฟยจะมีความเด็ดเดี่ยวแบบนี้ด้วย”

หลังจากดูการประชุมบรรดานักข่าวเสร็จ ถังรั่วชูอดไม่ได้ที่ จะชื่นชมออกมา

ในสายตาของเธอ โม่เฟยก็เหมือนคนสองบุคลิก ทั้งขี้เล่นแล้ว ก็น่ารัก แต่พอทำเรื่องจริงจังขึ้นมากลับจัดการได้อย่างเด็ด ขาดสิ้นซาก

“มันก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ดูเลยว่าเขาโตมาด้วยครอบครัวแบบ
ไหน”

ซึ่งเหยามีความรู้สึกภาคภูมิใจ

“ไม่ได้โมคุณ คุณจะดีใจไปเพื่ออะไร” ยิ่งเขียวเซียวถึงกับ กลอกตามองบนให้เขาอย่างไม่ชอบใจ

“ยิ่งเขียวเขียว จะมีสักวันไหม คุณไม่ทะเลาะกับผม แล้วมัน จะทำให้คุณไม่มีความสุขงั้นสิ??” ลูซึ่งเหยาจ้องมองเธอด้วย สายตาแพรวพราว แววตามีแต่ความสนุกสุขใจปะปนอยู่

ยิ่งเซียวเชียวใจเต้น พลันรีบตอบโต้ทันที “นี่คุณคิดมากไป แล้วเนี่ย ฉันแค่ขี้เกียจทะเลาะกับคุณจะแย่”

พูดจบ เธอก็เอามือขึ้นมากอดอกแทน พลางหันไปทางอื่นไม่ ยอมมองเขาอีก

ซึ่งเหยาเลิกคิ้วให้ พลางหันไปพูดกับถังรั่วชู “พี่สะใภ้ ครั้ง นี้ซูเทียนอ้ายออกไปจากบริษัทสือรุ่ยแล้ว คุณคงไม่เกิดเรื่อง เสียหายอะไรขึ้นมาอีกแล้ว”

ทว่าถังรั่วชูไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดของเขา “เธอไปจากบริษัทสี อร่ย แต่ว่าถ้าเธออยากจะหมายหัวฉัน คงต้องคิดหาแผนการ มาจัดการฉันได้อยู่ดี อีกอย่างในตอนนี้ยังเพิ่มคู่แค้นเก่า ระหว่างเธอกับกู้รั่วรั่วคงเกลียดฉันจะแย่”

“ งั้น…. พี่ เราจัดการให้สิ้นซากไปเลย เพื่อจะได้ไม่ต้องมาขัดหูขัดตาอยู่อย่างนี้”

ลูซึ่งเหยาคิดหาวิธีจัดการที่เจ็บแสบ เพื่อประหยัดเวลาให้พี่ สะใภ้ที่ต้องมาถูกใส่ร้ายรอบแล้วรอบเล่า จนทำให้พวกเขา ต้องเป็นห่วงเป็นใยไปด้วย

ลูซือจิ่นเองก็ไม่ได้ตอบคำถามเขา แต่หันไปมองทางถังรั่ว พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ชูชูคุณว่าไง?”

ถึงแม้ว่าตัวเขากับลูซึ่งเหยาคิดไปในทางเดียวกัน แต่เขาก็ยัง คงเคารพในการตัดสินใจของเธออยู่เสมอ

“จัดการให้สิ้นซากไปซะทีเดียวมันก็ประหยัดเวลา แต่มันไม่ ค่อยได้ใจซะเท่าไหร่เลย”

ถังรั่วชูยังไม่ยอม ยิ่งเซียวเซียวเสนอความคิดของตนเองออก

มาก่อน

ถังรั่วซูครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็พูดขึ้นมา “ฉันเห็นด้วยกับ ความคิดของเซียวเซียว ค่อยๆ หว่านล้อม ไม่ต้องรีบร้อน”

“ทุกอย่างตามใจคุณเลย” สู้ซือจิ่นยื่นมือออกไปลูบเส้นผม ของเธออย่างทะนุถนอม

ถังรั่วชูยิ้มหวานหยดย้อยให้เขาเป็นการตอบแทน “ขอบคุณค่ะ”
ลูซือจิ่นยิ้มตอบ จากนั้นก็พูดกับลูซึ่งเหยา “ซูเทียนอ้ายออก ไปจากบริษัทแล้ว บริษัทสือรุ่ยก็ไม่มีผู้จัดการใหญ่ แกก็ไปท่า หน้าที่นี้อยู่สักระยะ เพื่อจะได้ดูแลพี่สะใภ้แกได้ด้วย”

“อือ ได้” ผู้ซึ่งเหยาตอบปากรับค่าอย่างเต็มอกเต็มใจ

อยู่ดีๆ เสิ่นโม่เฟยก็ลงมือจัดการแทบไม่ทันตั้งตัว จนให้เหล่า พวกตระกูลจี้ทำอะไรไม่ถูก วุ่นวายกันเป็นแถวๆ

“ตกลงว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” จี้หวินจื่อใช้มือทุบโต๊ะอย่าง แรง เขาโมโหจนถลึงตาขวาง เส้นเลือดปูดบริเวณขมับ

“เรื่องมันไปถึงขั้นนี้แล้วฉันเองก็คาดไม่ถึง”

การเผชิญหน้าระหว่างจี้หวินจื่อที่กำลังโมโหเกรี้ยวกราดอยู่ อารมณ์ของซูเทียนอ้ายกลับสงบนิ่ง ไม่มีอาการตื่นตระหนก

เลย

“คาดไม่ถึงเหรอ?” จี้หวินจื่อโมโหจัด “แกเก่งไม่ใช่เหรอ? ทำไมก็อีแค่ถังรั่วชูคนเดียวก็สามารถจัดการแกให้ไม่รู้จะทำ ยังไงต่อไปดีนะเหรอ?”

“น้าเขย คำพูดที่พูดมาดูจะแรงไปหน่อยไหม” ซูเทียนอ้าย มองไปทางเขาพร้อมทั้งถลึงตาใส่อย่างไม่เกรงใจ “ถึงแม้ว่า ฉันจะเก่งกว่านี้ ฉันแค่คนเดียว มันมีเรื่องมากมายที่ฉันไม่สามารถไปคาดเดาได้ ก็เหมือนครั้งนี้ ทั้งที่เกือบจะเขี่ยถังรั่ว ซูให้ไปพ้นทางอยู่แล้ว แล้วจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะมีคลิปนี้หลุด ออกมา?”

“แก…” มือที่ชี้ไปทางเธอสั่นไม่หยุด จี้หวินจื่อโมโหจัด

ฉันซือเหลียนที่มองเหตุการณ์อยู่ข้างๆ รีบเดินไปหาพร้อมทั้ง ลูบหลังเขาเบาๆ “คุณจี้ คุณอย่าไปโกรธเทียนอ้ายเลย เธอพูด ถูก เรื่องตั้งมากมายไม่สามารถคาดเดาได้ ถ้าเราต้องโทษก็ ต้องโทษกู้รั่วรั่ว แค่เรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้ยังทำไม่ได้เรื่องสักอย่าง แล้วจะไม่ให้เกิดเรื่องราวมากมายตามมาแบบนี้ได้ยังไง?”

“เธอเป็นไงบ้าง?” เริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง จี้หวินจื่อเริ่ม เอ่ยปากถามไถ่

ฉินซือเหลียนกระแอมในลำคอ พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก

ดูแคลน “จะเป็นไง? แค่เรื่องเล็กน้อยไม่ถึงกับตาย”

จี้หวินจื่อส่งสายตาตักเตือนคำพูดของเธอ “ถ้าเธอกลับมา แล้ว พยายามระวังน้ำเสียงเวลาที่คุณพูดออกมาด้วย คุณต้อง จดจำไว้ให้ดีที่เธอเคยพูดออกมาว่าอีกไม่นานบริษัทถังซื่อกรุ๊ ปก็จะกลายมาเป็นของเธอแล้ว”

“ฉันรู้น่า” ฉินซือเหลียนพูดตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

ตอนแรกที่ทําไปก็เพราะว่าเด็กนั่น แล้วก็หุ้นของบริษัทถังกรุ๊ปอีก 20 % พวกเขาถึงได้ยอมรับในตัวกู้ชั่วรั่วแบบ กล้ากลืนฝืนทน

แต่ในตอนนี้ก็ไม่มีเด็กนั่นแล้ว แต่ว่ายังเหลือบริษัทถังชื่อกร ปอยู่ ดังนั้นการแสดงออกของพวกเขาในเวลานี้ไม่สามารถ พลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้

รอจนวันที่สามารถควบคุมบริษัทถังชื่อกรุ๊ปได้ซะก่อน ค่อย ไล่กู้รั่วรั่วออกไป ถ้าเป็นแบบนั้นบริษัทถังชื่อกรุ๊ปก็ตกอยู่ในมือ ของตระกูล แล้ว


เพื่อการอัปเดตบทที่เร็วขึ้น กรุณาบริจาคสำหรับเว็บไซต์เพื่อซื้อบทใหม่! ขอขอบคุณ
THB

เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ