ตอนที่ 158 กลัวทำเธอเจ็บ
ตอนที่ 158 กลัวทำเธอเจ็บ
นำน้ำวางไปบนโต๊ะ ส่งอานหยีที่ด้านหนึ่งได้ลูบไปที่ตรง ความเจ็บที่ชนตรงหน้าผาก อีกด้านหนึ่งก็เดินไปถึงด้านข้าง ของถังรั่วซู
“ประธานเสิ่นพูดว่ายังไง?” สังอานหยีถาม
ถังรั่วซูหันหัวเข้ามามองเธอ ในสายตามีร่องรอยของความ ชอบลอยขึ้น “ส่งอานหยี เธอก็สนใจว่าโม่เฟยพูดอะไรขนาดนี้ เลยเหรอ?”
อ๋?” ส่งอานหยีมองเธออย่างน่าขำ “ฉันสนใจเขาทำไม? ฉัน คือสนใจเธอ อยากถามว่าประธานเสิ่นจัดการหรุเสี่ยวหลินยัง ไง”
“ใช่เหรอ?” ปลายคิ้วได้ยกขึ้น ถังรั่วชูหัวเราะแล้วหัวเราะอีก ก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจ เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปตรงๆ “เพิก ถอนตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการของหรุเสี่ยวหลินแล้ว”
เห็นว่าเธอไม่ได้ติดตามถามเรื่องเกี่ยวกับเสิ่นโม่เฟยต่อ สั งอานหยีจึงได้แอบๆโล่งใจแล้ว หลังจากนั้นก็ได้ยินถึงว่าหรุ เสี่ยวหลินได้ถูกเพิกถอนตำแหน่ง ในชั่วพริบตาทั้งคนก็ได้ตื่น เต้นแล้ว
“จริงเหรอ? เพิกถอนตำแหน่งของหรูเสียวหลุมแล้วจริงๆ เห รอ?”
แน่นอนว่าคือเรื่องจริงสี” เมื่อเห็นเธอตื่นเต้นเช่นนั้น ถึงตัว ” จึงอดกลั้นความฉลาดไว้ไม่อยู่ และได้ส่ายหัวไปมาอย่างจน ปัญญาแล้ว
เวลานี้ก็ดูเธอว่ายังคงกำเริบเสืบสานยังไงอีก!
เพียงแค่คิดถึงอาวุธก่อนหน้านี้ของหรุเสี้ยวหลินที่เธอเป็นผู้ ช่วยผู้จัดการ รังแกถังรั่วไม่น้อย สั่งอานหยีก็ได้โกรธสะสม ไม่พอใจมานานในที่สุดก็ได้จุดชนวนเกิดอยู่บนบางเรื่อง
เพียงแค่ในที่สุดตอนนี้ได้ระบายความโกรธแล้ว
“ฉันยังมีข่าวดีเรื่องหนึ่งบอกเธออีก”
“ข่าวดีอะไร?”
ส่งอานหยืมองถังรั่วซูไว้อย่างไม่สบายใจ
“เพิกถอนตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการของหรูเสี่ยวหลินแล้ว และ ยกให้เธอรับช่วงต่อตำแหน่งนี้
หรุเสี่ยวหลินโง่ไปแล้ว เป็นเวลานานที่ไม่ได้สติกลับมา
ถังรั่วชูคิ้วขมวดขึ้น ยกมือแกว่งไปแกว่งมาตรงหน้าเธอ “สั งอานหยี เธอนี่คือดีใจจนโง่ไปแล้วเหรอ?”
ทันใดนั้น อ้า!” สงอานหยีได้ระเบิดเสียงตะโกนร้องออกมา เธอตื่นเต้นจนจับมือของถังรั่วชูไว้ “ถังรั่วชู คาดไม่ถึงว่าฉันจะ ได้ขึ้นเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแล้ว เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
มุมสายตาได้ดึงขึ้นเล็กน้อย ถังรั่วชูได้ดึงมือของตัวเองออก จากในมือของเธอ จากนั้นได้มองค้อนใส่เธออย่างอารมณ์ไม่ ดี “ดูความคืบหน้านี้ของเธอ ก็ผู้ช่วยผู้จัดการคนหนึ่งก็ตื่นเต้น แบบนี้ หลังจากนี้หากว่าได้เป็นถึงผู้จัดการใหญ่อย่างนั้นไม่ได้ บ้าแล้ว”
“เธอไม่เข้าใจ ถังรั่วชู ฉันคิดว่าตลอดว่าชีวิตนี้ของฉันก็เป็น ได้เพียงนักข่าวตัวเล็กๆคนหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรมาไม่กล้าคิดเพ้อ เจ้อเป็นผู้ช่วยผู้จัดการอะไรเลย ผู้จัดการพวกนี้นะ เพราะว่า ฉันคิดว่าเรื่องดีๆแบบนี้จะไม่วนมาไม่ถึงฉัน”
ส้งอานหยียิ้มโง่ๆอยู่ตลอด แต่คำพูดพวกนี้ที่ได้พูดออกมา ทำให้ถังรั่วชูมีความเศร้าใจอยู่บ้าง
“คนโง่ เธอยอดเยี่ยมขนาดนี้ เป็นทองคำที่มักจะส่องแสง สว่าง” ถังรั่วชูได้ลูบหัวของเธอไปมาด้วยความรักและสงสาร
สังอานหยีได้หัวเราะโง่ๆพุ่งใส่เธอ “ใช่สิ เป็นทองคำที่มักจะ ส่องแสงสว่าง”
ถังรั่วชูหัวเราะแล้วหัวเราะอีกอย่างอ่อนโยน และไม่ได้พูด
อะไรอีก
ทางด้านนี้เมื่อเสิ่นโม่เฟยวางสายโทรศัพท์ของพี่สะใภ้ ก็ได้ รีบต่อสายให้กับลูกพี่ลูกน้องชายทันที
“พูด”
คำในประโยคที่กระชับว่องไวมาก สอดคล้องเป็นอย่างมาก ต่อนิสัยเฉพาะตัวของลูกพี่ลูกน้องชายของเขา
“พี่ชาย ฉันมีเรื่องต้องพูดกับพี่” ในน้ำเสียงของเสิ่นโม่เฟยยังมี ร่องรอยของความระมัดระวังอยู่
ทางด้านนั้นเต็มไปด้วยความเงียบ ไม่มีเสียงเลยแม้แต่น้อย นิด มีความกดดันกับความน่ากลัวของคนไปโดยปริยาย
เสิ่นโม่เฟยกลืนน้ำลายแล้วกลืนอีกถึงได้เปิดปากพูดช้าๆ:”พี่ ชาย วันนี้พี่สะใภ้เกิดเรื่องนิดหน่อย……”
“อืม?” ในน้ำเสียงพยางค์เดียวที่ทะลุถึงร่องรอยของความเย็นชา
ที่ด้านหลังของเสิ่นโม่เฟยได้เย็นขึ้น ทันใดในเวลานั้น เขาก็เริ่มมีความคิดที่จะทิ้งโทรศัพท์ไปตรงๆขึ้นมาแล้ว
แต่เมื่อวนกลับมาคิดถึง หากว่าตัวเองตอนนี้ไม่ได้เป็นฝ่าย บอกเขาเองล่ะก็ ผลสุดท้ายจะต้องน่าเวทนามากน่าเวทนามากแน่ๆ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้กัดฟัน ไม่มีร่องรอยของการทำแบบลวกๆ เลยสักนิดนำเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปทั้งหมดบอกผู้ชายใน โทรศัพท์ทางด้านนั้น
ก็ได้เต็มไปด้วยความเงียบอีกแล้ว ใบหน้ารูปงามของเสิ่นโม่ เฟย ได้เต็มไปด้วยความทุกข์ เวลานี้ตัวเองจะต้องยากที่จะ แก้ตัวว่าเป็นความผิดของเขาแล้ว
นานมากที่น้ำเสียงต่ำลึกที่เย็นชาได้ดังนั้น
“แอฟริกามีโครงการรายการหนึ่ง..…
เขายังไม่ได้พูดจบ เสิ่นโม่เฟยก็รีบรับเข้ามาทันที “พี่ชาย ที่ ที่ไกลแบบนั้นพี่ไม่เหมาะที่จะไป พี่ยังต้องอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้ มากหน่อย ฉันไปแทนพี่”
เมื่อพูดจบ ตอนนี้ เสิ่นโม่เฟยก็อยากจะร้องไห้มาก
“อืม จำไว้ว่าหลังจากกลับมาแล้วเขียนรายงานชุดหนึ่งมอบ ให้กับฉัน”
ยังต้องเขียนรายงาน? ตอนนี้เสิ่นโม่เฟยไม่เพียงแต่อยาก ร้องไห้ยังคงอยากตายอีกด้วย
ทำไมเขาจะต้องถูกลูกพี่ลูกน้องชายกดดันจนขีดสุดล่ะ? ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ควรจะเป็นพี่ชายรักและเอ็นดูน้องชายงั้นเห รอ?
ก็ได้อยู่ในตอนที่เสิ่นโม่เฟยร้องโหยหวน โทรศัพท์ทางด้าน นั้นก็ได้ถ่ายทอดคำพูดที่เบาหวิวเข้ามาประโยคหนึ่ง
“คุณตาทางด้านนั้น ฉันจะช่วยนายหาทางออก”
ก็ได้ เสิ่นโน่เฟยถอนหายใจไปแล้วฟอดหนึ่ง คุณปู่บ้านเขา ฟังเพียงคําพูดของลูกพี่ลูกน้องชายเท่านั้น ดังนั้นมีบางเรื่อง ทําได้เพียงพึ่งพาลูกพี่ลูกน้องชายออกหน้าช่วยเขาแก้ไข
นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเขาเลื่อมใสศรัทธากับเคารพยำเกรง ลูกพี่ลูกน้องชายมากมาโดยตลอด
เมื่อรู้ว่าเธอมีแผลถูกลวกแล้ว สู้ซือจิ่นก็ทิ้งงานในมือลง รีบ กลับบ้านอย่างรีบร้อน
ผลักประตูห้องนอนออก สายตาก็เห็นถึงเงาที่นอนอยู่บนเตียง
เดินไปถึงด้านเตียงจากนั้นได้ก้มหัว สายตาทั้งหมดได้ตกไป อยู่บนใบหน้ารูปไข่ที่เงียบสงบของเธอ ลูกตาดำที่ขมับก็ได้ กระเพื่อมลำแสงบางๆของความเมตตาออกมา
เส้นสายตาได้มองไปยังด้านล่าง คอเสื้อชุดนอนของเธอมี ความต่ำอยู่หน่อย ดังนั้นเขาได้เห็นถึงหน้าอกที่แดงมากของ เธอแล้ว
ใจที่ยืนหยัดแน่วแน่ได้คว้าและดึงเข้ามาจับไว้แน่นแล้วครู่ หนึ่ง คิ้วรูปดาบขมวดไว้แน่น ในสายตาเขียนเต็มไปด้วยคำว่า รักและสงสาร จากนั้นก็ยื่นมือคิดจะไปสัมผัส แต่ตอนที่ใกล้จะ สัมผัสถึง นิ้วมือก็ได้งอขึ้นมาแล้วช้าๆ
เขากลัวทำเธอเจ็บ
ถังรั่วชูที่นอนได้อย่างเลอะเลือน ก็ได้รู้สึกว่ามีคนจมดิ่งกำลัง มองตัวเองอยู่
แต่นี่คือในบ้านของตัวเอง จะมีคนมองเธอได้ยังไงกันล่ะ?
ต่อสู้ดิ้นรนเสร็จไปแล้วครู่หนึ่ง เธอถึงได้เปิดตาออกช้าๆ น้ำ เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยได้ตกเข้าสู่ในสายตา
“อู๋ซือจิ่น” ทั้งหมดไม่ได้ไปคิดว่านั้นคือใคร เธอก็ได้พูด ตะโกนหลุดปากตรงๆ
เมื่อได้ยินเสียงของเธอ ลูซือจิ่นได้เก็บสายตาที่อยู่ตรงหน้าอกเธอกลับไป มองไปทางเธอ จากนั้นก็ได้ยิ้มเล็กน้อย: “อืม คือฉัน”
“นายกลับมาแล้วได้ยังไง?”
เขาไม่ใช่ว่าควรจะทำงานอยู่เหรอ?
ถังรั่วชูลุกขึ้นนั่ง อู๋ซือจิ่นนำหมอนรองไปที่ด้านหลังของเธอ
สายตาได้กวาดไปยังแผลตรงหน้าอกของเธอ จากนั้นเขา ก็ได้พูดอย่างจืดจาง: “กลับมาดูเธอ”
สังเกตถึงสายตาของเขา เธอจึงได้ยกคิ้วขมวดขึ้น “โม่เฟย บอกนายแล้ว”
เขาไม่ได้ตอบ แต่ในสายตาของความรักและสงสารกลับได้
มองออกได้ง่าย
ถังรั่วชูได้ยิ้ม “ก็เป็นเพียงแค่แผลถูกลวกเบาๆเล็กน้อย ไม่ได้ มีปัญหาใหญ่อะไร นายไม่ต้องเป็นกังวล”
“ล้วนแดงจนเป็นแบบนี้ ก็เป็นเพียงแค่แผลถูกลวกเบาๆเล็ก น้อย?” อู๋ซือจิ่นขมวดคิ้วแน่น “ฉันพาเธอไปให้หมออีกคนหนึ่ง ตรวจดู”
ตอนที่พูด เขาก็ต้องการอุ้มเธอขึ้นมา
“ไม่เป็นไร” ถังรั่ว ยกมือต่อต้านอยู่ตรงหน้าอกของเขา จาก นั้นก็ได้ยิ้มอย่างจนปัญญา “ไม่เป็นไรจริงๆ เป็นเพียงแค่แผล ถูกลวกเบาๆเล็กน้อย และหลังจากที่ทายาฉันก็รู้สึกดีขึ้นมาก แล้ว”
เห็นเขายังคงไม่เชื่อ ถังรั่วซูจึงได้ส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ หลังจากนั้นก็กุมมือเขาเอาไว้ เงยหน้ามองเข้าไปในลูกตาดำ ของเขาตรงๆ จากนั้นก็เบะปากอย่างรู้สึกน้อยใจมาก: “ฉัน อยากกินโจ๊กที่นายทำ
ลูซือจิ่นจ้องเขม็งอย่างลึกซึ้งไปที่เธอ รู้ว่าเธอคือไม่อยากให้ เขากังวลเกินไปเคร่งเครียดเกินไปถึงได้เปลี่ยนความสนใจ ออกไปอย่างสุดความสามารถแล้ว
เขาบีบแล้วบีบอีกไปที่มือของเธอ หลังจากนั้นก็ได้ปล่อยออก “อยากกินโจ๊กอะไร
ใบหน้าของถังรั่วชูเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “โจ๊กทะเล”
“รอก่อน” ซึ่งได้ลูบไปลูบมาที่เส้นผมของเธออย่างรักและ เอ็นดูมากจนเกินไป จากนั้นเขาก็ได้หมุนตัวเดินออกจากห้อง ไป
เห็นเงาของเขาหายไปอยู่ตรงประตู ถังรั่วชูก็โล่งใจแล้ว ทันที หลังจากนั้นด้านริมฝีปากก็ได้แสดงถึงรอยยิ้มของความสุขที่ หวานชื่นขึ้นมาแล้ว
เขานี่คือทิ้งงานก็กลับมาดูเธอ เห็นถึงว่ามีความกังวลมากแค่ ไหน แต่เธอไม่หวังว่าเพราะตัวเองอีกทั้งได้ส่งผลกระทบถึง การทํางานของเขา
กัดริมฝีปาก เธอได้ตัดสินใจสิ่งหนึ่งไว้แล้ว
รออีกเดี่ยวตอนที่กินข้าว เธอต้องพูดกับเขาดีๆ
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ