ตอนที่ 217 ฉันเกลียดนาย
ตอนที่ 217 ฉันเกลียดนาย
ส่งอานหยีเงยหน้า หลับตาปล่อยให้สายนํ้าไหลกระทบใบหน้า
ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองจนไม่รู้สึกถึงคนข้างหลังที่ กำลังค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
ทันใดนั้น ที่เอวก็ถูกบีบแน่น เธอลืมตาขึ้นมาทันที หันหน้าไป สมเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยโทสะ
“นี่เธอกําลังทำอะไรอยู่ ทรมานตัวเองหรือกำลังทรมานฉัน”
เสิ่นโม่เฟยไม่คิด และคิดไม่ถึงว่าน้ำนั้นจะเป็นน้ำเย็น เสี้ยว วินาทีที่มือเขาสัมผัสถูกน้ำเย็นนั้น ความโกรธก็ปะทุขึ้นภายใน จิตใจ
เมื่อประเชิญหน้ากับคำถามแบบขวานผ่าซากของเขา สังอาน หยีก็เบือนหน้าหนีด้วยความเย็นชา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ นาย”
น้ำเสียงและคำพูดเย็นชาไร้ความรู้สึก
ม่านตาของเสิ่นโม่เฟยหดลง มุมปากค่อยๆขยับเป็นรอยยิ้ม เย็น “รู้สึกเสียใจแล้วเหรอ”
สงอานหยีไม่ได้ตอบกลับ
เสินโม่เฟยหรี่ตาลง ในดวงตาปรากฏแววแห่งความอันตราย เขายกมือขึ้นจับตรงคางเล็กๆของเธอ บังคับให้เธอหันมา สบตากับตัวเอง แต่เธอกลับเบือนสายตาอย่างแข็งขืนไม่ยอม มองไปที่เขา
เขายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ขยับตัวเข้าไปชิด ตอน ที่ริมฝีปากกำลังจะกระทบลงเธอนั้น เธอก็เบือนหน้าหนีอย่าง แรง หลบหลีกจากการบีบบังคับของเขา
“เสิ่นโม่เฟย อย่าให้ฉันต้องเกลียดนายนะ” เธอพูดอย่างเย็น
ชา
“เกลียดฉัน ?” คิ้วของเงินไม่เฟยขมวดขึ้นเล็กน้อย แล้วมือก็ ลูบไล้ไปตามส่วนโค้งส่วนเว้าอันสวยงามของเธอขึ้นมาเรื่อยๆ สัมผัสของปลายนิ้วเต็มไปด้วยความรู้สึก
“แต่เมื่อคืนเธอเร่าร้อนมากเลยนะ ดูไม่เหมือนว่าจะเกลียดฉัน
เลยนะ ทีม ?”
ส้งอานหยีหลับตา ร่างกายค่อยๆสั่นเทา เธอเกลียดที่ตัวเอง ไม่มีความเข้มแข็งพอ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งของเขา แต่ ก็บังคับตัวเองไม่ให้เขินอายขึ้นมาไม่ได้
“เสิ่นโม่เฟย …. ฉัน …. เกลียด …. นาย” เสียงของเธอสั่นเครือ เพราะความอดกลั้นที่เกิดจากปฏิกิริยาทางร่างกาย
“งั้นก็เกลียดสิ” เสินโม่เฟยใช้แรงดันเธอเข้าไปชิดกับกำแพง ตอนที่เธอยังไม่ทันได้รู้สึกตัว เขาก็รุกล้ำเข้าไปในตัวเธอแล้ว ภายใต้ความต้องการพื้นฐานของร่างกาย สังอานหยีค่อยๆสูญ เสียความเป็นตัวเองไป
ผิดพลาดแล้วผิดพลาดอีก หันกลับไปอีกไม่ได้แล้ว
จนตอนที่ทุกอย่างจบลงแล้ว เขาก็ช่วยเธอทำความสะอาด ร่างกาย จากนั้นก็อุ้มเธอออกไปวางบนเตียง
สั่งอานหยีลากผ้าห่มมาคลุมทั่วร่างของตัวเอง “นายไปเถอะ”
เสียงสะอื้นของเธอดึงออกมาจากในนั้น
เสิ่นโม่เฟยทอดสายตามองเธอที่ซ่อนตัวเองอยู่ใต้ผ้าห่ม เนิ่นนาน ก่อนจะขยับริมฝีปากบาง “อานหยี ถ้าหากคนๆหนึ่ง เอาแต่ทรมานตัวเอง มันก็จะมีแต่ความเจ็บปวด ทำไมไม่ เผชิญหน้ากับทุกอย่างตรงๆล่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเธอ
เขาพูดต่อว่า “ฉันจะรอเธอ
รู้ว่าเธอยังคิดไม่ได้ แล้วเขาก็ไม่อยากบีบบังคับเธอ
ในที่สุด เขาก็เก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมทีละชิ้น ทอดสายตามองเธอที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเนิ่นนาน ก่อนจะเดิน จากไป
เรื่องบางเรื่อง ไม่จําเป็นต้องรีบร้อนไป เขามั่นใจว่าเธอจะต้อง กลับมาอยู่ข้างกายเขาแน่
สั่งอานหยีไม่ไปทำงาน
หลีน่าโทรหาเธอตั้งหลายครั้ง แต่ก็โทรไม่ติด ไม่รู้ว่าจะทำยัง ไงต่อ จนต้องติดต่อไปหาถังรั่วชู
ส่วนทางถังรั่วชูทันทีที่รู้เรื่องเข้า ก็ติดต่อไปหาสังอานหยี ทันที แต่โทรศัพท์ก็โทรไม่ติดเหมือนกัน
เมื่อคืนสงอานหยีกลับไปจากบ้านตัวเอง เธอกลัวว่าระหว่าง ทางนั้นจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
เธอที่รู้สึกเป็นห่วงมากเลยขับรถตรงไปที่บ้านของสังอานหยี เพิ่งจะถึงหน้าประตู กำลังเตรียมจะเคาะประตู ทันใดนั้นประตู ก็ถูกเปิดออกโดยคนที่อยู่ข้างใน
คนที่เดินออกมานั้นทำให้ถังรั่วชูถึงกับนิ่งอึ้ง
เสิ่นโม่เฟยเองก็คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้จะมาปรากฏตัวที่นี่ ต่างก็ ชะงักงันไปเหมือนกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ ถังรั่วชูถึงได้ส่งเสียงออกมาก่อน “ทำไมถึงมา
อยู่ที่นี่”
เขาอยู่ที่นี่ แล้วอานหยีล่ะ ?
หรือว่าพวกเขา ?
เสิ่นโม่เฟยเองก็ไม่ได้แสดงสีหน้าแตกตื่นอะไร “พี่สะใภ้ ทุก คนต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ผมคงไม่ต้องอธิบายสินะ”
สีหน้าของถังรั่วซูเปลี่ยนไปทันที “นาย…. นายกับอานหยี….
พวกเธอ…..”
ถังรั่วชูตกตะลึงจนแทบพูดไม่ออก
“ก็แบบนั่นแหละครับ” เสิ่นโม่เฟยยอมรับออกมาตามตรง
เห็นเขาทําท่าทางราวกับเป็นแค่เรื่องง่ายดายแบบนั้น ถังรั่ว ชูก็อดโมโหไม่ได้ “เสิ่นโม่เฟย นายรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำ อะไรอยู่”
“ผมรู้”
“งั้นฉันถามนายหน่อยนะ นายให้อะไรอ่านหยีได้บ้าง การ แต่งงานนายให้ได้ไหม”
เงินโมเฟอนิ่งเงียบไป เรื่องการแต่งงานของเขา เขาไม่เคยได้ เป็นคนกำหนดเองเลย แล้วเขาจะเอาอะไรไปรับประกันเรื่อง การแต่งงานกับเธอได้ล่ะ
เห็นมาเงียบไป ถังรั่วซูยิ้มเย็นยะเยือก “ทำไม ตอบไม่ได้แล้ว
เธอสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะพูดต่อ “ฉันถามซือจิ่นมาแล้ว เขาบอกว่าคู่หมั้นของนายเป็นหลานสาวของเพื่อนร่วมรบเก่า ของปู่นาย เป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิต สัญญาแบบนี้ไม่ใช่ อะไรที่นายจะบอกว่ายกเลิกก็ยกเลิกได้นะ”
สิ่งที่เธอพูดเป็นสิ่งที่เสิ่นโม่เฟยรู้ดีอยู่แล้วมาตลอด อาจจะ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อเรื่องที่ เราชอบอานหยีเลย
“ผมชอบอานหยี” เขามองถังรั่วชูอย่างจริงจัง ท่าทางจริงใจ อย่างเต็มเปี่ยม
“งั้นนายก็ปล่อยมือเถอะ เธอรับคำว่ามือที่สามไม่ไหวหรอก”
ถังรั่วซูมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขาทีหนึ่ง ก่อนจะเดินอ้อม ตัวเขาไปข้างใน ทันใดนั้นเท้าของเธอก็หยุดชะงัก
เพราะว่าสั่งอานหยียืนอยู่ข้างชั้นวางรองเท้าที่อยู่หน้าประตู
ถ้าอย่างนั้น ที่พวกเขาคุยกันเมื่อกี้เธอก็ได้ยินหมดแล้วสิ
สีหน้าของสังอานหยีไร้ความรู้สึกใดๆ ทำแค่เพียงจ้องมองเธอ กับ….. เขา อยู่เงียบๆ
“อานหยี” ถังรั่วชูเรียกเธอด้วยสีหน้าห่วงใย
เมื่อได้ยินเธอเรียก “อานหยี” เสิ่นโม่เฟยหันกลับไปดู เงาของ ร่างบางปรากฏตัวสู่สายตาเขา นัยน์ตาสีดำสั่นเครือเป็นคลื่น บางๆ
“ชูชู เธอมาแล้วเหรอ” สังอานหยีคลี่ยิ้มบางๆให้ถังรั่วชู สีหน้า ของเธอเรียบเฉย แววตาว่างเปล่า
“อานหยี ที่จริงแล้ว…. เมื่อเห็นสภาพของเธอ ถังรั่วชูก็รู้สึก จุกอก อยากเดินเข้าไปกอดเธอ แต่กลับเห็นว่าเธอก้าวเท้าเดิน เข้ามา ผ่านตัวของเธอไป เดินตรงไปหยุดตรงหน้าของเสิ่นโม่ เฟย
เสิ่นโม่เฟยเห็นแววตาของเธอไม่มีความร้อนรนอะไร ในใจก็ ปวดแปลบขึ้นมา เอ่ยปากขึ้น “อานหยี…..
“เพี้ย !”
เขายังไม่ทันได้พูดจบ ฝ่ามือหนึ่งก็ฟาดลงบนใบหน้าเขา ตัดบทคําพูดของเขา
ม่านตาขยายขึ้น เขามองเธอแบบไม่อยากจะเชื่อ
กลับเห็นแค่เธอกำลังยิ้มอย่างเย็นชา สีหน้าเศร้าสร้อยและ หดหู่ “เสิ่นโม่เฟย ต่อไปนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก ไม่ ว่าจะเคยเกิดอะไรขึ้นก็ทำให้มันเป็นแค่ความฝันฉากหนึ่ง เท่านั้น ตอนนี้เชิญนายออกไปได้แล้ว”
“ทำไม ?” เสิ่นโม่เฟยไม่เข้าใจเพราะในเมื่อพวกเขาก็เหมาะ สมกันขนาดนี้ เธอกลับผลักไสเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เรื่องแต่งงานจะมีหรือไม่มีก็ช่าง แค่คนสองคนรักกันก็พอแล้ว ไม่ใช่เหรอ
“เพราะ……..” เธอหยุดลงครู่หนึ่ง แววตาค่อยๆเผยความรู้สึก ออกมา เผยความรู้สึกเย็นชาออกมา เธอพูดออกมาชัดๆทีละ คำ “ฉัน เกลียด นาย !”
ฉันเกลียดนาย !
แค่คำเดียวก็ลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นระหว่างพวก
เขาแล้ว
ประตูถูกปิดลงอย่างแรง
ทอดมองประตูสีทองแดงนั้น ในใจราวกับถูกคนขุดจนเป็น หลุม เวิ้งว้างว่างเปล่า รู้สึกทรมานเป็นที่สุด
ทั้งๆที่อยู่แค่หลังประตู และระหว่างเขากับเธอก็ห่างกันแค่ ประตูกั้นบานเดียวเท่านั้น
และอีกด้านของประตู ถังรั่วชูมองไปที่สังอานหยีที่ปิดประตู ลงอย่างเป็นห่วงเป็นใย ไม่รู้จะพูดอะไรดีไปชั่วขณะหนึ่ง
ส่งอานหยีก้มหน้ามองลูกบิดประตูที่ปิดลง ขอบตาเจ็บแสบ ขึ้นมา น้ำตาแทบจะเอ่อล้นออกมา
มีความผิดพลาดบางอย่าง ที่ยังมีโอกาสแก้ไข ถ้าอย่างนั้นก็ ต้องแข็งใจ จะตัดก็ต้องตัดให้ขาด อย่าอาลัยอาวรณ์ไม่จบไม่
จะเป็นความชอบหรือความรักแล้วมันยังไง ไม่คู่ควรก็คือไม่คู่ควร
เคล็ดลับ: คุณสามารถใช้แป้นคีย์บอร์ดซ้ายขวา A และ D เพื่อเรียกดูระหว่างบทต่างๆ